ประกันชีวิต คือหนึ่งในตัวช่วยลดหย่อนภาษี 2566 ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งประกันออมทรัพย์ ประกันชีวิตตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ทั้งนี้ หลายคนที่ตั้งใจจะซื้อประกันเพื่อวัตถุประสงค์ประหยัดภาษีเป็นหลักก็มักจะเลือกทำประกันออมทรัพย์ระยะสั้น ซึ่งจะได้รับเงินคืนเร็วกว่า และอาจนำเงินก้อนนั้นไปซื้อประกันตัวใหม่ได้เรื่อย ๆ
สำหรับในปีนี้ใครยังไม่รู้ว่าจะซื้อประกันออมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี ที่ไหนดี วันนี้เรารวบรวมประกันที่น่าสนใจและให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามาให้พิจารณากันแล้วประกันออมทรัพย์แบบไหนใช้ลดหย่อนภาษีได้
ประกันออมทรัพย์หรือประกันสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่เน้นการออมเงินเป็นหลัก ซึ่งผู้ทำประกัน (ผู้เอาประกันภัย) จะได้รับเงินคืนตามสัญญาที่ระบุไว้ มีทั้งแบบเงินคืนระหว่างปี หรือรับเงินคืนก้อนเดียวตอนครบสัญญา (ขึ้นอยู่กับแบบประกัน) พร้อมกับได้รับความคุ้มครองชีวิตในกรณีที่เสียชีวิต มีระยะเวลาการจ่ายเบี้ยให้เลือกทั้งระยะสั้น ระยะยาว เช่น 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 12 ปี 20 ปี 25 ปี เป็นต้น แต่ประกันออมทรัพย์ที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ ดังนี้
-
ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-
มีผลตอบแทนคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสม (เงินปันผลหรือเบี้ยคืนรายปี)
-
ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ซื้อจากบริษัทประกันชีวิตที่ดำเนินกิจการในไทย
-
หากเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี ถือว่าผิดเงื่อนไข จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
ประกันออมทรัพย์ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
ข้อดีและข้อจำกัดของประกันออมทรัพย์
ข้อดีของประกันออมทรัพย์
-
ช่วยให้เก็บออมได้ง่ายขึ้น เพราะเหมือนเป็นการบังคับตัวเองให้ต้องจ่ายเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนด และเราสามารถเลือกได้ว่าจะชำระเบี้ยแบบรายเดือน ราย 3 เดือน 6 เดือน หรือรายปี
-
ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนเมื่อครบสัญญา ทำให้วางแผนชีวิตในระยะยาวได้
-
มีการจ่ายเงินคืนระหว่างปี ทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเราจะทราบตั้งแต่วันที่ทำประกันเลยว่าจะได้รับผลตอบแทนรวมทั้งหมดเท่าไร
-
บางแผนมีเงินปันผลให้ ซึ่งเป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ แต่ไม่ได้รับรองว่าต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินเท่าไร ขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุน
-
กรณีที่เสียชีวิตระหว่างสัญญา บริษัทจะจ่ายสินไหมให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามที่เราระบุชื่อไว้
-
ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท
-
เป็นแบบประกันที่ทำได้ง่าย เพราะไม่ต้องตอบคําถามสุขภาพ และไม่ตรวจสุขภาพ
ข้อจำกัดของประกันออมทรัพย์
-
ผลตอบแทนไม่สูง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราว ๆ 0.5-2.5% ต่อปี ซึ่งพอ ๆ กับเงินฝากประจำของธนาคาร แต่มีข้อดีตรงที่ได้รับความคุ้มครองชีวิตและสิทธิลดหย่อนภาษี
-
เป็นแบบประกันที่เหมาะกับการออมเงินมากกว่าเน้นความคุ้มครองชีวิต เนื่องจากมีความคุ้มครองชีวิตที่น้อยกว่าประกันชีวิตทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น หากเราจ่ายเบี้ยประกัน 50,000 บาท อาจได้รับความคุ้มครองชีวิตเพียง 50,000-100,000 บาท แต่ถ้าเป็นประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ถ้าเลือกจ่ายเบี้ยประกัน 50,000 บาท อาจได้รับความคุ้มครองชีวิตถึงหลักล้านบาท
-
ประกันออมทรัพย์ระยะสั้นบางเล่มไม่สามารถซื้อความคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมได้
-
หากเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบสัญญา หรือจ่ายเบี้ยประกันไม่ครบตามกำหนด ผลตอบแทนที่ได้รับจะลดลง และอาจต้องคืนภาษีย้อนหลังด้วย
วิธีเลือกประกันออมทรัพย์ลดหย่อนภาษี
ในการเลือกทำประกันออมทรัพย์เพื่อจุดประสงค์ลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาดังนี้
-
พิจารณาคุณสมบัติของผู้ทำประกันและเงื่อนไขของประกันแต่ละแผน เช่น อายุที่สามารถทำประกันได้ จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำและสูงสุดเป็นเท่าไร สามารถแนบสัญญาอื่น ๆ เพิ่มเติมได้หรือไม่ รวมถึงช่องทางในการสมัคร
-
เลือกระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป เช่น 10/1, 10/5, 12/6, 15/8, 25/10 เป็นต้น หากมีระยะเวลาคุ้มครองสั้นกว่า 10 ปี เช่น 5/2, 3/1 จะไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ (เลขตัวหน้าคือจำนวนปีที่คุ้มครอง ส่วนเลขตัวหลังคือจำนวนปีที่ต้องจ่ายเบี้ย)
-
พิจารณาระยะเวลาที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เช่น ถ้ามีรายได้มากเฉพาะปีนี้ก็อาจเลือกแผนประกันระยะสั้น เช่น 10/1 จ่ายเบี้ยแค่ปีเดียว แต่ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงานประจำที่มีรายได้ต่อเนื่อง จำเป็นต้องใช้สิทธิลดหย่อนภาษีทุกปี สามารถเลือกแผนประกันที่จ่ายเบี้ยระยะยาวได้
-
พิจารณาความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันของตัวเอง ว่าสามารถชำระได้เท่าไร หากเลือกจำนวนเงินเอาประกันภัยสูง (ทุนประกันสูง) เบี้ยประกันย่อมสูงตามไปด้วย แต่ก็แลกกับความคุ้มครองชีวิตที่มากขึ้น ทั้งนี้ แผนประกันแต่ละแบบจะกำหนดทุนประกันขั้นต่ำและเบี้ยประกันขั้นต่ำเอาไว้ด้วย
-
พิจารณาอัตราผลตอบแทนภายใน หรือ IRR (Internal Rate of Return) ซึ่งหากค่า IRR สูง แสดงว่าประกันเล่มนี้ให้ผลตอบแทนที่สูง
-
พิจารณาจำนวนเงินคืนระหว่างปี โดยส่วนใหญ่จะคืนเงินให้ทุกปี หรือทุก 2 ปี รวมทั้งพิจารณาจำนวนเงินที่คืนให้ด้วย บางเล่มอาจคืนเงินให้เพียง 1-2% ในช่วงปีแรก ๆ แต่บางเล่มก็คืนเงินให้ 10-20% ตั้งแต่ปีแรก ๆ เลย เหมาะกับคนที่ต้องการนำเงินกลับมาหมุนใช้จ่ายหรือนำไปลงทุนต่อ
-
เลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง เพราะหากเสียชีวิตไปในระหว่างปีกรมธรรม์ ทายาทจะได้รับเงินก้อนตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
- เลือกบริษัทประกันที่มีความมั่นคง เนื่องจากประกันสะสมทรัพย์เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองยาวนาน และต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี ถึงจะได้รับเงินต้นคืน
ประกันออมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี 2566 ที่ไหนดี
1. ประกันออมทรัพย์ D-Supreme Saving 10/1 จากอาคเนย์ประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ย 100,000 บาท ครั้งเดียว
-
ปีที่ 1-9 รับเงินคืนปีละ 2,300 บาท ส่วนปีที่ 10 ครบกำหนด รับเงินคืน 102,300 บาท รวมรับเงินคืนทั้งหมด 123,000 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 100,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 23,000 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 2.30% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 20-65 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : ขั้นต่ำ 50,000 บาท สูงสุด 1 ล้านบาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 1 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 1 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-9 รับเงินคืน 2.3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 102.3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต : คุ้มครอง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
2. ประกันออมทรัพย์ สมาร์ทซุปเปอร์เซฟวิ่ง 10/6 (20) จากซัมซุงประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ยประกันภัย 98,500 บาท เป็นเวลา 6 ปี รวมเป็นเงิน 591,000 บาท
-
ปีที่ 1-5 รับเงินคืนปีละ 4,000 บาท และปีที่ 6-9 รับเงินคืนปีละ 6,000 บาท ส่วนปีที่ 10 ครบกำหนด รับเงินคืน 626,000 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 652,000 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 591,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 61,000 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.76% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 1 วัน - 75 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : ขั้นต่ำ 20,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 6 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 6 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-5 รับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 6-9 รับเงินคืน 6% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 626% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต :
-
ปีกรมธรรม์ที่ 1 : คุ้มครอง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 2 : คุ้มครอง 210% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 3 : คุ้มครอง 310% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 4 : คุ้มครอง 410% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 5 : คุ้มครอง 510% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 6-10 : คุ้มครอง 610% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
3. ประกันออมทรัพย์ AIA iSave 5/10
-
จ่ายเบี้ยปีละ 50,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี รวมจ่ายเบี้ยประกัน 250,000 บาท
-
ปีที่ 2-9 รับเงินคืนปีละ 2,298.85 บาท รวม 8 ปี คือ 18,390.80 บาท และปีที่ 10 ครบกำหนด รับเงินคืน 268,965.50 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 287,356.30 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 250,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 37,356.30 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.83% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 20-55 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : 20,000-50,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 5 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2-9 รับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 468% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต :
-
ปีกรมธรรม์ที่ 1 : คุ้มครอง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 2 : คุ้มครอง 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 3 : คุ้มครอง 300% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 4 : คุ้มครอง 400% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 5-10 : คุ้มครอง 500% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
4. ประกันออมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1
-
จ่ายเบี้ย 100,000 บาท ครั้งเดียว
-
ปีที่ 1-10 รับเงินคืนปีละ 1,750 บาท รวม 10 ปี คือ 17,500 บาท เมื่อถึงปีที่ 10 ครบกำหนด รับเงินคืน 100,000 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 117,500 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 100,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 17,500 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.75% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 20-75 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : 50,000-5,000,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 1 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 1 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10 รับเงินคืน 1.75% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต : คุ้มครอง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
5. ประกันออมทรัพย์โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ รีเทิร์น 10/5 จากไทยสมุทรประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ยประกัน 100,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี รวมเป็นเงิน 500,000 บาท
-
ปีที่ 1-6 รับเงินคืนปีละ 20,000 บาท ปีที่ 7-9 รับเงินคืนปีละ 100,000 บาท และเมื่อครบสัญญารับเงินคืน 110,000 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 530,000 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 500,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 30,000 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.10% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 30 วัน - 70 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : ขั้นต่ำ 50,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 5 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-6 รับเงินคืน 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 7-9 รับเงินคืน 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต :
-
ปีกรมธรรม์ที่ 1 : คุ้มครอง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 2 : คุ้มครอง 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 3 : คุ้มครอง 300% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 4 : คุ้มครอง 400% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 5-6 : คุ้มครอง 500% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 7 : คุ้มครอง 400% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 8 : คุ้มครอง 300% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 9 : คุ้มครอง 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 10 : คุ้มครอง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
6. ประกันสะสมทรัพย์ Life Super Save 14/5 จากกรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ยประกัน 100,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี รวมเป็นเงิน 500,000 บาท
-
ปีที่ 1-5 รับเงินคืนปีละ 2,000 บาท ปีที่ 6-10 รับเงินคืนปีละ 4,000 บาท ปีที่ 11-13 รับเงินคืนปีละ 10,000 บาท และเมื่อครบสัญญาปีที่ 14 รับเงินคืน 548,000 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 608,000 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 500,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 108,000 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.72% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 1 เดือน - 70 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : ขั้นต่ำ 50,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 14 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 5 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-5 รับเงินคืน 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 6-10 รับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 11-13 รับเงินคืน 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 14 รับเงินครบกำหนดสัญญา 548% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต :
-
ปีกรมธรรม์ที่ 1 : คุ้มครอง 101% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 2 : คุ้มครอง 202% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 3 : คุ้มครอง 315% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 4 : คุ้มครอง 420% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 5-14 : คุ้มครอง 525% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
7. ประกันสะสมทรัพย์ Easy E-SAVE 10/5 จาก FWD ประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ยปีละ 68,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี รวมจ่ายเบี้ยประกัน 340,000 บาท
-
ปีที่ 1-5 รับเงินคืนปีละ 4,015 บาท ปีที่ 6-9 รับเงินคืนปีละ 5,108 บาท และเมื่อครบสัญญาปีที่ 10 รับเงินคืน 351,292 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 391,439 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 340,000 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 51,439 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.91% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 20-60 ปี
-
จำนวนเบี้ยประกันภัย : 20,000-400,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 10 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 5 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-5 รับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 6-9 รับเงินคืน 5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 รับเงินครบกำหนดสัญญา 350% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต :
-
ปีกรมธรรม์ที่ 1 : คุ้มครอง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 2 : คุ้มครอง 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 3 : คุ้มครอง 210% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 4 : คุ้มครอง 280% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
ปีกรมธรรม์ที่ 5-10 : คุ้มครอง 350% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
8. ประกันออมทรัพย์ โครงการเมืองไทย Super Return 11/1 จากเมืองไทยประกันชีวิต
-
จ่ายเบี้ย 94,700 บาท ครั้งเดียว
-
ปีที่ 2, 4, 6, 8, 10 รับเงินคืนปีละ 2,000 บาท ปีที่ 10 ครบสัญญา รับเงินคืน 102,000 บาท
-
รวมรับเงินคืนทั้งหมด 112,000 บาท จากเบี้ยที่จ่ายไป 94,700 บาท ดังนั้น จะได้ผลตอบแทน 17,300 บาท
-
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนภายในกรมธรรม์ (IRR) เท่ากับ 1.61% (ยังไม่รวมเงินที่นำไปลดหย่อนภาษี)
-
อายุรับประกัน : 20-65 ปี
-
จำนวนเงินเอาประกันภัย : 25,000-500,000 บาท
-
ระยะเวลาเอาประกันภัย : 11 ปี
-
ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย : 1 ปี (ลดหย่อนภาษีได้ 1 ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท)
-
ผลประโยชน์เงินคืน :
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2, 4, 6, 8, 10 รับเงินคืน 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 11 รับเงินครบกำหนดสัญญา 102% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
-
-
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต : คุ้มครอง 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
บทความที่เกี่ยวข้องกับประกัน
- ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ไหนดี เปรียบเทียบแผนค่ารักษา 1 ล้านบาท
- ประกันโรคร้ายแรงของบริษัทไหนดี ปี 2566 เปรียบเทียบแบบเจอ จ่าย จบ รับเงินก้อน จ่ายเบี้ยคงที่
- ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่ไหนดี ปี 2566 วงเงินรักษาพยาบาล 5 แสนบาท จ่ายเบี้ยเบา ๆ
- ประกันมะเร็ง เจอ จ่าย จบ ที่ไหนดี ปี 2566 ทำง่าย ไม่พ่วงประกันชีวิต
- ลดหย่อนภาษี 2566 มีอะไรบ้าง ช้อปดีมีคืน ประกัน เงินบริจาคหักได้เท่าไร คำนวณดูก่อนยื่นภาษี
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, อาคเนย์ประกันชีวิต, ซัมซุงประกันชีวิต, เฟซบุ๊ก AIA, AIA, กรุงเทพประกันชีวิต, ไทยสมุทรประกันชีวิต, กรุงไทย แอกซ่า, เฟซบุ๊ก Krungthai-AXA Life, FWD, เมืองไทยประกันชีวิต