ลดดอกเบี้ยนโยบาย มีผลอย่างไร จะกระทบกับเงินของเราไหม ?

          กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ความหมายคืออะไร เกี่ยวข้องกับคนทั่วไปอย่างเราไหม แล้วจะมีผลอย่างไรกับเงินฝาก เงินกู้หรือเปล่า ไปหาคำตอบกัน

ดอกเบี้ยนโยบาย

          สร้างเซอร์ไพรส์เลยทีเดียว เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จากเดิม 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า ดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร และการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะมีผลกระทบอะไรกับคนทั่วไปอย่างเรา ๆ หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นลองไปทำความเข้าใจกัน


ดอกเบี้ยนโยบาย คืออะไร


          ดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศกำหนดขึ้นเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง และเป็นเครื่องมือหลักในการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน โดยมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลดอกเบี้ยนโยบายให้เป็นไปภายใต้กรอบของเงินเฟ้อไม่ให้เกิน 3% เพื่อที่จะควบคุมปริมาณเงินในระบบให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ต้องใช้ "ดอกเบี้ยนโยบาย" ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในตลาดว่าควรอยู่ที่เท่าไร ตามแต่ละสถานการณ์ เช่น

          - ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา แบงก์ชาติจะประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น กระตุ้นให้คนถอนเงินไปจับจ่ายใช้สอย หรือนำเงินไปลงทุนมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

          - ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไป เงินเฟ้อสูง ข้าวของแพง แบงก์ชาติก็จะประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดปริมาณเงินในระบบลง จูงใจให้ประชาชนออมเงินมากขึ้น ก็จะทำให้การใช้จ่ายในครัวเรือนลดลง เมื่อดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น คนขอสินเชื่อน้อยลง การลงทุนต่าง ๆ ก็จะลดลง จึงช่วยชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้เงินเฟ้อลดลงได้

          ทั้งนี้ หากอัตราดอกเบี้ยของไทยสูงเกินไป ยังไปสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ นำเงินออมมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนของไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะสั้น และไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
 
ดอกเบี้ยนโยบาย

ลดดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้างไหม ?


          นอกจากจะมีผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยแล้ว การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายก็อาจส่งผลต่อคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง ดังนี้

* ดอกเบี้ยเงินฝาก


          อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับคนที่ชอบเก็บเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์เพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อ กนง. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารตามไปด้วย ทำให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากน้อยลง คนทั่วไปก็จะเห็นว่าการฝากเงินในธนาคารได้ดอกเบี้ยนิดเดียว ไม่น่าสนใจ แทนที่จะนำไปฝากธนาคาร ก็นำเงินไปจับจ่ายใช้สอย หรือเคลื่อนย้ายเงินทุนไปในส่วนอื่นแทน ทำให้เงินหมุนเวียนและกระจายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

          พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากลดลง จะทำให้คนไม่ค่อยอยากฝากเงินในธนาคาร หรืออาจถอนเงินจากธนาคารแล้วไปลงทุนสินทรัพย์อื่น ๆ แทน เช่น ตลาดหุ้น ทองคำ ฯลฯ เพราะได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก

* คนกู้บ้าน-ขอสินเชื่อบ้าน


ดอกเบี้ยนโยบาย

          ข้อนี้เป็นข่าวดีสำหรับคนที่กำลังจะขอสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน เพราะเมื่อธนาคารปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากแล้ว ก็ต้องปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ด้วยเช่นกัน เพื่อรักษาส่วนต่างดอกเบี้ยไว้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อต่าง ๆ ถูกลง คนทั่วไปก็จะกล้าเข้าไปขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น

          สำหรับคนที่เป็นหนี้อยู่และต้องชำระค่างวดสินเชื่อต่าง ๆ เช่น ค่าผ่อนบ้าน อยู่ทุกเดือน หากสัญญาที่เราทำไว้เป็นแบบ "ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว" (Floating Rate) ก็ได้รับผลดีจากการที่ภาระดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย หรือถ้าจะรีไฟแนนซ์บ้านในช่วงนี้ก็เป็นโอกาสดี แต่ถ้าเป็น "ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่" (Fixed Rate) ที่มักเป็นสัญญากู้ซื้อรถ จะไม่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เพราะยังต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราเดิม

* นักลงทุนและผู้ประกอบการ


          เช่นเดียวกัน เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ผู้ประกอบการที่กู้เงินมาลงทุนอยู่ก็จะจ่ายดอกเบี้ยถูกลง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง หรือสำหรับผู้ประกอบการที่คิดจะขยับขยายธุรกิจ หรือคนทั่วไปที่อยากเปิดกิจการใหม่ ก็สามารถใช้จังหวะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง รีบขอสินเชื่อมาทำธุรกิจในช่วงนี้ก็ได้เช่นกัน ทำให้ธุรกิจขยายตัว ภาคเอกชนมีการลงทุนมากขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ

* ผลตอบแทนพันธบัตร


          ทั้งพันธบัตรและตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะปรับลดลงเช่นเดียวกับดอกเบี้ยเงินฝาก

* ราคาสินค้า


ดอกเบี้ยนโยบาย

          การที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง เพราะทำให้คนนำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอยหรือลงทุนมากขึ้น ในอนาคตราคาสินค้าจึงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการที่มากขึ้น (Demand) อัตราเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้นตามมา แต่หากถึงจุดที่ราคาสินค้าแพงเกินไป เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากเกินไป แบงก์ชาติก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นวัฏจักรตามนี้

          เมื่อราคาสินค้าแพง (เงินเฟ้อสูง) > แบงก์ชาติจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย > ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง > ราคาสินค้าถูกลง (เงินเฟ้อต่ำ) > แบงก์ชาติลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ > คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้เงินเฟ้อสูง

* ค่าเงินบาท


          จะสังเกตเห็นว่าก่อนแบงก์ชาติประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาพอสมควร เนื่องจากเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้ามา ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้เงินลงทุนต่างชาติไหลออกไปยังประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกดีขึ้น เพราะในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ราคาสินค้าไทยจะดูแพงขึ้นในสายตาต่างประเทศ แต่เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลง ต่างชาติจะมองว่าสินค้าไทยมีราคาถูกลง

* ตลาดหุ้น


ดอกเบี้ยนโยบาย

          หุ้นบางกลุ่มก็มีแนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนมองว่าการฝากเงินในธนาคาร หรือซื้อพันธบัตร ไม่น่าสนใจอีกต่อไป ก็อาจนำเงินเข้ามาในตลาดหุ้นแทน ซึ่งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยนโยบายก็คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มลีสซิ่ง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพราะภาคเอกชนจะกลับมาลงทุนมากขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และสายการบิน อาจจะเสียประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้

เราควรทำอย่างไรเมื่อดอกเบี้ยนโยบายลด ?


          - วางแผนการเงิน : ธนาคารต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อย่างแน่นอน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน รถ ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารหลาย ๆ แห่ง

          - ศึกษาการลงทุน : ดอกเบี้ยเงินฝากย่อมลดลงตามดอกเบี้ยเงินกู้ไปด้วย ทำให้ได้รับผลตอบแทนจากเงินฝากน้อยลง จึงควรศึกษาเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ตราสารหนี้ กองทุนรวม หรือหุ้น

          - ชำระหนี้ : สำหรับคนที่มีหนี้สินอยู่แล้วอาจขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือรีไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย


          การลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือที่ธนาคารกลางใช้ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเราทุกคนทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ดังนั้น การติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่เราจะได้วางแผนการเงินและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ


บทความที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย




ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, เฟซบุ๊ก รู้จริงเศรษฐกิจไทย 
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลดดอกเบี้ยนโยบาย มีผลอย่างไร จะกระทบกับเงินของเราไหม ? อัปเดตล่าสุด 16 ตุลาคม 2567 เวลา 16:20:36 119,426 อ่าน
TOP
x close