วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก-พันธบัตร-หุ้นกู้ อยากได้เงินคืนต้องทำยังไง เช็กเลย !

           วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาลที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว เราสามารถยื่นภาษีเองได้ง่าย ๆ ดีไม่ดีอาจได้ภาษีดอกเบี้ยคืนด้วย
วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ

           ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี เรามักยื่นภาษีเฉพาะในส่วนที่เป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริม แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์ เป็นเงินได้ประเภทหนึ่งที่อาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเอาไว้ และสามารถขอคืนภาษีได้เช่นกัน กลายเป็นเผลอทำเงินหล่นหายโดยไม่รู้ตัว แล้วจะมีวิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝากอย่างไร สามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ไหม มาติดตามกันเลย

ดอกเบี้ยแบบไหนถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย

          ดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 4 หรือ มาตรา 40(4) ก เช่นเดียวกับดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีซื้อ-ขายหลักทรัพย์ ถือเป็นภาษีสุดท้าย (Final Tax) คือเงินได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว 15% เราสามารถเลือกได้ว่าจะนำมารวมหรือไม่รวมคำนวณในการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

          เช่น หากเราเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน แล้วได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1,000 บาท ธนาคารจะจ่ายให้เราแค่ 850 บาท และหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 150 บาท โดยในส่วน 150 บาทนี้เราสามารถเลือกขอคืนภาษีได้ในช่วงที่ยื่นภาษีปีถัดไป

          ทั้งนี้ ดอกเบี้ยตามมาตรานี้มีอยู่หลายประเภท มีทั้งประเภทที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ดังนี้

  • ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ส่วนที่ไม่เกิน 20,000 บาท/ปี (นับรวมทุกบัญชี ทุกธนาคาร) จะได้รับยกเว้นภาษี หมายความว่าคนที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ไม่เกิน 20,000 บาท/ปี ธนาคารจะไม่ได้หักภาษีไว้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยื่นขอคืนภาษี 

  • ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้รับตั้งแต่ 20,000 บาท/ปีขึ้นไป (นับรวมทุกบัญชี ทุกธนาคาร) ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ตั้งแต่บาทแรก ส่วนนี้เราสามารถยื่นขอคืนภาษีภายหลังได้

  • ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับยกเว้นภาษี แม้ว่าจะได้รับเกิน 20,000 บาทก็ไม่เสียภาษี

  • ดอกเบี้ยเงินฝากประจำทั่วไปจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% โดยสามารถยื่นขอคืนภาษีได้ในภายหลัง

  • ดอกเบี้ยเงินฝากประจำปลอดภาษีที่มีระยะเวลาฝากติดต่อกันตั้งแต่ 24 เดือนขึ้นไป ยอดฝากรวมไม่เกิน 600,000 บาท เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับการยกเว้นภาษี จึงไม่สามารถขอคืนภาษีได้ แต่ในกรณีที่ผู้ฝากทำผิดเงื่อนไข เช่น ฝากไม่ครบกำหนด จะต้องเสียภาษีตามปกติ

  • ผู้สูงอายุ 55 ปีขึ้นไปที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป รวมทุกธนาคารไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำรวมแล้วเกิน 30,000 บาท/ปี จะต้องเสียภาษีตั้งแต่บาทแรก

  • ดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีที่ใช้ซื้อ-ขายหลักทรัพย์ (บัญชีพอร์ตหุ้น) จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% 

  • เงินปันผลและดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของสหกรณ์ได้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี

ใครควรขอคืนภาษี
ดอกเบี้ยเงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้

วิธีขอคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย

          เราสามารถเลือกได้ว่าจะขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยพันธบัตร หรือดอกเบี้ยหุ้นกู้หรือไม่ โดยคนที่ควรขอคืนภาษี ได้แก่

  • คนที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้สุทธิไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีประจำปี : คือคนที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท/ปี ควรเลือกนำมารวมคำนวณกับเงินได้อื่น ๆ เพื่อขอคืนภาษีที่ถูกหักไป ซึ่งจะได้ภาษีดอกเบี้ยคืนเต็ม ๆ

  • คนที่มีรายได้สุทธิถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่ฐานภาษีน้อยกว่า 15% : หากนำดอกเบี้ยส่วนนี้ไปรวมกับรายได้อื่น ๆ แล้วมีฐานภาษีน้อยกว่า 15% จะได้ภาษีดอกเบี้ยคืนบางส่วน เช่น คนมีฐานภาษี 5% ถ้ายื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝากก็จะได้ส่วนของดอกเบี้ยคืน 10% (จากที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว 15%) เท่ากับว่าเราเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากแค่ 5% ตามฐานภาษีปกติของเรา

  • ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป : คนที่อายุ 65 ปีขึ้นไป และไม่มีรายได้จากแหล่งอื่น หรือมีรายได้ไม่สูง เพราะสามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีก 190,000 บาท 

          ทั้งนี้ แนะนำให้นำรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้ มารวมกับรายได้อื่น ๆ ทั้งหมด แล้วลองคำนวณดูว่าเราอยู่ในฐานภาษีอัตราไหน 

  • ถ้าฐานภาษีต่ำกว่า 15% : สามารถยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝากได้ 

  • ถ้าฐานภาษีเท่ากับ 15% : ไม่จำเป็นต้องยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ยส่วนนี้ เพราะได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว 15% เท่ากัน

  • ถ้าฐานภาษีสูงกว่า 15% : ไม่ต้องยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ย เนื่องจากเราจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น

ขอคืนภาษีดอกเบี้ย
ใช้เอกสารอะไรบ้าง

          เราจะต้องรวบรวมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร หรือ ใบ 50 ทวิ ของดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่ได้รับและถูกหักภาษีทุกแห่ง แนบไปพร้อมกับเอกสารและแบบฟอร์มยื่นภาษี หากไม่มีใบ 50 ทวิ สามารถขอเอกสารหรือใบแทนได้ ดังนี้

  • ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร : ติดต่อขอใบ 50 ทวิได้ที่ธนาคารที่จ่ายดอกเบี้ยให้เรา สาขาใดก็ได้

  • ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรออมทรัพย์ : โดยปกติธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดส่งเอกสารมาให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ แต่หากทำหายสามารถติดต่อขอใบ 50 ทวิ ได้ที่ส่วนพันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 กด 3 หรือขอผ่านอีเมล INT@bot.or.th

  • ดอกเบี้ยหุ้นกู้ : โดยปกติธนาคารพาณิชย์ที่เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้จะจัดส่งเอกสารมาให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ แต่ถ้าไม่ได้รับหรือสูญหาย ให้ติดต่อนายทะเบียนของหุ้นกู้แต่ละรายการเพื่อขอใบแทน

วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยหุ้นกู้

           การขอคืนภาษีดอกเบี้ยสามารถทำได้โดยนำรายได้จากดอกเบี้ยไปรวมกับรายได้อื่น ๆ เพื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ดังนี้

กรณียื่นภาษีแบบกระดาษ

           ให้รวบรวมเอกสารการยื่นภาษีและใบ 50 ทวิ ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่

กรณียื่นภาษีออนไลน์

     1. เข้าไปที่เว็บไซต์ rd.go.th แล้วกรอกข้อมูลยื่นภาษีตามขั้นตอนปกติ

     2. เลื่อนไปที่ช่อง “รายได้จากการลงทุน” แล้วกด “ระบุข้อมูล” ตรงมาตรา 40(4)

วิธีขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภาพจาก : กรมสรรพากร

     3. กรอกข้อมูลประเภทธุรกิจ โดยเลือก “ดอกเบี้ย/เงินเทียบเท่าเงินปันผลจาก THAI NVDR” แล้วกรอกเงินได้ทั้งหมด ภาษีที่ถูกหักไว้ รวมถึงเลขของผู้จ่ายเงินได้

วิธีขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภาพจาก : กรมสรรพากร

         หากมีดอกเบี้ยที่ต้องการขอคืนหลายรายการสามารถกด “เพิ่มรายการอื่น” แล้วกรอกให้ครบทั้งหมด

     4. เมื่อกรอกส่วนของรายได้ครบทั้งหมดแล้ว ให้กรอกส่วนอื่น ๆ ตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้น ระบบจะคำนวณให้ว่าเราจะได้รับเงินคืนภาษีเท่าไร

         สำหรับคนที่อยากศึกษาวิธียื่นภาษีออนไลน์ สามารถดูขั้นตอนการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่นี่
 

ขั้นตอนยื่นภาษีออนไลน์ง่าย ๆ มือใหม่ก็ทำได้

          ทั้งนี้ เราสามารถทดลองกรอกข้อมูลก่อนยื่นภาษีจริง ๆ ได้ เพื่อเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเลือกขอคืนภาษีเงินดอกเบี้ยเงินฝาก/พันธบัตร/หุ้นกู้ จะได้รับเงินคืนภาษีมากกว่าหรือน้อยกว่าการไม่ยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ย

          ในกรณีที่กรอกข้อมูลดอกเบี้ยแล้วกลับต้องเสียภาษีเพิ่ม หรือได้รับภาษีคืนน้อยกว่าเดิม เราก็ไม่จำเป็นต้องยื่นขอคืนภาษีส่วนของดอกเบี้ย เพราะถือว่าเราได้จ่ายภาษี 15% เต็ม ๆ ไปแล้ว

ข้อควรระวัง

วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก หุ้นกู้ พันธบัตร

  • หากตัดสินใจยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก/ดอกเบี้ยพันธบัตร/ดอกเบี้ยหุ้นกู้ จะต้องยื่นให้ครบ ไม่สามารถเลือกยื่นเฉพาะดอกเบี้ยประเภทใดประเภทหนึ่งได้ เช่น ถ้ายื่นดอกเบี้ยหุ้นกู้ ก็ต้องยื่นดอกเบี้ยพันธบัตรด้วย

  • ต้องยื่นข้อมูลทุกรายการที่มี เช่น มีดอกเบี้ยเงินฝากที่ถูกหักภาษีไว้ 5 บัญชี เราก็ต้องยื่นข้อมูลทั้ง 5 บัญชี จะเลือกยื่นขอคืนภาษีแค่บัญชีเดียวไม่ได้ หรือถ้ามีดอกเบี้ยหุ้นกู้ 10 รายการ ก็ต้องยื่นให้ครบทั้ง 10 รายการ

  • คำนวณรายได้และฐานภาษีของตัวเองให้ดีก่อนยื่นขอคืนภาษีดอกเบี้ย เพราะหากนำเงินได้จากดอกเบี้ยไปรวมกับรายได้อื่น ๆ แล้วมีฐานภาษีเกิน 15% นอกจากจะไม่ได้เงินคืนภาษีดอกเบี้ยแล้ว ยังต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก

           ใครกำลังลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ หุ้นกู้เอกชน มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ ลองกลับไปดูซิว่าถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เท่าไร แล้วมาคำนวณดูว่าคุ้มค่ากับการขอคืนภาษีดอกเบี้ยหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสในการขอคืนภาษีเงินได้ฯ ตามสิทธิของเรา

บทความที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมสรรพากร (1), (2), (3), (4), ธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก-พันธบัตร-หุ้นกู้ อยากได้เงินคืนต้องทำยังไง เช็กเลย ! อัปเดตล่าสุด 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15:03:46 3,036 อ่าน
TOP
x close