ยื่นภาษี 2563 ทางอินเทอร์เน็ตใครว่ายาก เรารวบรวมขั้นตอนต่าง ๆ มาบอกกันแล้ว ต่อให้เป็นมือใหม่เพิ่งยื่นภาษีเป็นปีแรกก็ทำได้ชัวร์
ใครต้องยื่นภาษี ?
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า ถ้ามีเงินได้มากกว่าเดือนละ 26,000 บาท หรือมีเงินได้ต่อปีสูงกว่า 300,000 บาท จึงจะมีหน้าที่ยื่นเสียภาษี ซึ่งความเข้าใจนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องค่ะ เพราะกรมสรรพากรได้กำหนดให้คนที่มีเงินได้แม้มีเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ก็ต้องมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายได้ ในกรณีต่อไปนี้
คนโสด
- กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 120,000 บาท
- กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
- คนมีคู่
- กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 220,000 บาท
- กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 120,000 บาท

ยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ตได้ถึงวันไหน ?
ในปีภาษี 2563 ครม. มีมติให้ขยายเวลาชำระภาษี ดังนั้น เราสามารถยื่นแบบภาษีทางอินเทอร์เน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ยิ่งยื่นแบบเร็วก็ยิ่งได้เงินคืนเร็วนะคะ
ต้องยื่น ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ?
แบบยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ดูง่าย ๆ ว่าใครจะยื่นแบบไหน คือ
- ภ.ง.ด.90 คือ คนที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา เงินปันผล หรืออื่น ๆ
- ภ.ง.ด.91 คือ คนที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรายได้ทางอื่น เช่น พนักงานบริษัทที่รับเงินค่าจ้างเพียงอย่างเดียว ก็ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 ค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนยื่นภาษีด้วยตัวเองทางอินเทอร์เน็ต
1. หนังสือรับเงินเดือน (50 ทวิ) ซึ่งได้รับจากนายจ้าง เพื่อให้รู้ว่าในปีนั้นเรามีรายได้เท่าไร รวมทั้งชำระค่าประกันสังคม หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้วเท่าไร เพราะต้องนำตัวเลขเหล่านี้มากรอกในการยื่นภาษีด้วย
2. ลิสต์รายการลดหย่อนที่เรามี เช่น ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา, บุตร, อุปการะคนพิการ ฯลฯ (ตรวจสอบเรื่องค่าลดหย่อนทั้งหมดได้ที่นี่ค่ะ)
3. เตรียมเอกสารลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ไว้ เพื่อนำตัวเลขค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากรอกในแบบฟอร์มยื่นภาษีด้วย เช่น ค่าซื้อสินค้าและบริการ, จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF/RMF, จำนวนเงินบริจาค, จำนวนเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายไป
หรือจะลองคำนวณภาษีที่เราต้องเสียแบบคร่าว ๆ ดูก่อนก็ได้ โดยดูวิธีคำนวณภาษีที่กระทู้ "ยื่นภาษี 2563 พร้อมวิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา"
ขั้นตอนการยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ epit.rd.go.th ของกรมสรรพากร

2. กรอกหมายเลขผู้ใช้และรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่ระบบ

- หากยังไม่เคยลงทะเบียนให้คลิก "สมัครสมาชิก" แล้วกรอกข้อมูลส่วนตัวของเรา

3. เมื่อลงทะเบียนหรือเปลี่ยนรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาที่หน้าแรก epit.rd.go.th เลือก "ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91" แล้วใส่ username พร้อมรหัสผ่านที่ตั้งไว้


5. เมื่อคลิกแล้วจะมาที่ "หน้าหลัก" ซึ่งจะปรากฏข้อมูลของเรา (ผู้มีเงินได้) อยู่ทางซ้ายมือด้านล่าง



6. จากนั้นมาที่หน้า "เลือกเงินได้/ลดหย่อน" ส่วนนี้ให้เรากรอกข้อมูลรายการเงินได้พึงประเมินและค่าลดหย่อน

ให้เราติ๊กเครื่องหมายหน้าช่องที่เป็นแหล่งที่มาของเงินได้เรา เช่น
- หากมีรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง บำนาญ โบนัส ให้ติ๊กที่ช่อง "มาตรา 40 (1)
- แต่หากมีรายได้จากอื่น ๆ ด้วย ให้ติ๊กช่องอื่นเพิ่มเติม เช่น มีรายได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมที่ซื้อไว้ ให้ติ๊กที่ช่อง "มาตรา 40 (8)" กรณีได้รับเงินจากการขายบ้าน ให้ติ๊กที่ช่อง "เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์"
6.2 เลือกเงินได้ที่ได้รับยกเว้น/ค่าลดหย่อน
ส่วนนี้คือเรามีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง ให้เลือกที่ช่องนั้น เช่น
- หากบริษัทมีหักเงินประกันสังคมไป ให้เราเลือกที่ช่อง "เงินสมทบกองทุนประกันสังคม"
- กรณีดูแลบิดา-มารดา อายุเกิน 60 ปี ให้เลือกช่อง "อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป"
- หากซื้อกองทุน SSF ไว้ลดหย่อนภาษี ก็เลือกช่อง "ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม SSF"
เมื่อเลือกครบแล้ว ให้กดทำรายการต่อไป
7. จากนั้นจะมาปรากฏที่หน้า "บันทึกเงินได้" ซึ่งจะให้เรากรอกข้อมูลรายละเอียดเงินได้และค่าลดหย่อนตามที่เราเลือกมาในหน้า "เลือกเงินได้/ลดหย่อน"

ส่วนช่อง "เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงินได้" ให้กรอกเลขภาษีของบริษัทที่จ่ายเงินให้เรา ซึ่งจะมีข้อมูลอยู่ในใบ 50 ทวิ
หากมีเงินได้นอกเหนือจากค่าจ้าง ก็จะมีช่องให้กรอกเพิ่มเติมเมื่อกดไปที่ "ทำรายการต่อไป"
8. เมื่อกรอกข้อมูลเงินได้เสร็จสรรพ จะมาที่หน้า "บันทึกค่าลดหย่อน"

9. จากนั้นจะมาที่หน้า "คำนวณภาษี" ซึ่งระบบจะคำนวณให้เรียบร้อยว่าหักอะไรเท่าไร ก่อนสรุปว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไร

โดยหากข้อมูลระบุว่า "ชำระเพิ่มเติม" แสดงว่าเราต้องเสียภาษีเพิ่มเติมจากเงินที่เราจ่ายไป แต่หากข้อมูลระบุว่า "ชำระไว้เกิน" เท่ากับเราจะได้เงินภาษีคืนกลับมา

กรณีที่เราผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว กรมสรรพากรจะโอนเงินภาษีคืนให้ทางบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์
10. จากนั้นจะปรากฏหน้า "ยืนยันการยื่นแบบ" ให้เราตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง จากนั้นกด "ยืนยันการยื่นแบบ" เป็นอันเสร็จสิ้น
ระหว่างนี้หากยังไม่กดยืนยันการยื่นแบบในหน้าสุดท้าย เรายังสามารถกลับไปแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลในหน้าก่อน ๆ ได้นะคะ

- ผ่อนภาษี ได้ 3 งวด ทางเลือกง่าย ๆ ของคนจ่ายภาษี

กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90, 91) ขอคืนภาษี และยังไม่ได้รับเงินคืน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (Call Center) โทร. 1161 หรืองานคืนภาษี สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ
กรอกข้อมูลผิดไป ทำไงดี ?
สำหรับคนที่ยื่นแบบภาษีทางออนไลน์ไปแล้วและเพิ่งรู้ว่ากรอกข้อมูลผิดไป กรณีนี้จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขแบบที่ยื่นไปแล้วได้นะคะ แต่เราจะต้องกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมดผ่านอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง โดยกดเลือกช่อง "ยื่นเพิ่มเติม" ซึ่งกรมสรรพากรจะพิจารณาจากการยื่นแบบครั้งล่าสุดที่เรายื่นไป เพราะฉะนั้นใครกรอกข้อมูลผิดไปก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ลองทำขั้นตอนตามนี้ดูเลย
- ยื่นภาษีผิดทำไงดี ไม่ต้องตกใจไป แค่ยื่นใหม่ก็จบแล้ว !
ถ้าไม่ยื่นทางออนไลน์ จะยื่นทางไหนได้อีก ?
นอกจากช่องทางออนไลน์แล้ว เราอาจเลือกยื่นแบบแสดงรายการภาษีที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน คือ
ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ
- สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
- ธนาคารพาณิชย์ไทย และสาขา ในเขตกรุงเทพมหานคร
- ที่ทําการไปรษณีย์สําหรับการยื่นแบบ โดยสามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน พร้อมแนบเช็ค (ประเภท ข. ค. หรือ ง.) หรือธนาณัติ (ตามจํานวนเงินภาษีที่ต้องชําระทั้งจํานวน) ส่งไปยังที่อยู่
กองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร อาคารกรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะถือเอาวันที่ลงทะเบียนไปรษณีย์เป็นวันรับแบบและชําระภาษี และจะส่งใบเสร็จรับเงิน
ให้แก่ผู้ยื่นแบบทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ
- สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
- ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในกรณีสำนักงานสรรพากรอำเภอมิได้ตั้งอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอ ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรอำเภอ หรือ
- สำนักงานสาขาของธนาคารพาณิชย์ไทย ในเขตอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกเดินทางไปยื่นแบบภาษียังสถานที่ต่าง ๆ เราก็สามารถยื่นแบบภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือทางแอปพลิเคชัน Rd smart tax application ของกรมสรรพากร จะง่ายที่สุด และยังสามารถยื่นแบบได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ rdserver.rd.go.th
ขั้นตอนอาจจะดูเยอะ แต่ถ้าเราเตรียมข้อมูลหลักฐานไว้พร้อมแล้ว และลองคลิกตามไปทีละขั้น จะเห็นว่าการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้ยากอยางที่เราคิดค่ะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสรรพากร, กรมสรรพากร