กองทุนรวม (Mutual Funds) คือ การนำเงินของผู้ลงทุนไปลงทุนให้สินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นกำหนดไว้ โดยแต่ละกองก็จะมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการพอร์ตให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเราจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อ-ขาย หรือได้รับเงินปันผลของกองทุน ถ้ากองทุนนั้นมีนโยบายจ่ายเงินปันผล
ทั้งนี้ กองทุนรวมมีอยู่ด้วยกันหลายประเภทตามนโยบายการลงทุน เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน (หุ้น) กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมแบบผสม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ แต่ที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้ก็คือ กองทุนรวมลดหย่อนภาษี อย่างกองทุนรวม SSF ค่ะ
กองทุน SSF หรือ Super Savings Fund เป็นกองทุนรวมเพื่อการออมที่ปรับรูปแบบมาจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) มีจุดประสงค์หลักเพื่อการออม ร่วมกับใช้ลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ที่ต้องยื่นภาษีในแต่ละปี
ทั้งนี้ เราสามารถซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน เมื่อซื้อแล้วต้องถือไว้นานอย่างน้อย 10 ปี (นับวันชนวัน) โดยไม่สามารถขายได้ หากขายก่อนครบกำหนดจะถือว่าทำผิดเงื่อนไขลดหย่อนภาษี อาจจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นทั้งหมดทันที และต้องจ่ายเงินเพิ่มให้รัฐย้อนหลังด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทุน SSF อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน ลองมาศึกษาและอ่านทำความเข้าใจเงื่อนไขของกองทุน SSF กันต่อได้ที่บทความนี้นะคะ
เลือกตามความเสี่ยงที่เรารับได้
ก่อนลงทุนจะต้องทำแบบประเมินว่าเรารับความเสี่ยงต่อการขาดทุนได้แค่ไหน หากใครรับความเสี่ยงได้ต่ำ ไม่อยากเห็นเงินต้นสูญหาย ก็ควรเลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารเงิน หรือตราสารหนี้เป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าผลตอบแทนที่ได้รับย่อมน้อยลงตามไปด้วย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากขึ้น ก็อาจมองกองทุนที่เน้นตราสารทุน ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือถ้ายอมรับความผันผวนได้สูงมาก กองทุนรวมที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
กระจายพอร์ตการลงทุน
ศึกษาและเปรียบเทียบแผนการลงทุนของแต่ละกอง
เลือกตามธีมการลงทุน
พิจารณาเรื่องเงินปันผล
ดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง
1. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป (ชนิดเพื่อการออม) : M-MIDSMALL-SSF
กองทุนรวม SSF ของ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่น้อยกว่า 80% ถือเป็นกองทุนรวม SSF ที่ทำผลงานได้ดีอันดับต้น ๆ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
- สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน 3 อันดับแรก
1. หุ้นกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์
2. หุ้นกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต
3. หุ้นกลุ่มพลังงาน
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ผลตอบแทน
★ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน : 7.19%
★ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : 7.56%
2. กองทุนเปิดเคเคพี ดิวิเดนด์ อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออม : KKP DIVIDEND-SSF
กองนี้เหมาะกับสายปันผล เพราะ KKP DIVIDEND-SSF จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นไทยที่มีนโยบายจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ หรือหุ้นที่มีแนวโน้มหรือศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 80%
- สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน 3 อันดับแรก
1. หุ้นกลุ่มธนาคาร
2. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 100 บาท
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายปันผล
- ผลตอบแทน
★ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน : 8.34%
★ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : 8.34%
3. กองทุนเปิด แอล เอช สแทรทิจี อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออมและสะสมมูลค่า : LHSTRATEGY-ASSF
LHSTRATEGY-ASSF จาก บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เป็นกองทุนรวม SSF ที่ลงทุนในหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไม่น้อยกว่า 80% โดยเน้นการลงทุนด้วยการสร้างกลุ่มหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุนให้มีความผันผวนต่ำ เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนโดยรวมของกองทุนให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด
- สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน 3 อันดับแรก
1. เงินฝากธนาคาร
2. หุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค
3. หุ้นกลุ่มธุรกิจพาณิชย์
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : ไม่กำหนด
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่จ่ายปันผล
- ผลตอบแทน
★ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน : 8.45%
★ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : 6.57%
ข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
4. กองทุนเปิด แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออม : ASP-SME-SSF
กองนี้เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีการเติบโตต่อเนื่องแบบก้าวกระโดดของหุ้นไทยขนาดเล็กและขนาดกลาง (Small – Mid Cap) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ไม่น้อยกว่า 65% โดยมี บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการกองทุน
- สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน 3 อันดับแรก
1. เงินฝาก/ตั๋วแลกเงิน
2. หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
3. หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1 บาท
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่จ่ายปันผล
- ผลตอบแทน
★ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน : 16.06%
★ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : 4.28%
5. กองทุนเปิดพรินซิเพิล เซ็ท 50 อินเด็กซ์เพื่อการออม SSF : PRINCIPAL SET50SSF-SSF
คนที่ไม่ชอบหุ้นที่มีความผันผวนสูง กองนี้น่าจะตอบโจทย์ เพราะเป็นกองทุนรวมดัชนีที่ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET50 ไม่น้อยกว่า 80% ผลตอบแทนจึงใกล้เคียงไปตามการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50
- สัดส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน 3 อันดับแรก
1. หุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค
2. หุ้นกลุ่มธนาคาร
3. หุ้นกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ : 1,000 บาท
- นโยบายการจ่ายเงินปันผล : ไม่จ่ายปันผล
- ผลตอบแทน
★ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน : 8.08%
★ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี : 4.94%