ทำความเข้าใจ กองทุน SSF ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่มาแทน LTF

          กองทุน SSF ต่างกับ LTF อย่างไร หากจะซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีต้องรู้เงื่อนไขอะไรบ้าง ใครอยากลงทุนพร้อมลดหย่อนภาษีไปด้วย มาหาคำตอบกัน

          ปีภาษี 2562 ถือเป็นปีสุดท้ายสำหรับการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี ดังนั้นจึงมีการจัดตั้งกองทุน SSF (Super Savings Fund) รูปแบบใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งนอกจากจะใช้ลดหย่อนภาษี ยังช่วยให้คนออมระยะยาวขึ้น แล้วกองทุน SSF มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ต่างกับกองทุน LTF ในอดีตอย่างไร เราลองมาทำความเข้าใจกัน

กองทน ssf

รู้จักกองทุน SSF

กองทุน SSF คืออะไร ?

          กองทุน SSF หรือ Super Savings Fund เป็นกองทุนรวมเพื่อการออมที่ลงทุนหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนดัชนี ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ปรับรูปแบบมาจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) ที่ลงทุนในหุ้นเป็นหลัก เพราะกองทุน SSF มีจุดประสงค์หลักเพื่อการออม ร่วมกับใช้ลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ที่ต้องยื่นภาษีในแต่ละปีนั่นเอง

กองทุน SSF ใช้ลดหย่อนภาษีได้เมื่อไร ?

          ใช้สิทธิ์ซื้อลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2563-2567 รวมระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นจะมีการประเมินผลอีกครั้งว่าจะต่ออายุหรือไม่

กองทุน SSF ซื้อลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ?

  • กองทุน SSF ให้เราซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (จากเดิมกองทุน LTF สามารถซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท)
     
  • ไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อต่อเนื่องทุกปี
     
  • จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF เมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

กองทุน SSF ซื้อแล้วต้องถือครองนานแค่ไหน ?

  • เพื่อการออมระยะยาวขึ้น หากซื้อกองทุน SSF จะต้องถือไว้นานอย่างน้อย 10 ปี โดยไม่สามารถขายได้ หากขายก่อนครบกำหนดจะถือว่าทำผิดเงื่อนไขลดหย่อนภาษี อาจจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นทั้งหมดทันที และต้องจ่ายเงินเพิ่มให้รัฐย้อนหลังด้วย
     
  • ระยะเวลา 10 ปี จะนับจากวันที่ซื้อ เช่น ซื้อกองทุน SSF วันที่ 1 ตุลาคม 2563 จะครบกำหนด 10 ปี ในวันที่ 1 ตุลาคม 2573 ต่างจากกองทุน LTF เดิมที่นับตามปีปฏิทิน 
     
  • หากครบกำหนดแล้วสามารถขายคืนได้ โดยกำไรที่ได้จากการขายคืนจะได้รับยกเว้นภาษี (หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด)
     
  • สามารถสับเปลี่ยนกองทุน SSF ไปยังกองทุน SSF ข้าม บลจ. ได้

ใครได้ประโยชน์จากกองทุน SSF ?

          จากการปรับรูปแบบกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีครั้งนี้ จะทำให้คนที่ยังมีรายได้ไม่สูงหรือมีฐานภาษีต่ำถึงปานกลางได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะสามารถซื้อกองทุน SSF ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของเงินได้พึงประเมิน 

          เช่น หากเรามีรายได้ 400,000 บาท/ปี จะซื้อ LTF ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% หรือ 60,000 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น SSF จะซื้อลดหย่อนได้สูงสุด 30% หรือ 120,000 บาท

          กลับกัน ในกลุ่มคนที่มีรายได้สูง มีฐานภาษีสูง อาจได้รับประโยชน์น้อยลง เพราะแม้จะซื้อกองทุน SSF ได้สูงสุด 30% แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท เช่น หากเรามีรายได้ปีละ 3 ล้านบาท เดิมจะซื้อ LTF ได้สูงสุด 450,000 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น SSF จะซื้อได้สูงสุดแค่ 200,000 บาทเท่านั้น 

          นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่าเมื่อนำเงินที่ซื้อ SSF ไปรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณต่าง ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ฯลฯ ต้องไม่เกิน 500,000 บาทด้วย เท่ากับว่าคนที่มีรายได้สูงใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีส่วนนี้ได้น้อยลง จากเดิม LTF+RMF ใช้สิทธิ์รวมได้ 1 ล้านบาท จะกลายเป็น SSF+RMF ใช้สิทธิ์ได้เพียง 500,000 บาท

หมายเหตุ : ในปี 2563 มีการออกกองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSF Extra : SSFX) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยสามารถนำเงินที่ลงทุนมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มจากวงเงินเดิมอีก 200,000 บาท (รวมกับ SSF ปกติอีก 200,000 บาท เป็น 400,000 บาท) และไม่ต้องนำไปรวมกับกองทุน RMF หรือกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ แต่ต้องซื้อระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2563 เท่านั้น
สรุปความแตกต่างของแต่ละกองทุน
ssf

คำถามเรื่อง LTF

ซื้อ LTF ไว้แล้ว แต่ยังไม่ครบกำหนด ต้องขายเลยไหม ?

          ใครที่เคยซื้อ LTF แล้วยังไม่ครบกำหนดขาย หรือเพิ่งซื้อ LTF ในปี 2562 ก็ไม่จำเป็นต้องรีบขาย เพราะจะผิดเงื่อนไขภาษี ดังนั้นเราสามารถถือ LTF ต่อไปได้จนครบปีที่กำหนด

ยังซื้อกองทุน LTF ได้อยู่ไหม ?

          แม้จะมีกองทุน SSF ออกมาทดแทน แต่หากใครต้องการซื้อ LTF หลังวันที่ 1 มกราคม 2563 ก็สามารถทำได้ในเงื่อนไขเดิม คือซื้อแล้วต้องถืออย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน แต่จะไม่สามารถนำเงินที่ซื้อ LTF ไปใช้เพื่อการลดหย่อนภาษีได้อีก 
          สำหรับใครที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้เต็มที่ การลงทุนในกองทุน SSF ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยให้เราเก็บออมเงินไว้ในระยะยาว
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

ขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกระทรวงการคลังเฟซบุ๊ก settrade, เฟซบุ๊ก กรมสรรพากร : The Revenue Department 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทำความเข้าใจ กองทุน SSF ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่มาแทน LTF อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2564 เวลา 21:30:20 246,014 อ่าน
TOP
x close