กองทุน Thai ESG คืออะไร เปรียบเทียบตัวช่วยลดหย่อนภาษีแบบใหม่ที่ต่างจาก SSF และ RMF

          กองทุน Thai ESG หรือ Thai ESG Fund ตัวช่วยลดหย่อนภาษีแบบใหม่ มาศึกษาเงื่อนไขเบื้องต้นกันก่อนลงทุน
กองทุน TESG

          นอกจากกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลื้ยงชีพ (RMF) จะเป็นตัวช่วยที่ผู้มีเงินได้เลือกใช้หักลดหย่อนภาษีแล้ว ในปี 2566 กระทรวงการคลังได้จัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ ในชื่อว่า "กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน" หรือกองทุน Thai ESG ทำให้หลายคนอยากทราบถึงเงื่อนไขของกองทุน Thai ESG รวมทั้งความแตกต่างระหว่างกองทุนประเภทนี้กับกองทุน SSF และ RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน วันนี้เราจึงมีข้อมูลเบื้องต้นมาบอกกัน

 รู้จักกองทุน Thai ESG

กองทุน Thai ESG คืออะไร

          กองทุน Thai ESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารหนี้ที่เป็น ESG  

          โดยคำว่า ESG ย่อมาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ปัจจุบันเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจสีเขียวที่คำนึงถึงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยตระหนักรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น

กองทุน TESG

กองทุน Thai ESG ลงทุนในสินทรัพย์แบบไหนบ้าง ?

          Thai ESG ลงทุนในทรัพย์สินที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ดังนี้

          1. หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) และ/หรือ

          2. หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่ผ่านการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบ และ/หรือ

          3. ตราสารหนี้ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย Green bond Sustainability bond และ Sustainability-linked bond และโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนที่มีมาตรฐานในทำนองเดียวกันกับตราสารหนี้ดังกล่าว

Thai Esg

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Thaibma : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ?

  • โดยปกติสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • แต่สำหรับผู้ที่ลงทุนในปี 2567-2569 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท

กองทุน Thai ESG ซื้อแล้วต้องถือไว้นานแค่ไหน ?

  • เงื่อนไขปกติคือ ต้องเป็นการลงทุนระยะยาวไม่น้อยกว่า 8 ปี (นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน)
  • สำหรับผู้ที่ลงทุนในปี 2567-2569 ต้องเป็นการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน)

    โดยระหว่างนี้ไม่สามารถขายกองทุนออกมาก่อนกำหนดได้ ถ้าขายก่อนกำหนดจะถือว่าทำผิดเงื่อนไขลดหย่อนภาษี จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นทั้งหมด และต้องจ่ายเงินเพิ่มให้รัฐย้อนหลังด้วย (ยกเว้นกรณีผู้ซื้อกองทุนทุพพลภาพหรือเสียชีวิต)

กองทุน Thai ESG เริ่มลงทุนได้เมื่อไหร่ ?

          สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2566-2575

ซื้อกองทุน Thai ESG หลายกองทุนได้หรือไม่ ?

          สามารถซื้อกองทุนรวม Thai ESG ได้หลายกองทุน แต่จำนวนเงินลงทุนทั้งหมดรวมกันต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 100,000 บาท (ยกเว้นกรณีลงทุนในปี 2567-2569 รวมกันต้องไม่เกิน 300,000 บาท)

กำไรที่ได้รับจากการขายกองทุน Thai ESG ต้องเสียภาษีหรือไม่ ?

          เมื่อครบกำหนดขายกองทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

เปรียบเทียบกองทุน Thai ESG SSF และ RMF 

กองทุน TESG

          แม้จะเป็นกองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษีเหมือนกัน แต่ทั้งกองทุนรวม Thai ESG, กองทุนรวม SSF และกองทุนรวม RMF ก็มีข้อแตกต่างกันอยู่พอสมควร ดังนี้

จำนวนเงินที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้

  • กองทุนรวม SSF : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนรวม RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี
     
  • กองทุนรวม RMF : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี
     
  • กองทุนรวม Thai ESG : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และไม่นับวงเงินรวมกับกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีตัวอื่น ๆ (ยกเว้นกรณีลงทุนในปี 2567-2569 สามารถลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท)

ระยะเวลาลงทุน

  • กองทุนรวม SSF : 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ (วันชนวัน)
  • กองทุนรวม RMF : ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ลงทุนวันแรก และต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • กองทุนรวม Thai ESG : 8 ปี นับจากวันที่ซื้อ (วันชนวัน)
    • ยกเว้นกรณีลงทุนในปี 2567-2569 จะมีระยะเวลาถือครองเพียง 5 ปี (วันชนวัน)

นโยบายการลงทุน

  • กองทุนรวม SSF : ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท
  • กองทุนรวม RMF : ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท
  • กองทุนรวม Thai ESG : ลงทุนในหุ้นกลุ่ม ESG และตราสารหนี้ ESG Bond

เงื่อนไขการลงทุน

  • กองทุนรวม SSF : ไม่กำหนดจำนวนเงินซื้อขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี
  • กองทุนรวม RMF : ไม่กำหนดจำนวนเงินซื้อขั้นต่ำ แต่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีหรืออย่างน้อยปีเว้นปี (นับเฉพาะปีที่มีรายได้) และต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • กองทุนรวม Thai ESG : ไม่กำหนดจำนวนเงินซื้อขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี
          ใครต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และต้องการตัวช่วยลดหย่อนภาษี แนะนำให้ทำความเข้าใจกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างชัดเจนก่อนพิจารณาลงทุน เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง

บทความที่เกี่ยวข้องกับลดหย่อนภาษี

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กองทุน Thai ESG คืออะไร เปรียบเทียบตัวช่วยลดหย่อนภาษีแบบใหม่ที่ต่างจาก SSF และ RMF อัปเดตล่าสุด 25 มิถุนายน 2567 เวลา 11:37:24 15,006 อ่าน
TOP
x close