ค่าเงินบาทอ่อน คืออะไร ส่งผลดี-ผลเสียกับใคร ธุรกิจไหนบ้าง

          ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงไป ส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าของเราหรือไม่ ทำความเข้าใจกับสภาวะค่าเงินบาทอ่อนตัว ที่อาจเป็นวิกฤตของหลายคน แต่ก็เป็นโอกาสของอีกหลายธุรกิจ

ค่าเงินบาทอ่อน

          ทุกครั้งที่มีข่าว "ค่าเงินบาทอ่อน" ย่อมส่งผลให้เกิดความกังวลขึ้นในภาคธุรกิจ การค้า การเงิน ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง ยิ่งทำให้ชาวบ้านอย่างเรา ๆ กังวลตามไปด้วยว่า การที่ค่าเงินบาทร่วงหนักขนาดนี้จะส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าเราไปด้วยหรือไม่ หรือก่อนอื่น เราควรศึกษาก่อนว่า ค่าเงินบาทอ่อนคืออะไร เราควรปรับตัวอย่างไร และจะมองหาโอกาสเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าของเราจากสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นวิกฤตนี้ได้หรือไม่ มาทำความเข้าใจกัน

ค่าเงินบาทอ่อน คืออะไร


          ค่าเงินอ่อนตัว หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ทำให้เงินบาทมีค่าลดลง เช่น จากเดิม 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาท แต่เมื่อค่าเงินบาทลดลง 5 บาท ก็จะทำให้จากเดิมที่ต้องใช้เงิน 30 บาทในการแลกเปลี่ยนกับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ กลับต้องใช้เงินเพิ่มเป็น 35 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่าเดิม

ค่าเงินบาทอ่อน สาเหตุเกิดจากอะไร


          สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น 

         - มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศสูง
         - ชาวต่างชาติต้องการซื้อสินค้าไทยน้อยลง มาท่องเที่ยวในประเทศไทยน้อยลง ทำให้ความต้องการเงินบาทลดลงไปด้วย
         - คนไทยต้องการขายเงินบาท แล้วนำไปซื้อเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อนำไปลงทุนในต่างประเทศ
         - ปริมาณเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในประเทศลดลง หรือมีการไหลออกของเงินลงทุน เช่น ปรับลดการถือครองหุ้นไทย หรือพันธบัตรไทย แล้วนำเงินที่มาลงทุนกลับประเทศ  
         - มีการเก็งกำไรกับค่าเงิน
         - เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จากสัญญาณเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในสหรัฐอเมริกา
         - การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทอ่อน มีผลเสียหรือผลกระทบอย่างไรบ้าง


          หากค่าเงินบาทอ่อนตัวเร็วเกินไปจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจหลายด้าน และมีผู้เสียประโยชน์หลายกลุ่ม อาทิ

นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเเพงขึ้น


          โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ในการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เครื่องจักร หรือปัจจัยการผลิตในสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนสินค้าแบรนด์เนม สินค้าฟุ่มเฟือยหรูหรา ดังนั้น ช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อน เราควรหยุดช้อปสินค้าดังกล่าว หรือซื้อเฉพาะตามความจำเป็น

นำเข้าน้ำมันเเพงขึ้น


          ทำให้ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าขนส่งแพงขึ้น ผลกระทบต่อมาก็คือ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็ต้องใช้สินค้าแพงขึ้น ถือเป็นผลโดยตรงที่เห็นชัดที่สุดกับประชาชนหลังการที่ค่าเงินบาทอ่อนลง

ปัญหาเรื่องการใช้หนี้ต่างประเทศ


          ภาครัฐและเอกชนที่เป็นลูกหนี้ของต่างประเทศ จะต้องใช้เงินมากขึ้นในการใช้หนี้เดิมที่มีอยู่ เช่น จากเดิม 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาท ถ้ากู้ยืมมา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับเราเป็นหนี้ 30 ล้านบาท แต่หากเงินบาทอ่อนค่าเป็น 35 บาท เราจะต้องชดใช้หนี้เพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านบาท

ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว และการไปศึกษายังต่างประเทศ


          เนื่องจากค่าเดินทาง ค่าที่พัก การช้อปปิ้ง หรือค่าใช้จ่ายจากต้นทุนด้านการศึกษาจะสูงข้น ทำให้ต้องจ่ายเงินมากขึ้น ดังนั้น การเดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนลงเช่นนี้ ควรไปเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ไปเพื่อติดต่อธุรกิจการค้า

ธุรกิจส่งออก

ค่าเงินบาทอ่อน มีผลดีกับใคร ในด้านไหนบ้าง


          คราวนี้มาดูว่า ใครหรือธุรกิจประเภทไหนที่จะได้รับผลดีจากการที่เงินบาทอ่อนค่า

ผู้ที่ทำธุรกิจส่งออก


          เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 75% การส่งออกเปรียบเสมือนหัวใจของระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อค่าเงินลดลง ผู้ส่งออกก็จะได้กำไรมากขึ้น เช่น จากเดิมขายส่งออกสินค้าชิ้นละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ แลกเป็นเงินไทยได้ 3,000 บาท แต่หากค่าเงินบาทอยู่ที่ 35 บาท การขายสินค้า 1 ชิ้น จะได้เงินเพิ่มเป็น 3,500 บาท จึงถือเป็นช่วงเวลาทองสำหรับผู้ส่งออกและการค้าขายกับต่างประเทศที่จะเร่งทำกำไร
 

การท่องเที่ยว


          เมื่อค่าเงินอ่อนตัวลง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการท่องเที่ยวในเมืองไทยถูกลง ก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น สร้างโอกาสทางการค้าให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งสายการบิน การเดินทางรูปแบบต่าง ๆ ธุรกิจโรงแรม ที่พัก บังกะโล รวมถึงอาหารการกิน ของฝาก ของที่ระลึก ได้ใช้โอกาสทองนี้ทำกำไร

เพิ่มยอดขายอสังหาริมทรัพย์จากชาวต่างชาติ 


          เมื่อค่าเงินบาทถูกลง นักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวต่างชาติ จะนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เช่น คอนโด บ้านพักตากอากาศ  สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นลูกค้าหลักที่เข้ามาซื้อคอนโดในกรุงเทพฯ และภูเก็ต เก็บไว้ เพื่อใช้เป็นที่พักยามมาเที่ยวเมืองไทย

กลุ่มธุรกิจที่มีการขายสินค้าอิงเป็นเงินสกุลดอลลาร์


          หากธุรกิจใดที่ซื้อขายกับต่างชาติโดยใช้สกุลเงินดอลลาร์ ก็สามารถนำมาเเลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง เมื่อค่าเงินอ่อนตัวลง กำไรก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เช่น กลุ่มก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี

นักลงทุน หรือนักเก็งกำไร


          ผู้ที่ซื้อเงินดอลลาร์เก็บไว้ตอนที่ค่าเงินบาทแข็ง เมื่อค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ก็สามารถนำเงินดอลลาร์ กลับมาขาย แลกเป็นเงินบาท ได้กำไรเพิ่มมากขึ้น 

คนไทยที่ทำงานในต่างประเทศ หรือคนที่อยู่ในไทย แต่รับเงินเป็นสกุลต่างประเทศ


          คนกลุ่มนี้สามารถนำรายได้ที่ได้รับมาเป็นสกุลเงินต่างประเทศ กลับมาแลกเป็นเงินบาทได้จำนวนมากขึ้น


          อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินบาทอ่อนตัว หรือแข็งค่าเร็วเกินไป จะเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ

บทความที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ




ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทยเฟซบุ๊ก ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand (1), (2), (3)
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ค่าเงินบาทอ่อน คืออะไร ส่งผลดี-ผลเสียกับใคร ธุรกิจไหนบ้าง อัปเดตล่าสุด 26 เมษายน 2567 เวลา 11:29:46 84,151 อ่าน
TOP
x close