นิตยสารด้านธุรกิจและการลงทุน สเปียร์ส (Spear\'s) ร่วมกับบริษัทเวลท์อินไซท์ (WealthInsight) จัด 20 อันดับประเทศที่มีเศรษฐีมากที่สุดในโลก โมนาโก ซิวตำแหน่งเมืองอุดมคนรวย
วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 นิตยสารสเปียร์ เผยผลการจัดอันดับเมืองที่มีเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก โดยเปรียบเทียบอัตราส่วนกับจำนวนชาวเมืองทั้งหมด ซึ่งเกณฑ์วัดเศรษฐีคือ บุคคลที่มีสินทรัพย์ในครองครองมากกว่า 1 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) โดยไม่รวมมูลค่าที่อยู่อาศัยที่คนเหล่านั้นพักอยู่ ปรากฏว่า โมนาโก เมืองหลวงของประเทศโมนาโก มีเศรษฐีอยู่ถึง 29.21% หรือคิดเป็นอัตราส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของชาวเมืองทั้งหมด แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยหากจะไม่เดินกระทบไหล่เศรษฐีเข้าสักคนตามท้องถนน
ส่วนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซิวตำแหน่งเมืองเศรษฐีถึง 2 เมืองด้วยกัน คือ ซูริคและเจนีวา ที่อันดับ 2 และ 3 ด้วยสัดส่วนคนรวย 27.34% และ 17.92% ตามลำดับ ก่อนจะทิ้งห่างไปที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ในอันดับที่ 4 ที่มีคนรวย 4.63% เมื่อเทียบกับพลเมืองทั้งหมด แต่อย่างไรก็ดีหากเทียบกันตามจำนวนคนรวยแล้วโดยไม่สนใจจำนวนประชากรในเมืองแล้ว กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือว่ามีคนรวยอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก และรองลงมาคือนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์จากเวลท์อินไซท์ ชี้ว่า เมืองที่มีสภาพภูมิประเทศดีและมีระบบภาษีเอื้อประโยชน์ต่อตน จะเรียกบรรดาเศรษฐีให้ไปอยู่อาศัยได้มากที่สุด นอกจากนี้บรรดาเศรษฐีก็มีส่วนพัฒนาให้ถิ่นที่ตนเองอยู่มีความเจริญมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าเมืองที่มีคนรวยอยู่เยอะแล้วจะดีเสมอไป เพราะอีกด้านหนึ่งมันก็สามารถชี้ถึงความเหลื่อมล้ำของรายได้พลเมืองเช่นกัน
โดย 20 อันดับเมืองที่มีเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก มีดังนี้
1. โมนาโก ประเทศโมนาโก (29.21%)
2. ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (27.34%)
3. เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (17.92%)
4. นิวยอร์ก สหรัฐฯ (4.63%)
5. แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (3.88%)
6. ลอนดอน ประเทศอังกฤษ (3.39%)
7. ออสโล ประเทศนอร์เวย์ (2.90%)
8. สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ (2.80%)
9. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (2.63%)
10. ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี (2.59%)
11. ฮ่องกง เขตการปกครองพิเศษฮ่องกง (2.58%)
12. โรม ประเทศอิตาลี (2.54%)
13. ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ (2.40%)
14. โดฮา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2.31%)
15. โตรอนโต (2.29%)
16. เวนิซ ประเทศอิตาลี (2.25%)
17. บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม (2.11%)
18. ฮูสตัน สหรัฐฯ (2.09%)
19. ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ (2.07%)
20. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส (2.04%)