กระทรวงการคลัง ประกาศราชกิจจานุเบกษา ให้นายจ้าง-ลูกจ้าง สามารถหยุดหรือเลื่อนนำส่งเงินเข้า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตั้งแต่งวดปัจจุบันจนถึงเดือนธันวาคม 2563 เพื่อช่วยมนุษย์เงินเดือนในภาวะวิกฤต โควิด 19 แต่ต้องใช้มติของที่ประชุมสมาชิก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 กระทรวงการคลัง ประกาศราชกิจจานุเบกษา
เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างและนายจ้างซึ่งได้รับผลกระทบ
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19
จึงอนุญาตให้สามารถหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือ
เงินสมทบเข้า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่งวดปัจจุบัน
จนถึงเดือนธันวาคม 2563
เรื่อง กำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา และเงื่อนไข ให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเข้า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในท้องที่ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างและนายจ้างซึ่งได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) อันส่งผลกระทบต่อ
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10/1 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ลูกจ้างหรือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบด้านฐานะการเงินจากสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) สามารถหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือ เงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่งวดนำส่งเงินปัจจุบัน จนถึงงวดนำส่งเงินของเดือนธันวาคม 2563 โดยฝ่ายลูกจ้าง และนายจ้างที่ไม่ได้นำส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบในช่วงนี้ ให้ถือว่าสถานภาพยังคงอยู่ และนับต่อเนื่องไปได้
ในกรณีนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามวรรคหนึ่ง หากลูกจ้างรายใดประสงค์จะส่งเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็สามารถดำเนินการได้ โดยนายจ้างจะส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่ลูกจ้างรายนั้นหรือไม่ก็ได้
ข้อ 2 การหยุดหรือเลื่อนการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการชั่วคราว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สมาชิก โดยคะแนนเสียงที่ใช้เป็นมติที่ประชุมนั้นจะต้องเป็นไป ตามที่กำหนดในข้อบังคับกองทุน หรือต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
หากไม่ได้กำหนดในข้อบังคับกองทุนและในกรณีที่ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่สมาชิกได้ ให้กรรมการในคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ความเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ ให้หยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเป็นการชั่วคราว สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ประกอบด้วยนายจ้างหลายราย (Pooled Fund) ให้ใช้มติที่ประชุมของสมาชิกของนายจ้างรายนั้น ๆ หรือมติคณะกรรมการกองทุนนายจ้างรายนั้น ๆ เป็นเกณฑ์
ข้อ 3 ให้นายจ้างหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแจ้งการขอหยุดหรือเลื่อน การส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อนายทะเบียนพร้อมเอกสาร ดังนี้
(1) หนังสือรับรองจากนายจ้างซึ่งรับรองว่ามีปัญหาในการดำเนินกิจการ
อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง โดยมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนายจ้างรายนั้น ๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่อ และ
(2) รายงานการประชุมใหญ่สมาชิก หรือรายงานการประชุมคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายงานว่า นายจ้างมีปัญหาในการดำเนินกิจการอันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และมีปัญหาฐานะการเงินจริง และมีมติที่ระบุรายละเอียดว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะให้มีการหยุดหรือเลื่อนส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเป็นการชั่วคราวถึงเมื่อใด (ไม่เกินงวดนำส่งเงินของเดือนธันวาคม 2563)
ข้อ 4 เมื่อลูกจ้างและนายจ้างจะส่งเงินสะสมและเงินสมทบตามข้อ 1 เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อไป ให้แจ้งนายทะเบียนทราบ
ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563
อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ราชกิจจานุเบกษา