วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก VS ดอกเบี้ยคงที่ เลือกแบบไหนดี คำนวณให้รู้ก่อนกู้เงิน !

          วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้งดอกเบี้ยลดต้นลดดอก และดอกเบี้ยคงที่ ต้องคำนวณอย่างไร แล้วควรเลือกกู้เงินแบบไหนดี
          ใครที่กำลังมีแผนจะซื้อทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ หรือจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และตัดสินใจจะกู้เงินจากสินเชื่อต่าง ๆ คงต้องวางแผนการเงินกันให้ดี โดยหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจกู้ก็คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งก็จะมีทั้งดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก แต่ดอกเบี้ยทั้งสองแบบนั้นมีความแตกต่างกันยังไง และควรเลือกแบบไหนถึงจ่ายดอกเบี้ยถูกกว่า วันนี้เรามีคำแนะนำรวมทั้งวิธีการคำนวณดอกเบี้ยแต่ละแบบมาฝากกัน

ดอกเบี้ยคงที่

ดอกเบี้ยเงินกู้

ดอกเบี้ยคงที่ คืออะไร

          ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) คือ ดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นทั้งก้อนตั้งแต่วันที่ทำสัญญา แล้วนำไปหารกับจำนวนงวดที่ต้องผ่อน ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าเดิมในทุก ๆ งวด ถึงแม้จะมีการผ่อนชำระไปบางส่วนแล้ว ดอกเบี้ยก็จะไม่ลดน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยแบบคงที่มักจะใช้กับการกู้ยืมเพื่อซื้อรถยนต์

ดอกเบี้ยคงที่ มีข้อดียังไง

          ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยแบบคงที่จะคำนวณดอกเบี้ยในอัตราเท่าเดิมตลอด ไม่ว่าจะผ่อนชำระไปแล้วเท่าไร แต่ถ้าหากไม่ได้มีแผนที่จะโปะเงินก้อนเพื่อปิดหนี้อยู่แล้ว และต้องการผ่อนไปเรื่อย ๆ ในกรณีที่การผ่อนแบบดอกเบี้ยคงที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าแบบลดต้นลดดอก การเลือกผ่อนแบบนี้ก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องชำระได้มากกว่านั่นเอง

วิธีคิดดอกเบี้ยแบบคงที่

          ในการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยในแต่ละงวดที่ตายตัวอยู่แล้ว เราจะสามารถคำนวณหาจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดได้ด้วยสูตรดังต่อไปนี้

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปี

          สมมติให้เงินต้นเป็น 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% และผ่อนเป็นระยะเวลา 2 ปี จะมีจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด = 100,000 x 10% x 2 = 20,000 บาท

          หลังจากนั้นถ้าหากต้องการทราบว่าจะต้องผ่อนชำระเดือนละเท่าไร ให้ใช้สูตรดังนี้

เงินผ่อนชำระต่อเดือน = (เงินต้น + ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด) / จำนวนงวดที่ต้องผ่อนชำระ

          เพราะฉะนั้นถ้านำจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดจากด้านบน มาคำนวณหาจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน ก็จะได้เท่ากับ (100,000 + 20,000) / 24 = 5,000 บาท

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

ดอกเบี้ยเงินกู้

ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คืออะไร

          ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) คือ ดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นที่เหลือในทุก ๆ งวด ทำให้เมื่อมีการผ่อนชำระบางส่วนไปแล้ว ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในงวดถัดไปก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินต้นที่เหลือ

          ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกมักใช้กับสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคล แต่ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ผู้ที่เช่าซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์ สามารถเลือกใช้ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกได้เช่นกัน จากเดิมที่ต้องใช้ดอกเบี้ยแบบคงที่เท่านั้น

ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก มีข้อดีอะไรบ้าง

          แน่นอนว่าข้อดีของการผ่อนแบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอกก็คือ เมื่อผ่อนไปในแต่ละงวด อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะถูกลงเรื่อย ๆ และถ้าเดือนไหนเรามีความสามารถจ่ายค่างวดได้เพิ่มขึ้น หรือหาเงินก้อนมาโปะได้ ก็จะยิ่งทำให้เงินต้นที่ต้องผ่อนเหลือน้อยลง ดอกเบี้ยที่คำนวณในงวดถัดไปก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย จึงเหมาะกับผู้ที่มีแผนจะหาเงินก้อนมาโปะเพื่อให้หนี้หมดไว ๆ นั่นเอง

วิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

          ในการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดนั้น ให้นำเงินต้นคงเหลือในงวดดังกล่าวมาคำนวณด้วยสูตรดังต่อไปนี้

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้น = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันต่อปี

           ยกตัวอย่างเช่น เงินต้นคงเหลือ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี ก็จะมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้น = (10,000 x 10% x 30) / 365 = 82 บาท

           หลังจากนั้นถ้าหากต้องการทราบว่างวดถัดไปต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไร ให้คำนวณหาเงินต้นคงเหลือ 

           สมมติต้องผ่อนชำระเดือนละ 1,000 บาท ให้นำไปหักลบกับดอกเบี้ยที่จ่ายในงวดนั้น ก็จะได้ออกมาเป็นเงินต้นที่ลดลง = 1,000 - 82 = 918 บาท จากนั้นก็นำเงินต้นคงเหลือจากงวดก่อนมาหักลบ ก็จะได้เงินต้นคงเหลือ = 10,000 - 918 = 9,082 บาท ซึ่งสามารถนำไปคำนวณหาดอกเบี้ยต่อได้เลย

เลือกแบบไหนจ่ายดอกเบี้ยถูกกว่า

ดอกเบี้ยเงินกู้

          หากเรากำลังเปรียบเทียบสินเชื่อหลายตัว ซึ่งมีทั้งแบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เลยไม่แน่ใจว่า ดอกเบี้ยแบบไหนแพงกว่าหรือถูกกว่า ลองดูวิธีนี้

กรณีอัตราดอกเบี้ยเท่ากัน

           ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยทั้งแบบคงที่และแบบลดต้นลดดอกเท่ากัน เช่น สินเชื่อ A คิดดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ขณะที่สินเชื่อ B คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 5% ต่อปี เช่นนี้จะถือว่าดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนั้นถูกกว่า เนื่องจากดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นคงเหลือหลังผ่อนชำระไปในแต่ละงวดจะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งต่างจากดอกเบี้ยแบบคงที่ของสินเชื่อ A ที่ไม่ว่าจะจ่ายไปแล้วกี่งวดก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดต่อ ๆ ไปก็จะยังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

กรณีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน

           เนื่องจากการคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่กับแบบลดต้นลดดอกนั้นแตกต่างกัน จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันชัด ๆ ได้ว่าแบบไหนจ่ายดอกเบี้ยถูกกว่า แต่ก็สามารถใช้วิธีแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ไปเป็นแบบลดต้นลดดอกอย่างคร่าว ๆ ได้ ด้วยการนำอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปคูณ 1.8

           สมมติ เรากำลังพิจารณาขอสินเชื่อจาก 2 ธนาคาร โดยธนาคาร A คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 5% ส่วนธนาคาร B คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 7% ตรงนี้อาจดูเหมือนว่า ธนาคาร A จะคิดดอกเบี้ยถูกกว่า แต่เมื่อนำอัตราดอกเบี้่ยคงที่มาแปลงเป็นแบบลดต้นลดดอกก็จะได้ = 5% x 1.8 = 9% จึงสามารถบอกได้คร่าว ๆ ว่าดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกของธนาคาร B นั้นถูกกว่า

          มาถึงตรงนี้คงพอได้คำตอบแล้วว่า ควรเลือกดอกเบี้ยแบบไหนดี ซึ่งถ้าเราคิดว่าในอนาคตจะมีเงินก้อนมาปิดหนี้ การเลือกแบบลดต้นลดดอกก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยและเคลียร์หนี้ได้เร็วกว่า แต่ถ้าต้องการผ่อนไปเรื่อย ๆ ไม่มีเงินมาปิดหนี้ทั้งหมด น่าจะเหมาะกับดอกเบี้ยแบบคงที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม การกู้เงินก้อนใหญ่นั้นนำมาซึ่งภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบเป็นเวลานานหลายปี ผู้กู้จึงควรพิจารณาความพร้อมทางด้านการเงินของตัวเองให้ดีก่อนตัดสินใจกู้ด้วยนะครับ

บทความที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยและการกู้เงิน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก VS ดอกเบี้ยคงที่ เลือกแบบไหนดี คำนวณให้รู้ก่อนกู้เงิน ! อัปเดตล่าสุด 2 ธันวาคม 2565 เวลา 23:40:58 175,036 อ่าน
TOP
x close