ประกันสังคม มาตรา 40 คืออะไร มีสิทธิประโยชน์อะไร ต่างจาก ประกันสังคม มาตรา 33 หรือ ประกันสังคม มาตรา 39 อย่างไร และครอบคลุมความคุ้มครองส่วนไหนบ้าง ล่าสุดให้คนที่มีอายุ 60-65 ปี สมัครได้แล้วด้วย
หากคุณเป็นแรงงานนอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า
วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เกษตรกร ฟรีแลนซ์ หรือกลุ่มแรงงานอิสระอื่น ๆ ก็สามารถสมัครประกันสังคม มาตรา 40 เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ ได้ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ทางเลือก ซึ่งแต่ละทางเลือกจะให้ความคุ้มครองแตกต่างกัน
ใครที่ยังไม่เข้าใจว่าสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ในกลุ่มของมาตรา 40 มีอะไรบ้าง และยังลังเลว่าจะสมัครดีไหม วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากกันว่า
ประกันสังคม มาตรา 40 คุ้มครองอะไรบ้าง อยากสมัครต้องทำอย่างไร
ใช้เอกสารอะไรบ้าง มาดูกันเลย
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับประกันสังคม มาตรา 40 กันก่อนว่าคืออะไร โดยจุดมุ่งหมายของประกันสังคม มาตรา 40 คือ การขยายระบบประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร รวมไปถึงพนักงานอิสระต่าง ๆ ได้มีหลักประกันในชีวิตนั่นเอง ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นสามารถใช้บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) ได้
ผู้ที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ประกันสังคม มาตรา 40 คืออะไร ?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับประกันสังคม มาตรา 40 กันก่อนว่าคืออะไร โดยจุดมุ่งหมายของประกันสังคม มาตรา 40 คือ การขยายระบบประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร รวมไปถึงพนักงานอิสระต่าง ๆ ได้มีหลักประกันในชีวิตนั่นเอง ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นสามารถใช้บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) ได้
ประกันสังคม มาตรา 40 ใครสมัครได้บ้าง ?
ผู้ที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. มีสัญชาติไทย
2. เป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยมีมติ ครม. ผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขบัตรประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 6 หรือ 7
2. เป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยมีมติ ครม. ผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขบัตรประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 6 หรือ 7
3. เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการส่งกลับที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขประจำตัวหลักแรกเป็น 0 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ยกเว้นผู้ที่มีเลขประจำตัวหลักแรกและหลักที่สองเป็น 0)
4. มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2563)
5. ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนตามประกันสังคม มาตรา 33
และไม่เคยสมัครเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39
(บุคคลที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนในมาตรา 33
มาก่อนแล้วลาออก แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้)
6. ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่าง ๆ หรือไม่เป็นสมาชิกกองทุนของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะเดียวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญของส่วนราชการ
7. ผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยขึ้นต้นด้วยเลข 0, 6, 7 (ยกเว้นขึ้นต้นด้วย 00)
8. หากเป็นผู้พิการให้ระบุลักษณะหรืออาการของผู้พิการโดยละเอียด (ยกเว้นผู้พิการทางสติปัญญาและผู้พิการที่ไม่อาจรับรู้สิทธิที่พึงจะได้รับจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่สามารถสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้)
ภาพจาก amadeustx/Shutterstock
ภาพจาก amadeustx/Shutterstock
ประกันสังคม มาตรา 40 จ่ายเงินสมทบเท่าไร สิทธิประโยชน์มีอะไรบ้าง ?
ทางเลือกที่ 1 : ผู้ประกันตนจ่ายสมทบ 70 บาท รัฐจ่ายสมทบ 30 บาท รวมเป็นจ่ายสมทบ 100 บาท ซึ่งรับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ และเงินค่าทำศพกรณีเสียชีวิต
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
1. กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย
- นอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน) ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 300 บาทต่อวัน ไม่เกิน 30 วันต่อปีปฏิทิน
- ไม่ได้นอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยนอก) แต่มีใบรับรองแพทย์สั่งให้หยุดงานตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป จะได้รับเงินทดแทนวันละ 200 บาท ไม่เกิน 30 วันต่อปีปฏิทิน
- กรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกทั้ง 2 ข้อข้างต้น สามารถใช้สิทธิ์รวมกันได้ไม่เกิน 30 วันต่อปีปฏิทิน
- กรณีไม่ได้นอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยนอก) และมีใบรับรองแพทย์ให้หยุดพักไม่เกิน 2 วัน จะได้เงินทดแทน ครั้งละ 50 บาท ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี
ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 3 ใน 4 เดือน ก่อนประสบเหตุอันตรายถึงเจ็บป่วย จึงได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
- จ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือน ภายใน 10 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 500 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 12 เดือน ภายใน 20 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 650 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 24 เดือน ภายใน 40 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 800 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 36 เดือน ภายใน 60 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 1,000 บาทต่อเดือน
3. กรณีเสียชีวิตระหว่างทุพพลภาพ ได้รับเงินค่าทำศพ จำนวน 25,000 บาท (เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายใน 12 เดือน ก่อนเดือนที่เสียชีวิต ยกเว้นกรณีเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน ภายใน 6 เดือน ก่อนเดือนที่เสียชีวิต) และได้เพิ่มเงินสงเคราะห์ให้อีก 8,000 บาท เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 60 เดือน
* หมายเหตุ : ปรับเพิ่มค่าทำศพของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 จาก 20,000 บาท เป็น 25,000 บาท และเพิ่มเงินสงเคราะห์ จากเดิม 3,000 บาท เป็น 8,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564
* หมายเหตุ : ปรับเพิ่มค่าทำศพของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 จาก 20,000 บาท เป็น 25,000 บาท และเพิ่มเงินสงเคราะห์ จากเดิม 3,000 บาท เป็น 8,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
1. เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ และเงินค่าทำศพ จะได้รับเช่นเดียวกับผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 1
2. เงินบำเหน็จชราภาพ จะได้รับเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ซึ่งเงินบำเหน็จจะคำนวณจากเงินที่รัฐบาลอุดหนุนเดือนละ 50 บาท นำมาคูณด้วยระยะเวลาที่ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเพื่อกรณีชราภาพ และบวกด้วยเงินผลกำไรที่สำนักงานประกันสังคมนำเงินส่วนนี้ไปลงทุน
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมในรูปแบบการออมเงิน ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
หากผู้ประกันเสียชีวิตก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพแก่สามี ภรรยา บิดา มารดา หรือบุตรของผู้ประกันตน หรือบุคคลที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้ว่าให้มีสิทธิ์รับเงินบำเหน็จชราภาพ ในจำนวนเท่า ๆ กัน
ทางเลือกที่ 3 : เป็นตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แรงงานนอกระบบ ใกล้เคียงกับแรงงานในระบบมากขึ้น โดยให้ผู้ประกันตนจ่าย 300 บาท รัฐจ่ายสมทบ 150 บาท รวมเป็นเงินสมทบ 450 บาท ได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 5 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ เงินค่าทำศพ เงินบำเหน็จชราภาพ และเงินสงเคราะห์บุตร
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
1. เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย กรณีเจ็บป่วยและนอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน) ให้อยู่ที่ 300 บาทต่อวัน (ไม่เกิน 90 วัน) ส่วนกรณีไม่นอนโรงพยาบาล แต่แพทย์สั่งให้หยุดงานตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชยวันละ 200 บาท (ไม่เกิน 90 วัน) ทั้งนี้ กรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกรวมกันไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน
2. เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ ได้รับเงินทดแทน 500-1,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต โดยมีเงื่อนไข คือ
- จ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือน ภายใน 10 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 500 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 12 เดือน ภายใน 20 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 650 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 24 เดือน ภายใน 40 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 800 บาทต่อเดือน
- จ่ายเงินสมทบครบ 36 เดือน ภายใน 60 เดือน ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทน 1,000 บาทต่อเดือน
3. กรณีเสียชีวิตระหว่างทุพพลภาพ ได้รับเงินค่าทำศพ จำนวน 50,000 บาท (เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายใน 12
เดือน ก่อนเดือนที่เสียชีวิต ยกเว้นกรณีเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ
ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน ภายใน 6 เดือน ก่อนเดือนที่เสียชีวิต)
* หมายเหตุ : ปรับเพิ่มค่าทำศพของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 3 จาก 40,000 บาท เป็น 50,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
4. ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ซึ่งจะได้รับเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน
- คำนวณจากเงินที่ผู้ประกันตนและรัฐบาลจ่ายสมทบเพื่อกรณีชราภาพ เดือนละ 150 บาท คูณจำนวนเดือนที่ส่งเงินสมทบ พร้อมดอกผลจากการนำเงินไปลงทุน
- กรณีจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน รับเงินก้อนอีก 10,000 บาท
- ผู้ประกันตนสามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมได้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน - หากผู้ประกันเสียชีวิตก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพแก่สามี ภรรยา บิดา มารดา หรือบุตรของผู้ประกันตน หรือบุคคลที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้ว่าให้มีสิทธิ์รับเงินบำเหน็จชราภาพ ในจำนวนเท่า ๆ กัน
5. ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร
- ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า
24 เดือน ภายใน 36 เดือน
- ในระหว่างรับเงินสงเคราะห์บุตร
หากเดือนใดไม่ได้ส่งเงินสมทบ
จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรในเดือนนั้น ๆ
- ได้เงินสงเคราะห์ 200 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์
- สามารถใช้สิทธิ์ได้คราวละไม่เกิน 2 คน เช่น
หากบุตรคนแรกอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์แล้ว สามารถนำบุตรคนที่ 3
รับเงินสงเคราะห์บุตรแทนได้จนครบอายุ 6 ปีบริบูรณ์
ตารางสรุปสิทธิประโยชน์ประกันสังคม มาตรา 40
ประกันสังคม มาตรา 40 ลดหย่อนภาษีได้ไหม ?
ประกันสังคม มาตรา 40 สมัครอย่างไร ?
สำหรับใครที่มองเห็นสิทธิประโยชน์ดี ๆ และต้องการที่จะสมัครประกันสังคม มาตรา 40 สามารถดำเนินการสมัครด้วยตนเองโดยสมัครใจ มีรายละเอียดการยื่นใบสมัครผู้ประกันตน มาตรา 40 ดังนี้
1. สมัครผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
- คลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ www.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคม
- เลื่อนลงมาด้านล่าง เลือกลงทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน
- รอรับ SMS ยืนยันการสมัคร
2. สมัครผ่านแอปพลิเคชัน SSO Connect
- ดาวน์โหลดแอปฯ SSO Connect
- เลือกลงทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน
- เลือกลงทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน
- รอรับ SMS ยืนยันการสมัคร
- กรุงเทพฯ : ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
- ภูมิภาค : ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา
หลักฐานการสมัคร
- บัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง หรือบัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน
4. สมัครผ่านหน่วยบริการรับสมัครผู้ประกันตนตามมาตรา 40
เช่น เครือข่ายประกันสังคมทั่วประเทศ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เคาน์เตอร์ห้างบิ๊กซี เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. โดยยื่นบัตรประชาชนให้พนักงานทำการสมัครให้ได้เลย
เช่น เครือข่ายประกันสังคมทั่วประเทศ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เคาน์เตอร์ห้างบิ๊กซี เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. โดยยื่นบัตรประชาชนให้พนักงานทำการสมัครให้ได้เลย
วิธีจ่ายเงินสมทบประกันสังคม มาตรา 40
- จ่ายเงินสมทบเป็นรายเดือนวันที่เท่าไรของเดือนก็ได้
- สามารถจ่ายเงินสมทบงวดปัจจุบัน และล่วงหน้าได้ 12 งวดเดือน
- หากเดือนใดไม่ได้จ่ายเงินสมทบจะไม่สามารถจ่ายย้อนหลังได้ แต่จะยังคงเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40
- ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2 หรือ 3 สามารถขอจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมในส่วนของเงินออมกรณีชราภาพเพิ่มได้ ตั้งแต่ 1 บาท แต่สูงสุดไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท และสามารถจ่ายล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 เดือน
- จ่ายเงินสมทบได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา หน่วยบริการเคลื่อนที่ของสำนักงานประกันสังคม รวมถึงเคาน์เตอร์เซอร์วิส เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ห้างเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม ฯลฯ
นอกจากนี้ยังสามารถหักผ่านบัญชีธนาคารต่าง ๆ ตามนี้
- ธนาคารเพื่่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารทหารไทยธนชาต
โดยจะหักเงินทุกวันที่ 20 ของเดือน หากตรงกับวันหยุดจะเลื่อนไปหักบัญชีในวันทำการถัดไป
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน - Social Security Office
ประกันสังคม มาตรา 40 เปลี่ยนทางเลือกได้ไหม ?
เราสามารถยื่นขอเปลี่ยนทางเลือกจ่ายเงินสมทบได้ที่สำนักงานประกันสังคม ปีละ 1 ครั้ง โดยเมื่อยื่นขอเปลี่ยนแปลงทางเลือกแล้วจะมีผลในเดือนถัดไป
ผู้ประกันสังคม ทางเลือกที่ 1 หรือ 2 จะขอเปลี่ยนเป็นทางเลือกที่ 3 เพื่อรับเงินสงเคราะห์บุตรได้ไหม ?
สามารถเปลี่ยนทางเลือกได้ปีละ 1 ครั้ง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นทางเลือกที่ 3 ได้ แต่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราได้ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 24 เดือน ภายใน 36 เดือน หรือยัง เท่ากับว่าต้องเปลี่ยนมาเป็นทางเลือกที่ 3 อย่างน้อย 3 ปี จึงจะเบิกเงินสงเคราะห์บุตรได้
ประกันสังคม มาตรา 40 ได้เยียวยาอะไรบ้างจากเหตุโควิด 19 ?
- ค่ารักษาพยาบาล กรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา จะต้องใช้สิทธิบัตรทอง เนื่องจากประกันสังคม มาตรา 40 ไม่คุ้มครองกรณีเจ็บป่วย
- เงินทดแทนรายได้อันเนื่องมาจากการเจ็บป่วยและต้องหยุดงาน ตามคำสั่งของแพทย์ ได้ตั้งแต่ 50-300 บาทต่อวัน ไม่เกิน 30 วันต่อปี (สำหรับผู้ประกันตนทางเลือกที่ 1 และ 2) หรือไม่เกิน 90 วันต่อปี (สำหรับผู้ประกันตนทางเลือกที่ 3)
- ผู้ประกันตน มาตรา 40 จะไม่ได้รับเงินกรณีว่างงานเหมือนกับผู้ประกันตน มาตรา 33 แต่สามารถลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการคลัง ในโครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการเราชนะ ได้
- ปรับลดอัตราเงินสมทบ ในปี 2564 และ 2565 จะได้ปรับลดอัตราส่งเงินสมทบเหลือ 60% เป็นเวลา 12 เดือน (ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 - กรกฎาคม 2565) ดังนั้นจะต้องจ่ายเงินสมทบดังนี้
>> ทางเลือกที่ 1 จ่าย 42 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 70 บาท
>> ทางเลือกที่ 2 จ่าย 60 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 100 บาท
>> ทางเลือกที่ 3 จ่าย 180 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 300 บาท
>> ทางเลือกที่ 1 จ่าย 42 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 70 บาท
>> ทางเลือกที่ 2 จ่าย 60 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 100 บาท
>> ทางเลือกที่ 3 จ่าย 180 บาทต่อเดือน จากเดิมจ่าย 300 บาท
- ผู้ประกอบกิจการและกลุ่มคนอาชีพต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท
บทความที่เกี่ยวข้องกับประกันสังคม มาตรา 40
- ประกันสังคมมาตรา 33 สิทธิประโยชน์สำหรับมนุษย์เงินเดือน
- ประกันสังคม มาตรา 39 คืออะไร สิทธิประกันสังคม มีอะไรบ้าง
- เช็กสิทธิประกันสังคม มาตรา 33, 39, 40 ช่วยเหลืออะไรบ้างในช่วง COVID-19 ปี 2564