ประกันควบการลงทุน Unit Linked คืออะไร เจาะลึกสิ่งที่ต้องรู้ พร้อมเช็กแผนไหนดี ปี 2025

          ประกันควบการลงทุน หรือประกันชีวิต Unit Linked คืออะไร ดีไหม ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันชีวิตประเภทนี้ ตามมาเจาะลึกรายละเอียด พร้อมเช็กแบบประกันที่น่าสนใจในปี 2025
ประกันควบการลงทุน unit linked

          เราได้ยินกันบ่อยกับคำว่า ประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ และน่าจะพอเดาได้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ความคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง แต่พอพูดถึง "ประกันควบการลงทุน" หลายคนอาจยังงง ๆ ว่าเป็นประกันรูปแบบไหน ใช้ลดหย่อนภาษีได้ไหม วันนี้เลยชวนมาทำความรู้จักกับประกันชีวิตควบการลงทุนกันให้ชัด ๆ ว่าเป็นยังไง และที่สำคัญ… ถ้าอยากซื้อประกันควบการลงทุนในปี 2025 ควรเลือกอย่างไรดี

ประกันควบการลงทุน คืออะไร

          ประกันควบการลงทุน หรือ ประกันชีวิตควบการลงทุน เป็นประกันชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่รวมความคุ้มครองชีวิตกับการลงทุนในกองทุนรวมเอาไว้ด้วยกัน พูดง่าย ๆ คือ ผู้เอาประกันจะได้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกรมธรรม์เดียว 

          อย่างไรก็ตาม ประกันควบการลงทุนไม่สามารถการันตีผลตอบแทนได้ชัดเจนเหมือนกับประกันชีวิตแบบอื่น ๆ เพราะต้องขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนที่เลือกไว้ ดังนั้น ผู้ทำประกันประเภทนี้จึงต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขของการลงทุนและยอมรับความเสี่ยงได้

ประกันควบการลงทุน มีกี่ประเภท

unit linked คืออะไร

          จริง ๆ แล้ว ประกันชีวิตควบการลงทุนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมในประเทศไทยมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ

1. ประกันยูนิตลิงก์ (Unit Linked)

          ประกัน Unit Linked เป็นประกันชีวิตควบการลงทุนที่ให้ความยืดหยุ่นสูง ผู้เอาประกันสามารถปรับเพิ่มหรือลดเบี้ยได้ตามความต้องการ และต้องเลือกกองทุนรวมที่ต้องการลงทุนด้วยตัวเอง พร้อมรับความเสี่ยงจากการลงทุนเองทั้งหมด เช่น หากรับความเสี่ยงได้ต่ำก็สามารถเลือกกองทุนตราสารหนี้ แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้สูงก็เลือกกองทุนหุ้นได้เช่นกัน ผลตอบแทนจึงขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน และไม่มีการการันตีผลตอบแทน

2. ประกันยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)

          เป็นประกันชีวิตควบการลงทุนที่คล้ายกับประกัน Unit Linked สามารถปรับเพิ่ม-ลดเบี้ยได้เช่นกัน ข้อแตกต่างก็คือ บริษัทประกันจะเป็นผู้ตัดสินใจนำเงินไปลงทุนเอง จึงเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงแทนผู้เอาประกัน และยังการันตีผลตอบแทนให้บางส่วนโดยอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของบริษัท ทำให้ประกัน Universal Life มีความเสี่ยงต่ำกว่า Unit Linked แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนน้อยกว่าด้วย ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่า Unit Linked

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประกันชีวิต Unit Linked เป็นหลัก

ประกันควบการลงทุน
ต่างจากประกันชีวิตทั่วไปอย่างไร

ประกันชีวิตควบการลงทุน กับ ประกันชีวิตทั่วไป

          ประกันชีวิตควบการลงทุนมีความซับซ้อนอย่างมาก จึงแตกต่างจากประกันชีวิตทั่วไปหลายข้อ ดังนี้

ความคุ้มครอง

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ให้ความคุ้มครองชีวิตเพียงอย่างเดียว หากเป็นประกันออมทรัพย์หรือบำนาญจะมีเงินคืนให้บางส่วน

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : ให้ความคุ้มครองชีวิตและมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งมูลค่าที่สะสมจากการลงทุนสามารถถูกนำมาใช้หักค่าความคุ้มครองและค่าธรรมเนียมในกรมธรรม์ได้ ดังนั้นหากผลการลงทุนเติบโตเพียงพอ ผู้เอาประกันอาจหยุดจ่ายเบี้ยใหม่ได้ แต่หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามคาด มูลค่าอาจไม่พอและต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มเพื่อรักษากรมธรรม์ ไม่เช่นนั้นความคุ้มครองชีวิตอาจสิ้นสุดลงก่อนครบสัญญา

สัดส่วนของเบี้ยประกันที่จ่าย

  • ประกันชีวิตทั่วไป : จ่ายเบี้ยในอัตราคงที่ตามระยะเวลาที่แบบประกันกำหนด โดยเบี้ยส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของความคุ้มครองชีวิต อาจมีในส่วนของเงินออมบ้างสำหรับประกันชีวิตแบบออมทรัพย์หรือตลอดชีพ

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : บางแผนสามารถกำหนดระยะเวลาจ่ายเบี้ยได้ เพิ่มหรือลดเบี้ยได้ พักชำระเบี้ยได้ (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์) นอกจากนี้ เบี้ยที่จ่ายไปจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ

          1. ค่าความคุ้มครองชีวิต (Cost of Insurance : COI) ตรงนี้เหมือนกับประกันชีวิตทั่วไป คือเป็นส่วนที่นำไปคุ้มครองชีวิต หากผู้เอาประกันเสียชีวิต ผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินตามทุนประกัน แต่ค่าเบี้ยส่วนนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับทุนประกันที่เราเลือก โดยต้องพิจารณาเรื่องอายุและเพศของผู้เอาประกันด้วย

          2. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่บริษัทเรียกเก็บ คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของบริษัท เช่น ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ ค่าการประกันภัย ค่านายหน้าตัวแทน ค่าธรรมเนียมการจัดการลงทุน ค่าธรรมเนียมการต่ออายุกรมธรรม์ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทกำหนด ซึ่งจะถูกหักออกจากมูลค่าหน่วยลงทุนทุกเดือน

          3. เงินลงทุนในกองทุนรวม เป็นส่วนที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายในข้อ 1 และ 2 เราสามารถเลือกกองทุนที่ต้องการลงทุนได้เอง แต่ถ้าเลือกทุนประกันชีวิตสูงและมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูง ก็จะเหลือเงินมาลงทุนส่วนที่ 3 น้อยลง 

ทุนประกันชีวิต 

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ทุนประกันชีวิตคงที่ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ถ้าซื้อทุนประกันชีวิต 5 ล้านบาทก็จะได้รับความคุ้มครองในจำนวนนี้ตลอดอายุกรมธรรม์ โดยไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงกว่าประกันชีวิตทั่วไป บางแผนเลือกได้ว่าต้องการความคุ้มครองชีวิตสูงเป็นกี่เท่าของเบี้ยที่จ่าย (โดยไม่เกินขั้นสูงสุดที่กำหนด) และสามารถปรับเพิ่มหรือลดทุนประกันชีวิตได้ (ตามเงื่อนไขของแบบประกัน) ขึ้นอยู่ความต้องการของแต่ละช่วงชีวิต เช่น ตอนเพิ่งเริ่มทำงานอาจเลือกทุนประกันไว้ที่ 5 ล้านบาท เพื่อเหลือเงินไปลงทุนมากขึ้น แต่เมื่อมีครอบครัวก็สามารถปรับเพิ่มทุนประกันเป็น 10 ล้านบาทได้ และหากเสียชีวิตจะได้รับผลประโยชน์ตามทุนประกันรวมกับมูลค่าของกรมธรรม์ที่ได้จากการลงทุน

การชำระเบี้ยประกัน

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ระยะเวลาชำระเบี้ยถูกกำหนดตายตัวตั้งแต่ต้น เช่น 15 ปี, 20 ปี, จ่ายถึงอายุ 60 ปี หรือบางแผนถึงอายุ 99 ปี ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขได้ ต้องจ่ายตามที่ระบุไว้จนกว่าจะครบกำหนด

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : บางแผนสามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น ชำระเบี้ยถึงอายุ 60 ปี แต่ให้ความคุ้มครองต่อเนื่องไปถึงอายุ 99 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าเงินลงทุนว่ามีเพียงพอสำหรับหักค่าใช้จ่ายและค่าความคุ้มครองต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่พอ เราต้องกลับมาจ่ายเบี้ยเพิ่มเพื่อรักษากรมธรรม์

การเติมเงินพิเศษ

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ไม่สามารถเติมเงินเพื่อจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มเติมได้ 

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : สามารถเติมเงินพิเศษ (Top-up Premium) เพิ่มเข้าไปนอกเหนือจากเบี้ยหลักได้ เพื่อลงทุนได้มากขึ้น แบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ

          1. RTU (Regular Top-up Premium) คือการเติมเงินประจำ จ่ายพร้อมกับเบี้ยหลักทุกปี เหมาะกับคนที่อยากลงทุนสม่ำเสมอไปพร้อม ๆ กับเบี้ยประกัน

          2. ATU (Ad-hoc Top-up Premium) คือเติมเงินเป็นครั้งคราวเมื่อต้องการ เหมาะกับคนที่อยากใส่เงินก้อนเข้ามาลงทุนเมื่อมีเงินเหลือในช่วงนั้น

นโยบายการลงทุน

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ผู้เอาประกันไม่สามารถเลือกนโยบายลงทุนเองได้

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : ผู้เอาประกันสามารถเลือกนโยบายการลงทุนได้เอง หรือเลือกตามพอร์ตแนะนำของบริษัท และยังสามารถโยกย้ายสับเปลี่ยนกองทุนได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

unit link ผลตอบแทน และขาดทุน

ผลตอบแทนและความเสี่ยง

  • ประกันชีวิตทั่วไป : การันตีผลตอบแทนโดยบริษัทประกันชีวิต

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : ไม่การันตีผลตอบแทน เพราะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน 

การเปิดเผยค่าใช้จ่าย

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ไม่ได้แสดงค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ อย่างชัดเจน 

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : เปิดเผยค่าเบี้ยประกัน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเงินลงทุนอย่างชัดเจน 

การถอนเงินจากกรมธรรม์

  • ประกันชีวิตทั่วไป : สามารถกู้กรมธรรม์ได้โดยใช้มูลค่าเงินสดสะสมเป็นหลักประกัน และต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่กำหนด ลักษณะเหมือนกู้เงินจากตัวเอง แต่ต้องเสียดอกเบี้ย

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : สามารถถอนเงินบางส่วนได้จากมูลค่าเงินลงทุนที่สะสมไว้ โดยการถอนอาจมีค่าธรรมเนียมหรือจำนวนครั้งที่จำกัด ขึ้นกับเงื่อนไขแต่ละบริษัท ถ้าถอนมาก มูลค่าเงินลงทุนลดลง ทำให้ผลตอบแทนและความคุ้มครองอาจลดลงตาม

การทำสัญญาเพิ่มเติม

  • ประกันชีวิตทั่วไป : บางแผน เช่น ประกันชีวิตตลอดชีพ สามารถพ่วงประกันสุขภาพ ประกันโรคร้าย ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ ได้ โดยเราต้องจ่ายเบี้ยของสัญญาเพิ่มเติมแยกต่างหากตามที่กำหนด และเบี้ยจะปรับเพิ่มตามอายุในแต่ละปี

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : บางแผนสามารถพ่วงสัญญาเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ โรคร้ายแรง หรืออุบัติเหตุ และสามารถเลือกให้ค่าเบี้ยของสัญญาเพิ่มเติมถูกหักจากมูลค่าเงินลงทุน (Fund Value) ที่สะสมไว้ได้ ทำให้ดูเหมือนเราจ่ายเบี้ยคงที่ในจำนวนเท่าเดิมทุกปี อย่างไรก็ตาม หากผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ดี หรือมีการถอนเงินออกบ่อย ๆ มูลค่าเงินลงทุนอาจไม่พอ และเราต้องเติมเงินเพิ่มเพื่อให้ความคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมยังอยู่ต่อ

การลดหย่อนภาษี

  • ประกันชีวิตทั่วไป : ส่วนใหญ่เบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน : สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในส่วนความคุ้มครองชีวิตเท่านั้น แต่ส่วนของลงทุนไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้

          จะเห็นว่าประกันชีวิตควบการลงทุน ทำให้เรามีอิสระในการบริหารจัดการและเลือกลงทุนได้มากกว่า ในขณะที่ประกันชีวิตทั่วไปจะถูกกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ มาแล้ว ไม่สามารถปรับเปลี่ยนใด ๆ ได้ แต่บริหารจัดการได้ง่ายกว่า

รูปแบบของประกันชีวิต Unit Linked

          หากแบ่งตามการชำระเบี้ยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว (Single Premium : SP)

          คือแบบประกันที่ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยทั้งหมดเพียงครั้งเดียวตั้งแต่เริ่มต้น ข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเบี้ยต่อเนื่อง แต่ข้อจำกัดคือจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ตั้งแต่แรก อีกทั้งความคุ้มครองชีวิตมักไม่สูงนัก โดยทั่วไปอยู่ประมาณ 110-150% ของเบี้ยที่จ่าย เช่น หากจ่ายเบี้ย 1 ล้านบาท จะได้ความคุ้มครองชีวิต 1.1-1.5 ล้านบาท จึงเหมาะกับผู้ที่มีเงินก้อน ต้องการจ่ายครั้งเดียวจบ และมุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าความคุ้มครองชีวิต

2. แบบชำระเบี้ยรายงวด (Regular Premium : RP)

          เป็นรูปแบบที่เราต้องจ่ายเป็นงวด ๆ เช่น รายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือน และเลือกระยะเวลาจ่ายเบี้ยได้ ข้อดีคือ ให้ความคุ้มครองชีวิตที่สูงกว่าแบบจ่ายครั้งเดียว สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย เพราะไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และมีความยืดหยุ่นสูงกว่า เพราะสามารถปรับเพิ่ม-ลดเบี้ยประกันได้ เหมาะกับคนที่มีรายได้ประจำและต้องการทยอยลงทุนในระยะยาว รวมทั้งคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนทุนประกันชีวิตได้ตามความต้องการ

วิธีเลือกประกันควบการลงทุน
Unit Linked

ประกันชีวิตควบการลงทุน ดีไหม

          อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ประกันชีวิตควบการลงทุนมีความซับซ้อนมาก ก่อนตัดสินใจทำประกันจึงควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้

1. กำหนดเป้าหมายที่ต้องการทำประกันเล่มนี้ให้ชัดเจน

  • ถ้าเน้นคุ้มครองชีวิต ควรเลือกแผนที่ให้ทุนประกันสูง แม้ผลตอบแทนการลงทุนจะไม่หวือหวา เช่น แผนที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 120-200 เท่าของเบี้ยประกันหลัก หมายความว่า ถ้าเราจ่ายเบี้ยประกันหลัก 100,000 บาท จะสามารถเลือกทุนประกันได้สูงสุด 12-20 ล้านบาท

  • ถ้าเน้นการออมหรือลงทุนระยะยาว ควรเลือกแผนที่มีตัวเลือกกองทุนหลากหลาย สามารถสับเปลี่ยนได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และมีประวัติการบริหารกองทุนดี

  • ถ้าเน้นความยืดหยุ่นทางการเงิน ควรเลือกแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ ถอนเงินบางส่วน หรือปรับเบี้ยได้ตามต้องการ

2. เปรียบเทียบแผนของแต่ละบริษัท

          บริษัทประกันแต่ละแห่งมีแผนยูนิตลิงก์ที่หลากหลาย มีเงื่อนไขและรายละเอียดที่แตกต่างกัน เราควรขอเอกสารจากบริษัทต่าง ๆ มาเปรียบเทียบ ทั้งเรื่องอายุที่รับทำประกัน ทุนประกันสูงสุดที่ทำได้ ค่าเบี้ยประกัน ค่าใช้จ่ายรวม การโยกหรือสลับสับเปลี่ยนกองทุน เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาชำระเบี้ยด้วย เช่น

  • ต้องการจ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ (Single Premium) หรือจ่ายเบี้ยเป็นรายงวด (Regular Premium) ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ชำระเบี้ย 5 ปี ไปจนถึง 99 ปี

  • ต้องการความคุ้มครองแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 10 ปี 15 ปี หรือต้องจ่ายความคุ้มครองตลอดชีวิต เช่น จนถึงอายุ 99 ปี

3. ต้องการพ่วงสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ ด้วยหรือไม่

          เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง ประกันชดเชยรายได้ ถ้าต้องการพ่วงสัญญาเหล่านี้ก็จำเป็นต้องเลือกแผนประกันชีวิตควบการลงทุนที่รองรับการเพิ่มสัญญาเหล่านี้ได้

4. พิจารณาจำนวนเบี้ยประกันที่เราสามารถจ่ายได้จริง

          เนื่องจากเบี้ยประกันชีวิต Unit Linked มักสูงกว่าแบบประกันทั่วไป เพราะมีทั้งส่วนคุ้มครองชีวิตและลงทุน แม้จะสามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการ แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข จึงควรพิจารณาจำนวนเบี้ยประกันภัยหลักที่สามารถจ่ายต่อเนื่องได้อย่างน้อย 10-15 ปี เพื่อให้การลงทุนเติบโตได้จริง ไม่ควรเลือกจ่ายเบี้ยสูงเกินไปจนกระทบสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน

          นอกจากนี้ หากใครเลือกทำสัญญาเพิ่มเติมที่มีค่ารักษาพยาบาลหรือโรคร้ายแรง หรือต้องการเพิ่มเบี้ยพิเศษ (Top-up Premium) ก็จะยิ่งต้องจ่ายเบี้ยประกันในอัตราที่สูงขึ้น ดังนั้น ต้องคำนวณเงินค่าใช้จ่ายส่วนเบี้ยประกันให้ดีว่าสามารถจ่ายเบี้ยอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่

5. พิจารณาจำนวนเบี้ยประกันที่เราสามารถจ่ายเพิ่มได้

          เบี้ยประกันพิเศษเพิ่มเติม (Top-up Premium) คือเบี้ยประกันส่วนที่เราจ่ายนอกเหนือจากเบี้ยปกติ ซึ่งส่วนนี้จะนำไปลงทุน และแต่ละแผนจะกำหนดจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำและสูงสุดไม่เท่ากัน จึงควรพิจารณาด้วยว่าหากเราต้องการลงทุนเพิ่มเมื่อไร ต้องใช้เงินแค่ไหน เช่น บางแผนกำหนดให้เพิ่มได้ขั้นต่ำ 1,000 บาท/ครั้ง หรือบางแผนอาจต้องใช้ขั้นต่ำถึงหลักหมื่นต่อครั้ง

6. เปรียบเทียบวงเงินความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต

          ส่วนใหญ่บริษัทจะจ่ายสินไหมให้ตามทุนประกันที่ตกลงกันไว้ บวกด้วยมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม บางบริษัทอาจจ่ายเงินให้ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น จ่ายให้ 50 เท่าของเบี้ยประกันรายปีที่ชำระมาแล้ว เป็นต้น จึงควรตรวจสอบและเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่จะได้รับให้ชัดเจน
ประกันชีวิต unit link

7. พิจารณาความยืดหยุ่นของสัญญา

          ควรตรวจสอบเงื่อนไขของแผนประกันที่เราสนใจให้ชัดเจน

  • สามารถปรับเพิ่ม-ลดความคุ้มครองได้หรือไม่ 

  • สามารถเติมเงินเพิ่มเพื่อการลงทุนได้หรือไม่

  • โยกกองทุนได้หรือไม่ ทำได้กี่ครั้งต่อปี และมีค่าใช้จ่ายในการสับเปลี่ยนกองทุนหรือไม่ 

  • ถอนเงินบางส่วนได้ตั้งแต่ปีไหน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

  • ขอพักชำระเบี้ยได้หรือไม่ ตั้งแต่ปีไหน

8. พิจารณาตัวเลือกกองทุนและความเสี่ยงในการลงทุน

          ควรสอบถามให้ชัดเจนว่าบริษัทประกันมีกองทุนให้เลือกมาก-น้อยแค่ไหน ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดบ้าง สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เรารับได้หรือไม่  

  • หากรับความเสี่ยงต่ำ กลัวการขาดทุนมาก ๆ ควรเลือกลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้

  • รับความเสี่ยงปานกลาง อาจเลือกกองทุนผสมระหว่างตราสารหนี้และหุ้น ซึ่งมีสัดส่วนให้เลือกแตกต่างกันไป เช่น 60:40 / 70:30 / 80:20 เป็นต้น

  • รับความเสี่ยงได้สูง สามารถเลือกกองทุนหุ้นได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้น แต่ก็มีโอกาสขาดทุนมากกว่าได้เช่นกัน

          นอกจากนี้ บางบริษัทมีพอร์ตแนะนำ มีบริการปรับสัดส่วนกองทุนให้อัตโนมัติ หรือสามารถลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ได้ เพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ต อย่างไรก็ตาม ก่อนเลือกแผนการลงทุนใด ๆ อย่าลืมศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างละเอียด อ่านผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนอย่างน้อย 3–5 ปี โดยกองทุนควรมีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนเกินไป

9. เช็กเรื่องค่าใช้จ่ายแฝง

          ประกันควบการลงทุนมีค่าใช้จ่ายหลายส่วนที่หักจากเบี้ย เช่น ค่าดำเนินการ ค่าการบริหารกรมธรรม์ ค่าบริการในการลงทุน ซึ่งแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน และมักจะถูกหักออกไปเยอะในช่วงปีแรก ๆ ดังนั้น ควรถามตัวแทนประกันให้ชัดว่า หักเดือนละเท่าไหร่ และเหลือไปลงทุนจริงกี่บาท แล้วนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ หากค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูง เงินที่จะนำไปลงทุนก็จะน้อยลง และในกรณีเราต้องการถอนเงินหรือสับเปลี่ยนกองทุน หรือขอใบแจ้งรายงานสถานะทางการเงินของกรมธรรม์ก็อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วย

10. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน

          แผนประกันชีวิตควบการลงทุนมักถูกออกแบบให้มีความคุ้มครองระยะยาวหรือตลอดชีพ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์และความสามารถในการชำระเบี้ยต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้

  • ฐานะการเงินและความมั่นคงของบริษัท ควรเลือกบริษัทที่มีเครดิตดี  (Credit Rating) มีเงินกองทุนตามเกณฑ์ CAR Ratio (Capital Adequacy Ratio) เกินมาตรฐานที่ คปภ. กำหนด (140%)

  • เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างชัดเจน 

  • มีประวัติการจ่ายสินไหมตรงเวลา มีรีวิวการบริการหลังการขายที่ดี

  • มีกองทุนให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งความเสี่ยงต่ำจนถึงความเสี่ยงสูง เพื่อจะได้ปรับพอร์ตได้ตามสถานการณ์ตลาดและช่วงชีวิตของผู้เอาประกัน

  • มีระบบติดตามการลงทุนได้อย่างสะดวก เช่น เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

11. พิจารณาสิทธิประโยชน์อื่น ๆ

          แต่ละแผนให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น บางแผนยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการ บางแผนให้โบนัสพิเศษเมื่อชำระเบี้ยครบตามกำหนด หรือบางแผนก็มีโบนัสพิเศษยามเกษียณให้ด้วย 

          นอกจากนี้ บางแผนยังมีการันตีความคุ้มครองชีวิตต่อเนื่อง (Non-Lapse Guaranteed) หมายถึงบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองชีวิตตามเวลาที่ระบุไว้ต่อไป เช่น 5 ปี 10 ปี แม้ว่ามูลค่าหน่วยลงทุนในกรมธรรม์จะลดลงจนไม่พอหักค่าธรรมเนียมรายเดือนก็ตาม ในกรณีที่เราทำตามเงื่อนไขของบริษัท เช่น ชำระเบี้ยประกันภัยหลักครบถ้วนตามกำหนดทุกงวด ไม่เคยถอนเงินออกจากกรมธรรม์ ไม่เคยลดจำนวนเบี้ยประกันภัยหลักที่เคยตกลงไว้ อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์นี้มีให้เฉพาะบางแผนและบางบริษัทเท่านั้น 

ประกันควบการลงทุน
ที่ไหนดี ปี 2568

          เมื่อเข้าใจพื้นฐานของประกันควบการลงทุนแล้ว มาลองดูกันว่า แผนประกัน Unit Linked ที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพและชำระเบี้ยเป็นรายงวด (Regular Premium) จากแต่ละบริษัทมีความน่าสนใจและเงื่อนไขเบื้องต้นอย่างไรบ้าง โดยข้อมูลในส่วนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะความคุ้มครองชีวิตเท่านั้น ไม่รวมถึงแผนการลงทุนหรือผลตอบแทน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามทางเลือกของแต่ละคน ดังนั้น หากต้องการรายละเอียดด้านการลงทุน แนะนำให้สอบถามโดยตรงจากบริษัทประกันที่สนใจได้เลย

1. ประกันควบการลงทุน AIA Issara Plus (Unit Linked)

ประกันควบการลงทุน aia unit link issara

ภาพจาก : เอไอเอ

          เอไอเอ อิสระ พลัส (Unit Linked) เป็นประกันชีวิตควบการลงทุนจาก AIA ที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเพียง 15 วัน และให้ความคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพียงพอ) ระหว่างสัญญาสามารถปรับเพิ่มหรือลดความคุ้มครอง ออมเงินเพิ่ม ถอนเงินบางส่วน หรือหยุดพักชำระเบี้ยได้ตามเงื่อนไข พร้อมแนบสัญญาเพิ่มเติมเพื่อขยายความคุ้มครองได้ อีกทั้งสามารถเข้าร่วมโครงการ AIA Vitality เพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพต่าง ๆ และยังมีโบนัสพิเศษช่วงเกษียณให้ 0.45% ต่อปี

ข้อมูลประกันควบการลงทุน AIA Issara Plus (Unit Linked)

  • อายุผู้ทำประกัน : 15 วัน - 70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : ถึงอายุ 99 ปี 

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : ขั้นต่ำ 60,000 บาท และสามารถกำหนดได้เองจากจำนวนเท่าของเบี้ยประกันหลักเพื่อความคุ้มครอง สูงสุดไม่เกิน 250 เท่า 

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ขั้นต่ำ 6,000 บาท/ปี

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิตรวมกับเบี้ยส่วนที่ลงทุน : ขั้นต่ำ 12,000 บาท/ปี 

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : 

    • กรณีเติมเงินประจำ RTU : ขั้นต่ำ 1,000 บาท/ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง

    • กรณีเติมพิเศษเป็นครั้งคราว ATU : ขั้นต่ำ 1,000 บาท/ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 120 ล้านบาท /กรมธรรม์ 

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้เมื่ออายุกรมธรรม์ครบ 3 ปี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : จำนวนเงินขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท และไม่มีค่าธรรมเนียม

  • กรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร : หากเป็นก่อนอายุ 80 ปี บริษัทจะจ่ายเงินตามทุนประกันภัยที่กำหนดไว้เฉพาะสำหรับกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (TPD) ให้กับผู้เอาประกัน

  • กรณีเสียชีวิต : รับเงินตามทุนประกันภัยบวกด้วยมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • การปรับสัดส่วนกองทุนอัตโนมัติ

    • รับโบนัสพิเศษยามเกษียณ 0.45% ต่อปี ของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันภัยหลัก

    • การันตีความคุ้มครองชีวิตสูงสุดต่อเนื่อง 10 ปี แม้มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะมีไม่เพียงพอหักค่าธรรมเนียมกรมธรรม์รายเดือน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : เอไอเอ

2. ประกันควบการลงทุน BLA Premier Link

ประกันควบการลงทุน กรุงเทพประกันชีวิต

ภาพจาก : กรุงเทพประกันชีวิต

          บีแอลเอ พรีเมียร์ลิงค์ จากกรุงเทพประกันชีวิต เป็นประกันชีวิตควบการลงทุนที่คุ้มครองตลอดชีพ โดยเลือกทุนประกันได้สูงสุด 250 เท่าของเบี้ยประกันหลัก สามารถแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและอุบัติเหตุได้ และมีโอกาสรับโบนัสพิเศษสำหรับเบี้ยประกันภัยหลัก (Loyalty Bonus) สูงสุด 0.3% ของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันภัยหลัก

ข้อมูลประกันควบการลงทุน BLA Premier Link

  • อายุผู้ทำประกัน : แรกเกิด - 70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : ถึงอายุ 99 ปี 

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : 5-250 เท่า ขึ้นอยู่กับเพศและอายุของผู้ทำประกัน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์ของบริษัท  

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ขั้นต่ำ 12,000 บาท/ปี สามารถปรับลดความคุ้มครองได้ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : 

    • กรณีเติมเงินประจำ RTU : ขั้นต่ำ 12,000 บาท/ปี สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง

    • กรณีเติมพิเศษเป็นครั้งคราว ATU : ขั้นต่ำ 12,000 บาท/ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 120 ล้านบาท/กรมธรรม์ 

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้เมื่ออายุกรมธรรม์ครบ 3 ปี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : ไม่มีค่าธรรมเนียมและไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี

  • กรณีเสียชีวิต : จ่ายผลประโยชน์ที่มากกว่า ระหว่าง 1 หรือ 2

    • 1. จำนวนเงินเอาประกันภัย

    • 2. มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันภัยหลัก บวก จำนวนเงิน 5 เท่าของเบี้ยประกันภัยส่วนคุ้มครองชีวิตต่อปีในขณะนั้น

    • รวมกับมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ RTU และ ATU (ถ้ามี)

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • ปรับสัดส่วนกองทุนอัตโนมัติ ปีละ 1 ครั้ง

    • จ่ายโบนัสพิเศษ 0.2-0.3% ของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยหลัก ให้ผู้ทำประกันที่ยังมีชีวิตอยู่และกรมธรรม์ยังคงมีผลบังคับ โดยชำระเบี้ยหลักครบตามจำนวนครั้งที่กำหนดต่อเนื่อง 

    • การันตีความคุ้มครองชีวิตสูงสุดต่อเนื่อง 10 ปี แม้มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะมีไม่เพียงพอหักค่าธรรมเนียมกรมธรรม์รายเดือน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : กรุงเทพประกันชีวิต

3. ประกันควบการลงทุน FWD ฟิวเจอร์ ลิงค์ 99/9

ประกันควบการลงทุน fwd

ภาพจาก : FWD

          สำหรับคนที่อยากชำระเบี้ยในระยะสั้น ๆ ลองดูประกันชีวิตควบการลงทุน เอฟดับบลิวดี ฟิวเจอร์ ลิงค์  99/9 ที่จ่ายเบี้ยเพียง 9 ปี ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี (ตามเงื่อนไข) โดยให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 50 เท่า แต่ระหว่างทางจะไม่สามารถปรับทุนประกันชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีโบนัสรายปีให้จนถึงอายุ 59 ปี และมีโบนัสพิเศษรายเดือนยามเกษียณให้ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป 

ข้อมูลประกันควบการลงทุน FWD ฟิวเจอร์ ลิงค์ 99/9

  • อายุผู้ทำประกัน : 18 - 70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : 9 ปี

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : 

    • อายุ 18-59 ปี ทุนประกันคงที่เท่ากับ 50 เท่าของเบี้ยประกันหลัก 

    • ตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นไป ทุนประกันภัยหลักจะปรับลดลงอัตโนมัติเท่ากับ 9 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักรายปี

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ขั้นต่ำ 50,000 บาท/ปี 

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : ชำระเพิ่มเติมได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท/ครั้ง และสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท/กรมธรรม์

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้เมื่ออายุกรมธรรม์ครบ 3 ปี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : สับเปลี่ยนกองทุนได้ในจำนวนเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ครั้ง โดยมีค่าธรรมเนียม

  • กรณีเสียชีวิต : 

    • เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี จ่ายผลประโยชน์เป็นจำนวนเงิน 50 เท่าของเบี้ยประกันหลักรายปี บวกด้วยมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

    • เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นไป จ่ายผลประโยชน์เป็นจำนวนเงิน 9 เท่าของเบี้ยประกันหลักรายปี บวกด้วยมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • รับโบนัสพิเศษ 0.12% ต่อปี หลังชำระเบี้ยประกันหลักครบต่อเนื่องจนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่อายุครบ 59 ปี

    • เมื่อผู้ทำประกันมีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป รับโบนัสพิเศษรายเดือน 0.288% ต่อปี ต่อเนื่องตลอดสัญญา เมื่อชำระเบี้ยประกันหลักครบ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

    • การันตีความคุ้มครองชีวิตต่อเนื่อง 9 ปี ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของกรมธรรม์

    • รับบริการพิเศษ FWD Utmost บริการด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ พร้อมผู้ช่วยส่วนตัว สำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุนที่ชำระเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : FWD

4. ประกันควบการลงทุน iWealthy จาก AXA

ประกันควบการลงทุน axa iwealthy

ภาพจาก : กรุงไทย แอกซ่า

          ประกันชีวิตควบการลงทุนจาก Krungthai AXA แผนนี้ให้ความคุ้มครอง 60 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก สามารถเลือกสัดส่วนของเบี้ยในการลงทุนและความคุ้มครองได้ หรือหยุดชำระเบี้ยได้ และรับโบนัสเมื่อถือกรมธรรม์ตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไป แต่แผนนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องพ่วงสัญญาเพิ่มเติม เช่น สุขภาพ โรคร้ายแรง เพราะไม่สามารถแนบสัญญาเพิ่มเติมได้

ข้อมูลประกันควบการลงทุน iWealthy จาก AXA

  • อายุผู้ทำประกัน : 1 เดือน - 70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : ครบอายุ 99 ปี

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : 5-60 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ทำประกัน 

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ขั้นต่ำ 18,000 บาท/ปี หรือ 1,500 บาท/เดือน ไม่สามารถเพิ่มจำนวนเบี้ยประกันภัยหลักได้

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : ชำระเพิ่มเติมได้ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป

    • กรณีเติมเงินประจำ RTU : สูงสุดไม่เกิน 3 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง โดยสามารถเริ่มชำระเบี้ยประกันภัยเพื่อการลงทุนได้ตั้งแต่ปีกรมธรรม์แรกเท่านั้น

    • กรณีเติมพิเศษเป็นครั้งคราว ATU : ขั้นต่ำ 10,000 บาท/ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของเบี้ยประกันหลักเพื่อความคุ้มครอง และรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 150 ล้านบาท/กรมธรรม์ 

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้เมื่ออายุกรมธรรม์ครบ 2 ปี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : สับเปลี่ยนกองทุนได้ในจำนวนเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ครั้ง ฟรีค่าธรรมเนียม 5 ครั้ง/ปีกรมธรรม์ หลังจากนั้นมีค่าธรรมเนียม 150 บาท/ครั้ง

  • กรณีเสียชีวิต : รับ 120% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หรือ120% ของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน แล้วแต่จำนวนใดที่มากกว่า

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • รับโบนัสทุกปี 0.2% ของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไป หากไม่มีการถอนเงินใด ๆ จากกรมธรรม์และหยุดชำระเบี้ยในปีนั้น ๆ

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : กรุงไทย แอกซ่า  

5. ประกันควบการลงทุน mDesign Unit-Linked เมืองไทยประกันชีวิต

ประกันควบการลงทุน เมืองไทยประกันชีวิต

ภาพจาก : เมืองไทยประกันชีวิต

          mDesign ประกันชีวิตควบการลงทุนจากเมืองไทยประกันชีวิต ให้ผู้ทำประกันเลือกได้เอง ทั้งเบี้ยประกันภัย จำนวนเท่าของความคุ้มครอง การชำระเบี้ย เพิ่มเงินออม หรือถอนเงินบางส่วนได้ และยังสามารถทำสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง หรือค่าชดเชยรายวันได้อีก จุดเด่นสำคัญคือมีบริการออกแบบพอร์ตลงทุน ติดตามและปรับพอร์ตให้ตามสถานการณ์ เหมาะกับคนที่อยากมีประกันชีวิตควบการลงทุนคู่กับประกันอื่น ๆ แบบครบในเล่มเดียว แต่ไม่มีเวลาติดตามพอร์ต ไม่รู้จะเลือกกองทุนไหน

ข้อมูลประกันควบการลงทุน mDesign Unit-Linked

  • อายุผู้ทำประกัน : 30 วัน - 70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : ครบอายุ 99 ปี

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : 5-15 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักต่อปี (ขึ้นอยู่กับอายุ) และไม่จำกัดทุนประกันสูงสุด

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ขั้นต่ำรายปี 20,000 บาท / ราย 6 เดือน 10,000 บาท / ราย 3 เดือน 6,000 บาท / รายเดือน 2,000 บาท

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : 5,000 บาท/ครั้ง และไม่เกินเบี้ยประกันภัยหลักที่ชำระมาแล้วในแต่ละปีกรมธรรม์

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : ไม่มีค่าธรรมเนียม

  • กรณีเสียชีวิต : รับมูลค่าที่มากกว่า ระหว่าง 1 หรือ 2

    • 1. ทุนประกันภัย หักด้วยมูลค่าขายคืนหน่วยลงทุนที่ถอนออกบางส่วน (ถ้ามี)

    • 2. มูลค่าขายคืนหน่วยลงทุน บวก 3 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • MTL Portfolio Management Service บริการบริหารพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมให้โดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ทั้งการคัดเลือกกองทุนรวม กำหนดสัดส่วนการลงทุน ติดตามผลงาน รวมถึงปรับพอร์ตลงทุนอัตโนมัติตามสถานการณ์

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : เมืองไทยประกันชีวิต

6. ประกันควบการลงทุน Tokio Beyond

ประกันควบการลงทุน โตเกียว บียอนด์

ภาพจาก : โตเกียวมารีนประกันชีวิต

          ประกัน Unit Linked โตเกียว บียอนด์ จากโตเกียวมารีนประกันชีวิต ให้ความคุ้มครองตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 99 ปี ด้วยทุนประกันสูงสุดไม่เกิน 200 เท่า และจุดเด่นที่ต่างจากแผนอื่น ๆ คือ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัยสำหรับเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง (RPP) ทำให้เหลือเงินไปลงทุนมากขึ้น และยังมีโบนัสพิเศษให้ 0.25% ต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 10 เป็นต้นไป (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

ข้อมูลประกันควบการลงทุน โตเกียว บียอนด์

  • อายุผู้ทำประกัน : 0-70 ปี

  • ระยะเวลาชำระเบี้ย : ครบอายุ 99 ปี

  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนและมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน)

  • ทุนประกัน : 5-200 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง (ขึ้นอยู่กับอายุและเพศ) โดยสามารถกำหนดได้เอง

  • เบี้ยประกันภัยหลักสำหรับความคุ้มครองชีวิต (RPP) : ไม่น้อยกว่า 12,000 บาท/ปี

  • เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ (Top-up Premium) : 12,000 บาท/ครั้ง และสูงสุดไม่เกิน 120 ล้านบาท/ปีกรมธรรม์

  • การหยุดพักชำระเบี้ย : ทำได้หลังชำระเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครองครบ 2 ปี

  • การสับเปลี่ยนกองทุน : รับเงินตามทุนประกันภัย บวกด้วยมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • กรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา : รับเงินตามมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุน

  • ผลประโยชน์อื่น ๆ : 

    • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัยสำหรับเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง (RPP)

    • รับโบนัส 0.25% ต่อปีของมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันหลักเพื่อความคุ้มครอง ตั้งแต่ปีที่ 10 เป็นต้นไปทุกปี หากไม่เคยลดจำนวนเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครองและไม่เคยถอนเงินจากการขายคืนหน่วนลงทุนของเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อความคุ้มครอง  

    • การันตีความคุ้มครอง 5 ปีแรก แม้มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนจะมีไม่เพียงพอหักค่าธรรมเนียมกรมธรรม์รายเดือน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลเพิ่มเติม : โตเกียวมารีนประกันชีวิต  

ข้อดีของประกันชีวิต Unit Linked

unit linked ดีไหม

  • ได้รับความคุ้มครองและลงทุนในกรมธรรม์เดียว : สำหรับคนที่ไม่อยากวุ่นวายกับการดูแลทรัพย์สินหลายทาง การซื้อประกันยูนิตลิงก์เล่มเดียวก็คือ 2 in 1 ที่ได้ทั้งความคุ้มครองและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการกองทุนรวม

  • มีความยืดหยุ่นสูง : หลายแผนสามารถออกแบบได้เอง เช่น ปรับเพิ่มหรือลดทุนประกันให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละช่วงเวลาได้ 

  • จ่ายเบี้ยเพิ่มหรือหยุดชำระได้ : แผนยูนิตลิงก์ส่วนใหญ่ให้เราสามารถจ่ายเบี้ยเพิ่มเติม และอาจมีเงินโบนัสให้กรณีจ่ายเพิ่ม  

  • หยุดพักชำระเบี้ยได้ : หลายแผนหากมีมูลค่าเงินลงทุนเพียงพอ เราสามารถหยุดพักชำระเบี้ยได้ตามเงื่อนไข โดยที่ยังได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง 

  • ถอนเงินบางส่วนได้ : ผู้เอาประกันสามารถถอนเงินบางส่วนออกมาใช้ได้ โดยเงินที่ถอนมาจากมูลค่าเงินลงทุนที่สะสมอยู่ในกรมธรรม์ ซึ่งแตกต่างจากประกันชีวิตทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะทำได้เพียงกู้กรมธรรม์

  • เหมาะกับการวางแผนการเงินในระยะยาว : สามารถใช้เป็นแผนออมเงินเพื่อเกษียณ ทุนการศึกษาบุตร หรือปรับแผนให้ตรงกับเป้าหมายชีวิตได้ โดยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นตามผลการดำเนินงานของกองทุน

  • สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้ : ด้วยความที่เบี้ยประกันถูกกำหนดคงที่ทุกปี ทำให้เรารู้ชัดว่าจะต้องจ่ายเท่าไรในแต่ละงวด จึงช่วยให้จัดสรรและวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น

  • เลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ : แต่ละแผนจะมีหลายกองทุนให้เลือกตามระดับความเสี่ยง และสามารถโยกย้ายสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเหมาะสม หรือบางแผนอาจมีระบบปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนแบบอัตโนมัติ (Auto-Rebalancing) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ต

  • พ่วงสัญญาเพิ่มเติมได้ : ประกันยูนิตลิงก์เป็นประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่สามารถทำสัญญาเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ ได้เหมือนประกันชีวิตตลอดชีพ

สิ่งที่ต้องรู้และข้อพิจารณา
ก่อนทำประกัน Unit Linked

unit linked ข้อควรระวัง

          ด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่าประกันชีวิตทั่วไป ผู้ที่สนใจทำประกันชีวิตควบการลงทุน Unit Linked จึงควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะข้อควรระวังต่อไปนี้

  • ความเสี่ยงจากการลงทุน : ประกันชีวิตควบการลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน จึงไม่การันตีผลตอบแทน บางปีอาจได้กำไรสูงกว่าประกันแบบดั้งเดิม แต่บางปีก็มีโอกาสขาดทุนตามภาวะตลาด หากตลาดผันผวน มูลค่าเงินสดจะลดลงทันที โดยผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

  • เบี้ยประกันมักสูงกว่าแบบทั่วไป : เพราะต้องแบ่งเป็นค่าคุ้มครองชีวิต ค่าบริหาร และเงินลงทุน ซึ่งถูกถอนออกจากกองทุนทุกเดือน เมื่ออายุมากขึ้นหรือเลือกทุนประกันสูง ค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่ม หากเงินลงทุนไม่พอ ผู้เอาประกันต้องเติมเงินเพิ่ม เพื่อไม่ให้กรมธรรม์อาจสิ้นผลบังคับ

  • อ่านเงื่อนไขค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน : หลายคนมองข้ามค่าธรรมเนียมที่หักทุกเดือน ทำให้ผลตอบแทนจริงน้อยกว่าที่คิด จึงควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้เข้าใจจริง ๆ

  • การปรับเบี้ยมีผลต่อความคุ้มครอง : แม้จะปรับเพิ่ม-ลดเบี้ยได้ แต่ความคุ้มครองชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย ขึ้นอยู่กับทุนประกันและระยะเวลาจ่ายเบี้ยที่เลือก

  • ค่าความคุ้มครองชีวิต (COI) สูงขึ้นตามอายุ : ค่า COI จะคิดจากทุนประกัน อายุ และเพศ ดังนั้น ยิ่งอายุมากและเลือกทุนประกันสูง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ยิ่งสูง ทำให้เงินที่เหลือไปลงทุนลดลง

  • ค่าใช้จ่ายช่วงปีแรกสูง : เบี้ยที่จ่ายไปจะถูกหักค่าใช้จ่ายตั้งต้นค่อนข้างมาก เช่น ค่านายหน้าและค่าธรรมเนียมกรมธรรม์ ทำให้เงินที่ไปลงทุนจริงน้อยในปีแรก ๆ แต่เมื่อผ่านไปหลายปี ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลดลง เงินที่จะลงทุนก็มีมากขึ้น

  • ความเสี่ยงหากพักชำระเบี้ย : ในกรณีมูลค่าเงินลงทุนไม่เพียงพอ หากเราหยุดพักชำระเบี้ยอาจทำให้กรมธรรม์ขาดความคุ้มครอง และต้องปิดกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ

  • ความคุ้มครองอาจสิ้นสุดก่อนครบอายุ : แม้สัญญาจะระบุว่าคุ้มครองตลอดชีพหรือถึงอายุที่ระบุไว้ แต่หากกรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดหรือมูลค่าหน่วยลงทุนไม่เพียงพอให้บริษัทหักค่าใช้จ่ายความคุ้มครองในแต่ละเดือน เช่น ผลตอบแทนกองทุนติดลบ, ถอนออกมาใช้บ่อย หรือเบี้ยที่ส่งไม่พอ มูลค่าก็จะไม่พอหักและสัญญาจะสิ้นสุดก่อนถึงอายุที่ระบุไว้ตามสัญญา ดังนั้น ถ้าอยากได้ความคุ้มครองยาวนานจนสิ้นสุดสัญญา ควรตรวจสอบมูลค่ากรมธรรม์ทุกปี, ปรับเบี้ยหรือเติมเงินเมื่อจำเป็น และปรับสัดส่วนลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง

  • ต้องติดตามการลงทุนเอง : แม้บางบริษัทจะมีพอร์ตแนะนำให้ แต่เราควรศึกษาเรื่องการจัดพอร์ตกองทุนรวมด้วย และเมื่อลงทุนไปแล้วต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ หากไม่โยกกองทุนหรือปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด อาจทำให้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควร

  • ผลการดำเนินงานของกองทุนไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทประกัน : เพราะกองทุนที่ใช้ในประกันชีวิตควบการลงทุนเป็นกองทุนรวมที่บริหารโดยบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ไม่ใช่บริษัทประกันเอง

  • ลดหย่อนภาษีได้จำกัด : ประกันชีวิตควบการลงทุนใช้ลดหย่อนได้เฉพาะเบี้ยที่เป็นส่วนของความคุ้มครองชีวิต ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดเท่านั้น

  • ไม่เหมาะกับคนรับความเสี่ยงไม่ได้ : การลงทุนมีความเสี่ยง เราอาจได้รับเงินคืนมากกว่าหรือน้อยกว่ามูลค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกจัดสรรเข้ากองทุนรวม ดังนั้น หากกังวลว่าจะสูญเสียเงินบางส่วน หรือไม่ต้องการเติมเงินเพิ่ม ไม่แนะนำให้ทำประกันประเภทนี้

  • ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตตลอดชีพแบบทำแล้วจบ : แม้สัญญาจะระบุคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี แต่ระยะเวลาจริงขึ้นอยู่กับมูลค่าหน่วยลงทุนที่ต้องถูกหักเพื่อจ่ายค่าความคุ้มครอง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ติดตามพอร์ต ไม่ปรับสัดส่วน หรือไม่เติมเงินเมื่อจำเป็น มูลค่าอาจไม่พอจนสัญญาสิ้นสุดก่อนกำหนด ต่างจากประกันชีวิตตลอดชีพแบบดั้งเดิมที่การันตีความคุ้มครองตราบใดที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยตามเงื่อนไขครบถ้วน

          สรุปแล้ว ประกันควบการลงทุน (Unit Linked) เหมาะกับคนที่อยากได้ความคุ้มครองชีวิตและโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในเล่มเดียว อย่างไรก็ตาม ไม่ควรพิจารณาผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาทั้งเรื่องความคุ้มครอง ค่าใช้จ่าย ความยืดหยุ่น และความเสี่ยงจากการลงทุนควบคู่กันไปด้วย เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ และผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต

บทความที่เกี่ยวข้องกับประกัน

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประกันควบการลงทุน Unit Linked คืออะไร เจาะลึกสิ่งที่ต้องรู้ พร้อมเช็กแผนไหนดี ปี 2025 โพสต์เมื่อ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 15:42:12
TOP
x close