คุณสู้ เราช่วย เฟส 2 สรุป 3 มาตรการช่วยลูกหนี้ มาเช็กเงื่อนไขใหม่และวิธีลงทะเบียน

          คุณสู้ เราช่วย เฟส 2 ขยายเวลาลงทะเบียนมาตรการช่วยลูกหนี้ หลังปรับเงื่อนไขใหม่ รีบมาเช็กรายละเอียด พร้อมไขข้อสงสัย คนที่เคยสมัครเฟส 1 ไม่ผ่าน จะลงทะเบียนเฟส 2 ได้อีกไหม
คุณสู้ เราช่วย เฟส 2

          หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ด้วยเหตุนี้ภาครัฐจึงพยายามเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านโครงการคุณสู้ เราช่วย ที่ริเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2567 กระทั่งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับเงื่อนไขมาตรการต่าง ๆ ตามโครงการคุณสู้ เราช่วย เฟส 2 รวมทั้งขยายระยะเวลาลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น ใครมีหนี้เสีย ไม่ว่าจะหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่ออื่น ๆ และต้องการปลดหนี้ ตามมาอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการช่วยลูกหนี้คุณสู้ เราช่วย

เช็กก่อน !
หนี้ของเราเข้ามาตรการไหน

          ก่อนจะไปอ่านรายละเอียดของแต่ละมาตรการ ลองมาเช็กดูว่า หนี้ของเราเข้าข่ายมาตรการไหน โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสถานะหนี้เสีย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
มาตราการคุณสู้ เราช่วย เฟส 2

ภาพจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

  • สินเชื่อบ้าน/สินเชื่อบ้านแลกเงิน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท/บัญชี

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 2

    • ยอดหนี้เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 1

  • สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท/บัญชี

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 2

    • ยอดหนี้เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 1

  • สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์/สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/บัญชี

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 2

    • ยอดหนี้เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 1

  • สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 2

    • ยอดหนี้มากกว่า 10,000 แต่ไม่เกิน 50,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 3

    • กรณีมีสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล) และมีสินเชื่อบ้าน / บ้านแลกเงิน / สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ / สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) สามารถรวมหนี้เพื่อเข้ามาตรการที่ 1 ได้ (ยกเว้นการรวมหนี้กับสินเชื่อบ้านของ ธอส.) และต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด

  • สินเชื่อ SMEs วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท/บัญชี

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 2

    • ยอดหนี้เกิน 30,000 บาท > เข้ามาตรการที่ 1

  • ทุกประเภทสินเชื่อ

    • ยอดหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท/บัญชี > เข้ามาตรการที่ 2 

          คราวนี้เรามาศึกษารายละเอียดของแต่ละมาตรการกัน

มาตรการที่ 1 จ่ายตรง คงทรัพย์

มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ ช่วยเหลืออะไรบ้าง

  1. ลดค่างวด 3 ปี : ให้ลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% (ในปีที่ 1) 70% (ในปีที่ 2) และ 90% ของค่างวดเดิม (ในปีที่ 3) ตามลำดับ ซึ่งค่างวดที่จ่ายทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น เพื่อให้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

  2. พักดอกเบี้ย 3 ปี : สำหรับดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีของมาตรการ และไม่ก่อหนี้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วม

          ทั้งนี้ สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น ไม่ต้องรอให้ครบ 3 ปี

ใครมีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์

          ต้องเป็นคนที่มีหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ตามเงื่อนไขคือ

     1. มีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด โดยพิจารณาแยกวงเงินในสัญญา (ต่อสถาบันการเงิน) ตามประเภทสินเชื่อ ดังนี้

          ◇ สินเชื่อบ้าน หรือ บ้านแลกเงิน (Home for cash) วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท
          ◇ สินเชื่อเช่าซื้อ หรือ จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 8 แสนบาท
          ◇ สินเชื่อเช่าซื้อ หรือ จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 50,000 บาท
          ◇ สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท
          ◇ สำหรับคนที่มีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิต หากมีหนี้บ้านหรือหนี้รถที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น สามารถพิจารณาเข้ามาตรการรวมหนี้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรับได้ โดยวงเงินรวมต้องไม่เกินที่กำหนด (ยกเว้นการรวมหนี้กับสินเชื่อบ้านของ ธอส.)

     2. เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567

     3. มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

          3.1 ค้างชำระมากกว่า 30 วัน นับจากวันครบกำหนดชำระ หรือ
          3.2 ไม่ค้างชำระ หรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน (นับจากวันครบกำหนดชำระ) ซึ่งเคยมีประวัติค้างชำระ และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 (ดูวันค้างตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)

เงื่อนไขที่ต้องรู้ก่อนเข้าร่วมมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์

          หากลูกหนี้คนใดตัดสินใจขอเข้าร่วมมาตรการที่ 1 จ่ายตรง คงทรัพย์ จะต้องปฏิบัติตาม 4 เงื่อนไขต่อไปนี้ เพื่อจะได้รับการลดค่างวดและพักดอกเบี้ยทั้งหมด 

  1. ไม่สามารถทำสัญญาสินเชื่ออุปโภค-บริโภคใหม่ได้ใน 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วมมาตรการ (ยกเว้น กรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้ โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม)

  2. จะถูกรายงานข้อมูลใน NCB ว่าเข้าร่วมมาตรการ 

  3. หากไม่สามารถชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่กำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้

  4. หากสัญญาสินเชื่อเดิมมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่

ตัวอย่างลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการ

มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์

ภาพจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

มาตรการที่ 2 จ่าย ปิด จบ

มาตรการจ่าย ปิด จบ

มาตรการจ่าย ปิด จบ ช่วยเหลืออะไรบ้าง

          เป็นมาตรการที่ช่วยลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) และมียอดหนี้ค้างไม่สูงมาก ให้ชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

ใครมีสิทธิเข้าร่วมมาตรการที่ 2 จ่าย ปิด จบ

1. ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน (NPL)

2. มีภาระหนี้ตามประเภทและยอดหนี้ ดังนี้

  • ทุกประเภทสินเชื่อ ที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท/บัญชี 

  • สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท/บัญชี

  •  สินเชื่อที่มีหลักประกัน (หลักประกันถูกยึดหรือขายทอดตลาดแล้ว หรือไม่สามารถติดตามทรัพย์ได้) ที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท/บัญชี และต้องมีวงเงินสินเชื่อต่อบัญชี ดังนี้

    • สินเชื่อบ้าน/บ้านแลกเงิน/สินเชื่อ SMEs บุคคลธรรมดา วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท

    • สินเชื่อเช่าซื้อ/จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท

    • สินเชื่อเช่าซื้อ/จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท

ตัวอย่าง

  • A มีหนี้ที่เป็น NPL จำนวน 2 บัญชี คือ หนี้บัตรเครดิต 4,000 บาท และหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล 8,000 บาท กรณีนี้สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ทั้ง 2 บัญชี เนื่องจากเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน และภาระหนี้ของแต่ละบัญชีไม่เกิน 10,000 บาท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

  • B มีหนี้รถยนต์วงเงินกู้ 600,000 บาท ปัจจุบันหนี้เป็น NPL ซึ่งถูกยึดรถไปแล้ว ยังมีภาระหนี้คงเหลือ 28,000 บาท สามารถเข้าร่วมมาตรการจ่าย ปิด จบ ได้ เพราะเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน (รถยนต์) ที่ถูกบังคับหลักประกันไปแล้ว ภาระหนี้คงเหลือไม่เกิน 30,000 บาท วงเงินในสัญญาไม่เกิน 8 แสนบาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด

มาตรการที่ 3 จ่าย ตัด ต้น

มาตรการจ่าย ตัด ต้น ช่วยเหลืออะไรบ้าง

  • ปรับโครงสร้างหนี้ โดยให้ผ่อนชำระคืนเป็นงวด (term loan)

  • ผ่อนชำระ 2% ของเงินต้นคงค้างก่อนเข้ามาตรการ

  • ค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดต้นทั้งหมด ส่วนดอกเบี้ยให้ตั้งพักไว้ 3 ปี หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขจะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมด

  • ลูกหนี้สามารถตกลงกับเจ้าหนี้เพื่อชำระค่างวดมากกว่าที่กำหนดได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

ใครมีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจ่าย ตัด ต้น

  • ลูกหนี้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่มีหนี้เสียของสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด) ยอดหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท/บัญชี

  • มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567

  • สัญญาสินเชื่อทำก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567

เงื่อนไขที่ต้องรู้ก่อนเข้าร่วมมาตรการจ่าย ตัด ต้น

          หากลูกหนี้คนใดตัดสินใจขอเข้าร่วมมาตรการจ่าย ตัด ต้น จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่อไปนี้

  1. ไม่สามารถทำสัญญาสินเชื่ออุปโภค-บริโภคใหม่ใน 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วมมาตรการ หากจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในการทำธุรกิจ เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้ โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม

  2. จะถูกรายงานข้อมูลใน NCB ว่าเข้าร่วมมาตรการ

  3. หากไม่สามารถชำระได้ตามที่กำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้

รายชื่อสถาบันการเงิน
ที่เข้าร่วมโครงการ

          ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารเข้าร่วมโครงการหลายแห่ง ดังนี้
โครงการคุณสู้เราช่วย

ภาพจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

ลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย
ได้ที่ไหน

          เราสามารลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย เฟส 2 ได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2568 ด้วย 2 วิธี คือ

     1. ลงทะเบียนที่สาขาของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ร่วมโครงการ หรือ

     2. ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ธนาคารแห่งประเทศไทย

          โดยยืนยันตัวตนด้วย ThaID เพื่อเข้าสู่ระบบ จากนั้นกรอกข้อมูลต่าง ๆ เมื่อสถาบันการเงินได้รับข้อมูลแล้วจะเริ่มทยอยติดต่อกลับภายใน 10 วันทำการหลังลงทะเบียนสำเร็จ (ยกเว้นลูกหนี้ภายใต้มาตรการจ่าย ตัด ต้น สถาบันการเงินจะเริ่มติดต่อกลับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป)

เคยลงทะเบียนเฟส 1 แล้ว
ต้องสมัครเฟส 2 อีกไหม

กรณีที่ไม่ต้องมาลงทะเบียนใหม่ในเฟส 2

  • คนที่เคยลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย เฟส 1 และเจ้าหนี้ยังไม่ได้ติดต่อกลับ หรือยังไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาในระบบ เจ้าหนี้จะพิจารณาคุณสมบัติอีกครั้งตามเงื่อนไขของทั้งสองเฟส ลูกหนี้จึงไม่ต้องมาลงทะเบียนในเฟส 2

กรณีที่ต้องมาลงทะเบียนใหม่ในเฟส 2

  • คนที่เคยลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย เฟส 1 แล้ว แต่มีสัญญาสินเชื่ออื่น ๆ ที่เข้าเงื่อนไขเฟส 2 ด้วย 

  • คนที่เคยลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย เฟส 1 แต่ผลการพิจารณาไม่เข้าเงื่อนไข และปัจจุบันมีสัญญาอื่นที่เข้าเงื่อนไขเฟส 2

  • คนที่อยู่ในมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ เฟส 1 แต่บัญชีเข้าเงื่อนไขมาตรการจ่าย ปิด จบ ในเฟส 2 สามารถลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง และติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้ความช่วยเหลือได้ อย่างไรก็ตาม ข้อควรพิจารณาคือ เมื่อออกจากมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ เฟส 1 ก่อนครบระยะเวลา จะไม่ได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยที่พักไว้ในส่วนที่ภาครัฐไม่ได้สนับสนุน

คุณสู้ เราช่วย 
ตรวจสอบสถานะยังไง

          หลังจากลงทะเบียนคุณสู้ เราช่วย ผ่านเว็บไซต์แล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการดำเนินการได้ที่ https://services.bot.or.th/cpm โดยเลือกเมนูตรวจสอบสถานะคำร้อง บริการแก้หนี้ และเลือกหมายเลขคำร้องที่ได้รับหลังลงทะเบียนสำเร็จ

ลงทะเบียนคุณสู้เราช่วย

ภาพจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

          อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบแล้วไม่ตรงกับเงื่อนไขของโครงการคุณสู้ เราช่วย เฟส 2 แนะนำให้ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือลงทะเบียนโครงการทางด่วนแก้หนี้ (คลิก)  

          สำหรับคนที่มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และค้างชำระเกิน 120 วัน ยอดหนี้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ คลินิกแก้หนี้ (คลิก) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินเช่นกัน
          ส่วนใครที่มีปัญหาในการลงทะเบียน หรือยังมีข้อสงสัย สามารถสอบถามกับสถาบันการเงินที่ลงทะเบียน หรือ โทร. Call Center ของสถาบันการเงินที่ลงทะเบียน แล้วกด 99 หากไม่ได้รับความช่วยเหลือสามารถติดต่อสายด่วนธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 ในวันและเวลาทำการ

บทความที่เกี่ยวข้องกับคุณสู้ เราช่วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย (1), (2)(3), (4)
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คุณสู้ เราช่วย เฟส 2 สรุป 3 มาตรการช่วยลูกหนี้ มาเช็กเงื่อนไขใหม่และวิธีลงทะเบียน อัปเดตล่าสุด 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 08:12:50 2,300 อ่าน
TOP
x close