ลงทุนอะไรดี ยามดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ แนะ 14 ทางเลือกน่าสนใจ

          ลงทุนอะไรดี หรือจะฝากเงินแบบไหนดี ในยามที่ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลดลงไปเยอะ ลองดูตามนี้แล้วเลือกตามความเสี่ยงที่รับได้

          ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลดต่ำ ดูเหมือนว่าการเก็บเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์คงไม่ใช่ทางเลือกของผู้ที่อยากได้ผลตอบแทนงอกเงยจากเงินต้นเสียแล้ว เพราะหากเราฝากเงิน 100,000 บาท ไว้ในธนาคารออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ย 0.25% โดยไม่ถอนเป็นเวลา 1 ปี พอครบกำหนดก็จะได้ดอกเบี้ยราว ๆ 250 บาทเท่านั้นเอง เอ...แล้วจะมีทางไหนที่จะได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลย

------------------------------------------------

กลุ่มความเสี่ยงต่ำ เงินต้นยังอยู่

------------------------------------------------

วิธีออมเงิน

1. ฝากบัญชีประจำ


         เมื่อเงินฝากออมทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ดอกเบี้ยราว ๆ 0.125-0.5% แล้วเราเป็นคนไม่กล้ารับความเสี่ยงการขาดทุนเท่าไร แนะนำให้แบ่งเงินเย็นไปฝากบัญชีประจำดู ซึ่งบัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ราว ๆ 1% แต่หากฝากประจำแบบ 24 เดือน ก็จะได้ดอกเบี้ยมากกว่านี้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การฝากแบบประจำ เรายังต้องเสียภาษีดอกเบี้ยอีก 15% ด้วย

          เช่น ถ้ามีเงิน 100,000 บาท นำไปฝากประจำ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี เมื่อครบปีจะได้ดอกเบี้ย 1,000 บาท แต่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% จึงได้รับดอกเบี้ยจริง ๆ แค่ 850 บาท

         ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย

2. ฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง-ออมทรัพย์ดิจิทัล


          หลายธนาคารมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงให้เลือก ซึ่งจะให้ดอกเบี้ยประมาณ 1-2% ต่อปี สามารถฝากเงินได้ตลอดเวลา แต่บางธนาคารอาจมีเงื่อนไขว่าให้ถอนได้เพียงเดือนละ 1-2 ครั้ง ดังนั้นจึงเหมาะเป็นบัญชีสำหรับออมเงินที่ให้ดอกเบี้ยพอ ๆ กับบัญชีเงินฝากประจำ แต่คล่องตัวกว่า

           นอกจากนี้ ยังมีบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นรูปแบบเดียวกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป แต่ไม่มีสมุดคู่ฝาก และต้องเปิดบัญชี ฝาก ถอน ทำธุรกรรมทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชัน โดยจะได้รับดอกเบี้ยประมาณ 1.5-3%  ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและจำนวนเงินฝากตามที่ธนาคารกำหนด

3. เงินฝากปลอดภาษี


         บัญชีนี้เหมาะสำหรับคนอยากเก็บออม เพราะจะต้องนำเงินฝากเข้าธนาคารทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กันตามที่เราเลือกไว้ ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นฝากที่เดือนละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท สำหรับระยะเวลาฝาก 24 เดือน หรือสูงสุดไม่เกิน 16,500 บาท สำหรับการฝาก 36 เดือน ซึ่งบัญชีฝากประจำประเภทนี้จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีประเภทอื่น ๆ คือราว ๆ 2-3% (ขึ้นอยู่กับแคมเปญของธนาคารในช่วงนั้น) แถมยังไม่ต้องเสียภาษี แต่มีข้อจำกัดว่า 1 คน เปิดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น ไม่ว่าจะธนาคารไหนก็ตาม

4. ซื้อสลากออมทรัพย์


         ถ้ามีเงินก้อนสามารถเก็บไว้ได้สัก 2 ปีขึ้นไป การซื้อสลากออมทรัพย์ก็น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ยตามที่กำหนดแล้ว เกิดดวงดีมีโชคยังมีโอกาสถูกรางวัลอีกต่างหาก แต่ถ้าใครอยากถูกรางวัลทุกงวดก็ต้องซื้อแบบครบวงจร เช่น ถ้าสลากขายหน่วยละ 100 บาท ต้องซื้อ 1,000 หน่วย หรือ 100,000 บาทขึ้นไป จึงจะถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ทุกงวด แต่ถ้าไม่มีเงินก้อนก็สามารถทยอยซื้อเป็นครั้ง ๆ ได้ ยังได้ลุ้นรางวัลเหมือนกัน
 
         ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่รับฝากก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสลากที่ขายในช่วงนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องฝากให้ครบตามกำหนดเวลา หากไถ่ถอนสลากออกมาก่อนจะไม่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ระบุไว้ หรือได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลง

          ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลสลากออมทรัพย์เพิ่มเติมได้ที่ ธอส., ธ.ก.ส. และ ธนาคารออมสิน 

5. ใบรับฝากเงิน


          เป็นการฝากเงินไว้กับบริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามระยะเวลาที่กำหนด ขั้นต่ำ 1 ปี เพื่อรับดอกเบี้ย ซึ่งมักให้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร เช่น สำหรับการฝาก 1 ปี จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 1.25-1.75% หากฝาก 4-5 ปี จะได้ดอกเบี้ยมากกว่า 2-3% แต่ต้องเปิดบัญชีขั้นต่ำหลักแสนขึ้นไป และผู้ฝากจะต้องมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารใดก็ได้ เพื่อผูกบัญชีรองรับการโอนดอกเบี้ย
 
          ทั้งนี้ บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะนำเงินของผู้ฝากไปให้บริการด้านสินเชื่อกับประชาชนทั่วไป อีกทั้งเงินฝากของเรายังได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากไม่ต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป จึงมั่นใจได้

          ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยของบริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน

6. พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรออมทรัพย์


วิธีออมเงิน
ภาพจาก Santibhavank P / Shutterstock.com

         เป็นตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกเพื่อกู้เงินจากประชาชน เท่ากับเราเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล โดยส่วนใหญ่จะต้องถือในระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป ซึ่งหากมีอายุนานก็จะยิ่งได้ดอกเบี้ยสูงตามไปด้วย ขณะเดียวกันถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำพอ ๆ กับเงินฝาก

7. กองทุนรวมตลาดเงิน


         กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) ถือเป็นแหล่งพักเงินที่ดีสำหรับคนที่อยากได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ ข้อดีคือ เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะเน้นลงทุนในเงินฝากของธนาคาร หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี มีเงินหลักร้อยก็ลงทุนได้ แถมไม่ต้องเสียภาษีเหมือนเงินฝากประจำ สามารถซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ แต่จะได้รับเงินในอีก 1 วันทำการที่สั่งขายหน่วยลงทุน

        อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ซื้อง่าย ขายคล่อง ฝากได้ ถอนได้ ไม่ต่างจากบัญชีออมทรัพย์ แม้จะได้รับเงินช้ากว่าเงินฝากออมทรัพย์อย่างน้อย 1 วันทำการ แต่มีโอกาสได้ดอกเบี้ยพอ ๆ กับเงินฝากประจำเลยทีเดียว

-----------------------------------

กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง

-----------------------------------

1. หุ้นกู้


วิธีออมเงิน

         หุ้นกู้ก็คือตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดยบริษัทเอกชน เพื่อกู้ยืมเงินของประชาชนไปลงทุน มีระยะเวลาในการฝาก เช่น 3 ปี 5 ปี 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแล้วแต่บริษัทจะกำหนด ซึ่งมีทั้งแบบกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์แน่นอนตายตัว หรือแบบขั้นบันได

         หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงมาก-น้อยขึ้นอยู่กับเครดิตของบริษัทนั้น เช่น ถ้าบริษัทมีความน่าเชื่อถือมากก็จะได้รับเครดิตสูงสุด AAA ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือที่ต่ำกว่า BBB- จัดเป็นหุ้นกู้ที่ควรระมัดระวังในการลงทุน โดยทั่วไปหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจะให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การซื้อหุ้นกู้ไม่ควรดูแค่อัตราดอกเบี้ยสูง ๆ เท่านั้น แต่ควรดูอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วย หากสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "หุ้นกู้ ลงทุนไม่ยากอย่างที่คิด"

2. กองทุนรวมตราสารหนี้


         เป็นกองทุนรวมที่มีการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก มีให้เลือกทั้งตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) และตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ซึ่งผลตอบแทนก็จะแตกต่างกันไป โดยตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Bond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ประมาณ 0.5-1% ส่วนตราสารหนี้ระยะยาว (Long Term Bond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ประมาณ 1-3%

         อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมตราสารหนี้มีความเสี่ยงกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับตราสารหนี้ที่แต่ละกองทุนเลือกลงทุน หากลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนที่มากหน่อยก็ต้องระวังความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในตลาด และบางกองทุนไม่เปิดซื้อ-ขายทุกวันทำการ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดของแต่ละกองทุนให้ดีก่อนลงทุน
 

3. ฝากเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์


          หากหน่วยงานที่เราสังกัดอยู่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ก็สามารถฝากเงินไว้กับสหกรณ์ได้ ซึ่งโดยมากให้ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร เช่น เงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ราว ๆ 2-3% เลยทีเดียว หรือบางกรณีอาจได้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล ซึ่งผลตอบแทนจะไม่ต้องเสียภาษี

          อย่างไรก็ตาม การฝากเงินกับสหกรณ์จัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าธนาคาร เพราะเงินฝากไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หากเกิดปัญหาขึ้นภายในสหกรณ์ ผู้ฝากอาจไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงต้องพิจารณาในด้านความน่าเชื่อถือของหน่วยงานด้วย

------------------------------------------------

กลุ่มความเสี่ยงสูง มีโอกาสขาดทุน

------------------------------------------------

1. กองทุนรวม

 
วิธีออมเงิน

         มีเงินเพียง 1,000 บาท ก็ลงทุนกองทุนรวมต่าง ๆ ได้แล้ว แต่กองทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงพอสมควรที่จะขาดทุน สูญเสียเงินต้น ทว่าก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน โดยมีให้เลือกลงทุนหลายประเภท ทั้งกองทุนรวมในประเทศ ต่างประเทศ ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น น้ำมัน ทองคำ โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเภทมีอัตราความเสี่ยงและผลตอบแทนแตกต่างกันไป
 
         นอกจากนี้สำหรับคนที่มีภาระเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในฐานสูง ๆ คือตั้งแต่ 15% ขึ้นไป อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่มาแทนกองทุนรวม LTF หรือกองทุน Thai ESG แต่ถ้าต้องการมีเงินเก็บไว้ยามเกษียณ จะเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก็ได้ ซึ่งทั้ง 3 กองทุนนี้สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน

          - ทำความเข้าใจ กองทุน SSF ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่มาแทน LTF


         อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการลงทุนในกองทุนรวมจึงไม่สามารถบอกผลตอบแทนที่แน่นอนได้ สามารถทำได้เพียงอ้างอิงผลตอบแทนย้อนหลังที่มีการเปิดเผยกันตามปกติเท่านั้น และผลตอบแทนในอดีตก็ไม่ได้เป็นหลักประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลและเลือกกองทุนที่มีแนวโน้มที่ดี

หากสนใจข้อมูลเรื่องกองทุนรวม อ่านต่อที่นี่เลย

         - เริ่มต้นลงทุนกองทุนรวมอย่างมั่นใจ มือใหม่ก็ทำได้
         - รู้จักกองทุนรวม..การลงทุนน่าสนใจของวัยเริ่มต้นทำงาน
         - อยากซื้อกองทุนรวม ต้องเริ่มอย่างไร
         - เล่นหุ้นเอง VS ซื้อกองทุนรวมหุ้น ชี้ชัด ๆ ทางเลือกไหนใช่สำหรับคุณ

2. ออมหุ้น

 
         สำหรับคนที่อยากลงทุนในหุ้น แต่ขาดความรู้ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี อาจลองใช้วิธีออมหุ้นแทนไปก่อน โดยเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่มีบริการออมหุ้น จะให้โบรกเกอร์ช่วยซื้อหุ้นให้ หรือออมหุ้นอัตโนมัติด้วยตัวเองก็ได้ เพียงแค่คัดเลือกหุ้นที่น่าลงทุนในระยะยาว แล้วซื้อหุ้นเป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันในทุกเดือน วิธีนี้เรียกว่า Dollar-Cost Averaging หรือ DCA ซึ่งเป็นการลงทุนด้วยเงินที่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน เช่น เดือนละ 5,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้นจะเป็นเท่าไร 

         วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถซื้อหุ้นได้จำนวนมากขึ้นเมื่อราคาต่ำลง และหากราคาหุ้นสูงขึ้นเราจะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง ดังนั้น ถ้าเราเลือกหุ้นดี ถือไว้ระยะยาวหลาย ๆ ปี ก็มีโอกาสได้กำไร หรือถ้าเลือกหุ้นที่มีปันผลสูงด้วยก็ยังได้เงินระหว่างปีเป็นดอกเบี้ยกลาย ๆ เหมือนกัน ศึกษาข้อมูลเรื่องบัญชีออมหุ้นเพิ่มเติมได้ที่ "ลดความเสี่ยงให้นักลงทุนมือใหม่ ด้วยบัญชีออมหุ้น"

3. ออมทอง


ออมทอง

          ไม่ต้องใช้เงินหลักหมื่นหลักแสนก็ลงทุนในทองคำได้เช่นกัน เพราะเดี๋ยวนี้มีโปรแกรมออมทองที่ให้เรากำหนดเงินลงทุนเอง แล้วทยอยซื้อทองคำจากโบรกเกอร์ บางเจ้าให้เราลงทุนเริ่มต้นแค่ 10 บาท จะซื้อเดือนละครั้ง หรือซื้อเมื่อไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของโบรกเกอร์นั้น ๆ

          ข้อดีคือ ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการซื้อทอง แต่เป็นการทยอยซื้อทองสะสม จึงช่วยเฉลี่ยราคาทองคำที่ผันผวนได้ อีกทั้งไม่ได้รับทองจริง ๆ ถ้าจำนวนที่ซื้อยังไม่ถึงตามกำหนด ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าทองที่เราเป็นเจ้าของจะสูญหายไปไหน หากสนใจลองดูวิธีลงทุนทองคำผ่านโปรแกรมออมทองกันเลย

          - รวมวิธีลงทุนทองคำ มีเงินหลักสิบ-หลักพันก็ซื้อได้ ไม่ต้องใช้เงินก้อนโต  

4. คริปโทเคอร์เรนซี


คริปโต

          การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ได้รับความนิยมสูงมากในช่วง 3-4 ปีหลังมานี้ ทำให้ราคาของหลาย ๆ เหรียญพุ่งทะยานเป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซ็นต์ เช่น บิตคอยน์ที่เคยมีราคาสูงถึง 2 ล้านบาท ต่อ 1 บิตคอยน์ หรือพวก Altcoin อย่าง BTC, Ethereum, Polkadot, Dogecoin ราคาก็พุ่งแรงเช่นกัน

          แน่นอนว่าแม้จะเห็นโอกาสทำกำไรมหาศาล แต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูงไม่น้อย เพราะราคาผันผวนได้ตลอดเวลา บางครั้งก็ไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรรองรับเลยด้วย ดังนั้น หากคิดจะเล่นคริปโต ไม่ว่าจะเป็นสายขุด สายเทรด หรือสายฟาร์ม ต้องศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุด และควรใช้เงินลงทุนจำนวนน้อย ๆ ที่เราคิดว่ายอมเสียได้ เพื่อหาประสบการณ์ดูก่อน เวลาขาดทุนจะได้ไม่เสียหายมากนัก


          ใครกำลังมองหาที่เก็บเงิน หรืออยากเริ่มต้นลงทุน ลองนำทางเลือกเหล่านี้ไปใช้ดูได้ แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าหากใครจะเลือกลงทุนอะไร ต้องศึกษารายละเอียดและข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง


บทความที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน



ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย, เฟซบุ๊ก Thai Mutualfund : ให้เงินทำงาน ผ่านกองทุนรวม, morningstarthailand.com, wealthmagik.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลงทุนอะไรดี ยามดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ แนะ 14 ทางเลือกน่าสนใจ อัปเดตล่าสุด 16 ตุลาคม 2567 เวลา 16:28:38 111,266 อ่าน
TOP
x close