เป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกัน ย่อมจะใช้เครื่องมือในการออมและลงทุนที่แตกต่างกัน
ในโลกของการลงทุน นักลงทุนแต่ละคนมีเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกันไป บางคนต้องการเก็บเงินซื้อรถยนต์ บางคนต้องการออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ทำให้สินทรัพย์ที่ลงทุนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปอีกด้วย แต่เราควรเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างไรให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเอง กระปุกดอทคอม นำข้อมูลจาก K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มาบอกต่อนักลงทุนทั้งหลาย โดยเป้าหมายการลงทุน สามารถแบ่งตามระยะเวลาได้ 3 แบบ คือ เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะปานกลาง และเป้าหมายระยะยาว ดังนี้
ในโลกของการลงทุน นักลงทุนแต่ละคนมีเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกันไป บางคนต้องการเก็บเงินซื้อรถยนต์ บางคนต้องการออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ทำให้สินทรัพย์ที่ลงทุนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปอีกด้วย แต่เราควรเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างไรให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเอง กระปุกดอทคอม นำข้อมูลจาก K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มาบอกต่อนักลงทุนทั้งหลาย โดยเป้าหมายการลงทุน สามารถแบ่งตามระยะเวลาได้ 3 แบบ คือ เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะปานกลาง และเป้าหมายระยะยาว ดังนี้
คือเป้าหมายที่มีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ยกตัวอย่างเช่น การออมเงินเพื่อซื้อรถยนต์ การออมเงินเพื่อเที่ยวต่างประเทศ การออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้นจะเป็นการออมในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อให้สามารถนำเงินมาใช้จ่ายสำหรับเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ที่นักลงทุนจะลงทุนนั้น จะแตกต่างกันไปตามความจำเป็นของเป้าหมาย หากเป้าหมายมีความสำคัญมาก เช่น การซื้อรถยนต์ สินทรัพย์ที่ควรลงทุนจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เช่น เงินฝาก กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลา
หากเป้าหมายมีความสำคัญน้อยลง เช่น การท่องเที่ยว จะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ เพราะหากไม่สามารถออมเงินเพื่อเป้าหมายนี้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด ก็สามารถเลื่อนระยะเวลาออกไป หรือปรับลดงบประมาณในการท่องเที่ยวลงได้ ดังนั้น การออมเงินเพื่อเป้าหมายประเภทนี้ นอกจากสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่ได้แนะนำข้างต้นแล้ว ยังสามารถแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนในกองทุนผสม ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน เพื่อเป็นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีการลงทุนในหุ้นด้วย ดังนั้น เงินต้นที่แบ่งมาลงทุนในกองทุนผสมนี้มีโอกาสปรับลดลงได้ด้วยค่ะ
เป้าหมายระยะกลาง
คือเป้าหมายที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 3 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี ยกตัวอย่างเช่น การออมเงินเพื่อดาวน์บ้าน การออมเงินเพื่อการศึกษาบุตร เนื่องจากเป้าหมายระยะกลางมีระยะเวลาที่นานกว่าเป้าหมายระยะสั้น ดังนั้น สินทรัพย์ที่ลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องมีสภาพคล่องสูงเหมือนกับการออมเพื่อเป้าหมายระยะสั้น สำหรับการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนนั้น สามารถลงทุนได้ทั้งในตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
เป้าหมายระยะยาว
คือเป้าหมายที่มีระยะเวลาการลงทุนมากกว่า 7 ปี เช่น การออมเงินเพื่อเกษียณอายุ สำหรับการลงทุนระยะยาวนั้น นอกจากการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว นักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือประกันชีวิต เพื่อได้รับประโยชน์ 2 ต่อ ทั้งในด้านการออมเงินเพื่อเกษียณอายุ และการลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง 2 ประเภท มีกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากรในการซื้อและขายหน่วยลงทุน ขอให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลการลงทุนก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนด้วยนะคะ
ไม่ว่าเป้าหมายการลงทุนจะเป็นรูปแบบใด ขอแนะนำให้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน (Dollar Cost Averaging) เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และป้องกันการหลงลืมการลงทุนได้อีกด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ อย่าลืมศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ที่จะลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะคะ
K-Expert Action
• ก่อนนำเงินไปลงทุน ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
• การลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนจะช่วยกระจายความเสี่ยง และป้องกันการหลงลืมการลงทุนได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก