ช่วงปลายปีนี้ รัฐบาลเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากมาย นอกจากเพิ่มวงเงิน 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ก็ยังมีมาตรการ "คนละครึ่ง" และ "ช้อปดีมีคืน" ที่กระตุ้นให้คนนำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบ
อ่านเพิ่มเติม : 6 วิธี ขอคืนภาษี 2563 แบบได้รับเงินเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่ทราบว่า เราสามารถเลือกเข้าร่วมได้เพียง 1 มาตรการเท่านั้น เช่น หากลงทะเบียนคนละครึ่งและใช้สิทธิ์คนละครึ่งไปแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ในโครงการช้อปดีมีคืนได้อีก ดังนั้น เราควรเลือกเข้าร่วมมาตรการไหนดี ถึงจะได้รับประโยชน์มากกว่า ลองมารู้จักแต่ละมาตรการกันเลย
ใครใช้สิทธิ์ได้บ้าง ?
- มีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืน
ลงทะเบียนเมื่อไร ?
- ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการที่ www.คนละครึ่ง.com
- เฟสที่ 1 จำกัดจำนวน 10 ล้านสิทธิ์ ส่วนเฟสที่ 2 จำกัดจำนวน 5 ล้านสิทธิ์
- เฟสที่ 1 เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 - 31 มีนาคม 2564 เวลา 06.00-23.00 น.
- เฟสที่ 2 เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 เวลา 06.00-23.00 น.
- ต้องใช้สิทธิ์ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ์ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ และไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ได้
สิทธิประโยชน์และเงื่อนไข
- รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าให้ 50% ของมูลค่าสินค้า แต่ไม่เกินวันละ 150 บาทต่อวันต่อคน และตลอดทั้งโครงการให้สูงสุดไม่เกิน 3,500 บาทต่อคน ยกตัวอย่าง หากซื้อสินค้าจำนวน 200 บาท เราจ่ายเอง 100 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 100 บาท หรือกรณีที่ซื้อสินค้า 400 บาท เราต้องจ่ายเอง 250 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 150 บาทต่อวันเท่านั้น
- ใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าได้กับร้านอาหาร, เครื่องดื่ม, สินค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าในตลาด ร้านโชห่วยก็ใช้ได้ หากร้านค้านั้นเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
- ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้กับสินค้าประเภทสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบริการ
- ต้องจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เท่านั้น โดยเราต้องเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง ให้เรียบร้อยก่อนซื้อสินค้า จากนั้นนำไปสแกนกับแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
ใครใช้สิทธิ์ได้บ้าง ?
- ผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปีภาษี 2563
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่ได้ลงทะเบียนร่วมโครงการคนละครึ่ง
ลงทะเบียนเมื่อไร ?
- มาตรการช้อปดีมีคืนไม่ต้องลงทะเบียน สามารถซื้อสินค้าและขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปมาเป็นหลักฐานในการยื่นแบบภาษีเงินได้ฯ เพื่อลดหย่อนภาษีได้เลย
- ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563
สิทธิประโยชน์และเงื่อนไข
- สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีได้เท่าไรขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคนว่าต้องเสียภาษีขั้นไหน ดังนี้
- ต้องซื้อสินค้าและบริการจากร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
- สามารถซื้อหนังสือ และสินค้าโอทอปที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว โดยมีใบเสร็จรับเงิน
- ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้กับสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ยาสูบ, สลากกินแบ่งรัฐบาล, ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ, ค่าที่พักในโรงแรม, ค่าบริการนำเที่ยว, ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ, ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- คนที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เป็นประจำ
- คนที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ฯ หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือ มีรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 310,000 บาท หรือมีเงินเดือนเฉลี่ยไม่เกิน 25,833.33 บาท
- คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้รวมทั้งปีเกิน 310,000 บาท แต่มีค่าลดหย่อนส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้มีรายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาท จึงไม่ต้องเสียภาษีในปี 2563
ทั้งนี้ เนื่องจากคนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีจะไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายจากโครงการช้อปดีมีคืน ไปขอหักลดหย่อนภาษีได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนได้
- คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้ทั้งปีเกิน 310,000 บาท และต้องการซื้อหนังสือ, สินค้า OTOP, ซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้
- คนที่มีรายได้มาก ต้องเสียภาษีในอัตราสูง ๆ และต้องการซื้อของมูลค่าสูงภายในปีนี้
- คนที่มีฐานภาษีอัตราสูงเกิน 15% จะได้รับประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้รับส่วนลดจากการซื้อสินค้ามากกว่า เช่น หากซื้อสินค้า 10,000 บาท คนที่มีฐานภาษี 5% จะได้ลดหย่อนภาษีเพียง 500 บาท ขณะที่คนมีฐานภาษี 30% จะได้ลดหย่อนภาษี 3,000 บาท ดังนั้นคนที่มีฐานภาษีไม่สูงมาก เช่น 5% หรือ 10% อาจยอมเลือกเสียภาษีตามปกติ แล้วพิจารณาลงทะเบียนมาตรการ "คนละครึ่ง" เพื่อรับส่วนลด 3,500 บาท แทน
เช่น คนที่มีฐานภาษี 10% หากต้องการลดหย่อนภาษี 3,000 บาท จะต้องซื้อสินค้าเป็นจำนวนถึง 30,000 บาท ส่วนคนที่มีฐานภาษี 30% จะต้องใช้จ่าย 10,000 บาท ถึงจะได้ส่วนลดภาษี 3,000 บาท
หากตั้งใจจะซื้อสินค้ามูลค่าดังกล่าวนี้อยู่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลดหย่อนภาษีไปในตัว แต่ถ้าไม่มีแผนจะใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ การไม่เข้าร่วมโครงการแล้วยอมเสียภาษีตามปกติ น่าจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากกว่า เพราะการซื้อสินค้าด้วยสิทธิคนละครึ่ง 7,000 บาท เราจ่ายเองแค่ 3,500 บาท เท่ากับได้ส่วนลด 3,500 บาท
บทความและข่าวช้อปดีมีคืน
- ช้อปดีมีคืน ซื้อทอง มือถือ เปลี่ยนยาง ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม ซื้ออะไรใช้สิทธิ์ได้บ้าง ?
- สมัครคนละครึ่ง แต่เกิดเปลี่ยนใจ อยากใช้ช้อปดีมีคืน ทำได้ไหม ที่นี่มีคำตอบ
- ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ซื้ออะไรได้บ้าง เคลียร์ให้เข้าใจก่อนไปช้อปลดภาษี
- ช้อปดีมีคืน ซื้อของออนไลน์ เอามาลดภาษีได้ - มั่นใจคนละครึ่ง ระบบลงทะเบียนไม่ล่ม
- ไขข้อสงสัย ช้อปดีมีคืน ใช้ร่วมกับโครงการ คนละครึ่ง - บัตรคนจน ได้ไหม - ซื้ออะไรได้บ้าง ?
- คลัง แจงข้อเท็จจริง โครงการช้อปดีมีคืน ดียังไง หลังเกิดเสียงวิจารณ์เอื้อเฉพาะคนรวย
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 14 ธันวาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก
คนละครึ่ง.com, เฟซบุ๊ก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง : Fiscal Policy Office, เฟซบุ๊ก Krungthai Care