คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน

คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน

          อยากรู้ไหมว่าวิธีคิดของคนรวยเป็นอย่างไร พวกเขามีวิธีใช้ชีวิตแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างไร เพราะอะไรพวกเขาถึงรวย

          ชีวิตคนเราเกิดมามีไม่เท่ากัน มีมากบ้าง มีน้อยบ้าง บางคนพอใจที่มีน้อยและก็มีความสุขได้ แต่บางคนมีน้อยก็ยังไม่พอใจ ซ้ำหนักบางคนมีน้อยแต่ก็ใช้มาก แบบนี้บอกเลยหนทางร่ำรวยแทบไม่มี ทว่าเรื่องความพึงพอใจในทรัพย์สินตัดไปก่อน ถ้าหากจะถามว่ามีใครที่อยากจะรวยบ้าง เชื่อว่าหลายคนคงรีบยกมือกันแทบไม่ทัน ทีนี้ลองย้อนถามกลับไปที่ตัวคุณว่า ในเมื่อคุณอยากรวย คุณมีมุมมองต่อการหาเงินอย่างไร หรือว่าคุณมีมุมมองต่อการใช้เงินอย่างไร ถ้าคำตอบคือก็ใช้ไปวัน ๆ หมดไปเป็นเดือน ๆ ไป ก็โอเค บทความนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าหากคุณเป็นอีกคนที่อยากรวย คุณต้องเริ่มจากเปลี่ยนความคิดของตัวเองก่อน ส่วนจะเปลี่ยนอย่างไรนั้นเราไปดูกันเลย

1. คนทั่วไปใช้ชีวิตแบบเอาสบายเข้าว่า แต่คนรวยยอมลำบากมาก่อนแล้วค่อยไปสบายทีหลัง


          คนทั่วไปมักจะคิดว่า มันง่ายดีออกที่จะทำงานที่ได้เงินเดือนทุกเดือนโดยไม่ต้องไปเสี่ยงอะไร และมันก็ง่ายดีออกที่จะทำงานให้ใครสักคนก็ได้ตามที่เราอยากจะทำ คนทั่วไปตีความคำว่า "สบาย" หมายถึงขอแค่ให้มีความสุขไปวัน ๆ เท่านั้น แต่จะแตกต่างจากคนรวยอยู่สักหน่อย ตรงที่ว่าคนรวยรู้ว่าสิ่งที่พิเศษ (รายได้งาม ๆ) มักจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่มันไม่ง่ายหรือสุขสบายเอาซะเลย อย่างการเริ่มต้นมีกิจการเป็นของตัวเองซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก และความเสี่ยงก็ทำให้หลาย ๆ อย่างไม่ง่ายเลย แต่ความเสี่ยงนั่นแหละจะทำให้คุณร่ำรวยและประสบความสำเร็จ

          ถ้าอยากรวยก็อาจต้องกล้าออกมาจากคอมฟอร์ทโซนนั้นเสีย แล้วมองไปยังทางเลือกที่คุณมีอยู่ บางทีตอนเริ่มต้นมันก็ต้องมีความลำบากอยู่บ้าง ซึ่งถ้าคุณยังอยากจะรวยอยู่คุณก็ต้องอดทน แม้คุณอาจจะต้องล้มบ้าง แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าคุณไม่เคยล้มลงเลย คุณจะไม่มีวันรู้แน่ ๆ ว่าความลำบากเป็นอย่างไร แล้วกว่าจะได้เงินมามันยากเย็นแค่ไหน

2. คนทั่วไปใช้จ่ายเกินตัว คนรวยใช้จ่ายเหมือนคนจน

          คนรวยไม่มีทางใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของที่ไม่ทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น พวกเขาจะจ่ายเงินให้กับสินทรัพย์ที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตเท่านั้น เชื่อไหมว่าคนรวยนั้นประหยัดมาก เขาไม่ค่อยซื้อหรอกของแบรนด์เนม (เศรษฐีบางคนยังใช้มือถือรุ่นตกพื้นแล้วพื้นแตกอยู่เลย) เพราะคนรวยรู้ว่าการเสียเงินให้กับสิ่งของที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้น นับวันจะยิ่งทำให้พวกเขาจนลง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินซื้อก็ตามทีเถอะ

          จงจำไว้ว่าถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านบาทต่อปี และคุณใช้มันหมดทั้ง 1 ล้านบาท ยังไงซะคุณก็ไม่มีวันรวย

คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน

3. คนทั่วไปทำงานให้บริษัทของคนอื่นเจริญขึ้น ๆ แต่คนรวยมีบริษัทเป็นของตัวเองและก็ทำงานหนักเพื่อให้บริษัทของตัวเองเจริญ

          คนทั่วไปทุกวันนี้ทำงานหนักเพื่อคนอื่น พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก ขอแค่ให้มีงานทำก็พอ ส่วนคนรวยนั้นชอบที่จะเป็นนายตัวเองมากกว่า คนรวยจ้างคนทั่วไปให้มาทำงานหนักเพื่อให้บริษัทของตนเองเจริญ (ใช้คนเป็น) คนรวยอยากจ้างคนเก่ง ๆ มาทำงานให้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รวยมากยิ่งขึ้น เมื่อธุรกิจอยู่ตัวและบริษัทเต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ เงินก็เริ่มจะไหลมาเทมา โดยที่เจ้าของบริษัทแทบไม่ต้องทำอะไร (นอกจากเล่นหุ้นและหาทางขยายธุรกิจ) ซึ่งนี่แหละคือพลังอำนาจของ Passive Income อย่างแท้จริง

          ถ้าอยากรวยต้องเริ่มนึกถึงการเป็นนายตัวเองได้แล้ว คุณลองคิดดูว่าทุกวันนี้กำลังทำงานหนักเพื่อให้คนอื่นรวยหรือเปล่า

4. คนทั่วไปคบคนไม่เลือก แต่คนรวยจะเลือกคบแต่คนที่ให้ประโยชน์กับพวกเขาได้ในอนาคต

          คนรวยเชื่อว่าถ้ารอบ ๆ ตัวพวกเขามีแต่คนที่ประสบความสำเร็จ ตัวของพวกเขาเอง รวมถึงธุรกิจที่พวกเขาทำก็จะประสบความสำเร็จตามไปด้วย (ได้พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ได้แนวคิดใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ) ในทำนองเดียวกันถ้าตัวคุณรายล้อมไปด้วยคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย คุณก็จะไม่ประสบความสำเร็จตามไปด้วย 

          มีคนเคยกล่าวไว้ว่า รายได้ของคุณจะเท่ากับรายได้เฉลี่ยของเพื่อนสนิทของคุณ 3 คน ดังนั้น ถ้าคุณอยากมีเงินมากกว่าเงินเฉลี่ยของเพื่อน 3 คน แค่ออกไปพบปะกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วคุณจะได้อะไรจากพวกเขามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแน่นอน

5. คนทั่วไปทำงานกินเงินเดือน คนรวยทำงานเพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้

          คนทั่วไปมักจะเปลี่ยนงานเพราะเหตุผลเรื่องเงิน ที่ไหนให้เงินมากกว่าก็ลาออกไปทำ แตกต่างจากคนรวยที่การทำงานของพวกเขาจะไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินมาเป็นอันดับแรก แต่พวกเขาจะคิดถึงเรื่องการพัฒนาทักษะและความสามารถที่จะทำให้พวกเขาเป็นคนรวยมาเป็นอันดับแรก เช่น ถ้าพวกเขาอยากรู้เรื่องการขาย พวกเขาก็จะไปสมัครเป็นเซลล์ หรือถ้าพวกเขาอยากรู้เรื่องบัญชี พวกเขาก็จะไปสมัครเป็นพนักงานธนาคาร เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และทักษะเฉพาะด้าน แล้วนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง ดังนั้นถ้าคุณอยากรวย คุณก็ควรที่จะทำงานเพื่อเพิ่มทักษะด้านอื่น ๆ เตรียมพร้อมต่อการเป็นเศรษฐีในอนาคต

คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน

6. คนทั่วไปมีวัตถุ คนรวยมีเงิน

          คนทั่ว ๆ ไปมักรู้สึกภาคภูมิใจที่มีรถคันใหม่ มีบ้านหลังใหญ่ แต่คนรวยเชื่อว่าการที่คุณจะมั่งคั่งและมั่นคงได้ คุณจะต้องมีความกระหายอยากได้เงินมากกว่าการอยากได้สิ่งของ ถ้าคุณยังมัวมาใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสิ่งของต่าง ๆ อยู่ละก็ เงินของคุณก็จะไม่เหลือ

          ดูอย่างวาเรน บัฟเฟต์ สิ ปัจจุบันเขายังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 1958 ด้วยเงินเพียง 31,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ล้านกว่าบาท) เท่านั้น ทั้งทีเขามีเงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท (มากกว่างบประมาณทั้งปีบางประเทศ) หยุดช้อปและเริ่มมองหาช่องทางในการออมเงินหรือจะเอาเงินไปลงทุนก็ได้ หรือถ้าคุณเป็นพวกคลั่งไคล้การช้อปปิ้งแล้วละก็ ลองหันไปช้อปพวกสิ่งของหรืออะไรก็ตามที่มันจะทำให้เงินของคุณงอกเงยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเอาเงินไปซื้อสิ่งของที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

7. คนทั่วไปมักจะให้ความสำคัญกับการออม คนรวยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของรายได้

          การออมเป็นเรื่องสำคัญ แต่การลงทุนอาจจะสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำ ทว่าหากคุณไม่มีรายได้ หรือมีรายได้แต่ไม่มากพอ คุณก็อาจจะทำทั้ง 2 อย่างที่ว่ามานี้ไม่ได้ ดังนั้นคุณต้องหาเงินให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งคนรวยพยายามหาช่องทางที่จะทำให้เงินเพิ่มขึ้น ถ้าคุณอยากเป็นคนรวย ต้องหาเงินให้ได้มาก ๆ แล้วเอาไปลงทุน ทำยังไงก็ได้ให้เงินเพิ่มแบบไม่หยุด ถึงแม้รวยแล้วก็อย่าหยุด (ต้องหาเงินในทางสุจริตด้วยนะ)

8. คนทั่วไปเห็นอะไรที่ได้เงินแล้วรีบกระโจนใส่ แต่คนรวยคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

          เวลาคนทั่วไปอยากได้อะไรก็จะซื้อเลย บางครั้งก็ซื้อในราคาแพง ๆ แต่เวลาขายกลับขายได้ถูกมาก การใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเรื่องเงินอาจทำลายความมั่นคงทางการเงินของคุณได้ วาเรน บัฟเฟต์ อธิบายว่า ในการลงทุนมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก ๆ นั่นคือการควบคุมความโลภ ซึ่งมันจำเป็นมากกว่าการไปพะวงถึงแต่เรื่องเงินด้วยซ้ำ เรื่องของอารมณ์เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนซื้อของหรือหุ้นในราคาสูงแต่ขายในราคาถูก ดังนั้นอารมณ์จึงเป็นสิ่งที่อันตรายมากต่อการทำธุุรกิจ ฉะนั้นอย่าใช้อารมณ์ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และหันไปใช้เหตุผลให้มากขึ้น

คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน

9. คนทั่วไปมักดูถูกความสามารถของตัวเอง แต่คนรวยตั้งเป้าหมายชีวิตที่ยิ่งใหญ่

          การตั้งเป้าหมายในชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่แตกต่างกันในหมู่คนทั่วไปและคนรวย คนทั่วไปมักจะตั้งเป้าหมายแค่ง่าย ๆ ไม่เสี่ยงอะไรเลย หรือไม่ก็ตั้งเป้าหมายแค่ในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนคนรวยนั้นมักตั้งเป้าหมายที่คนทั่วไปมักคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ก็ยากมาก ๆ ไปเลย แต่มีแค่คนรวย (และที่กำลังจะรวย) เท่านั้นที่รู้ว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ

          ซึ่งแน่นอนว่ามันจะให้ผลตอบรับที่ดีก็ต่อเมื่อถูกวางแผนมาจากระบบความคิดที่เหมาะสมเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณตั้งเป้าหมาย ให้ถามตัวเองว่ามันจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้ได้ไหม เช่น ถ้าอยากจะมีร้านขายเสื้อผ้า ให้ถามตัวเองว่า จะมีร้านเสื้อผ้าที่ขยายไปทั่วประเทศได้ไหม หรือถามตัวเองว่า จริง ๆ แล้วเราทำได้แค่นี้หรือทำได้มากกว่านี้ เชื่อเถอะว่ามันจะเป็นแรงผลักดันอย่างดีให้คุณเลยล่ะ ดังวลีเด็ดที่บอกว่า "When you are setting your big goals, think bigger."

10. คนทั่วไปเชื่อในการทำงานหนัก แต่คนรวยเชื่อในเรื่องการทุ่นแรง

          เคยได้ยินไหมว่า คนเก่งอยู่ผิดที่ ยังไงก็ไม่มีวันรวย คนทั่วไปมีความเชื่อที่ว่าการทำงานหนัก (แบบใช้แต่แรง ทำตามแพทเทิร์นเดิม ๆ) จะทำให้พวกเขารวยขึ้นในอนาคต ! ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย ถ้าคุณทำงานหนักแบบเดิมไปอีก 10 ปี 20 ปี คุณก็แค่เงินเดือนเพิ่ม ดีหน่อยอาจได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งเผลอ ๆ จะทำให้คุณมีภาระเพิ่มซะอีก ซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปกับคนรวยมีความเชื่อที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

          คนรวยนั้นมีเครื่องมือทุ่นแรงแทนที่จะทำงานงก ๆ ให้หนักอยู่คนเดียว เช่น ถ้าพวกเขาถนัดเรื่องการวางแผนเขา ก็จะวางแผนอย่างเดียว เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปทำทั้งบัญชี ดูแลลูกค้า การลงทุน การจำหน่ายสินค้า พวกเขาก็แค่ใช้เงินในการจ้างคนเก่ง ๆ มาดูแล และบริหารให้ โดยให้เงินเดือนสูง ๆ เพื่อจูงใจ

          หลายคนคิดว่าการจ้างแพง ๆ อาจทำให้บริษัทเจ๊งได้ในอนาคต ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด ทุกบริษัทมีเพดานเงินเดือนของตัวเองอยู่แล้ว บรรดาเจ้าของบริษัทเขาคิดมาแล้วล่ะว่าถ้าจ้างมือ 1 ด้านการลงทุนของประเทศมาทำงานให้ในราคาเดือนละ 1 แสนบาท และความสามารถของมือ 1 คนนี้ทำให้บริษัทเขามีรายได้มากกว่าเดือนละร้อยล้าน แค่นี้เงิน 1 แสนก็ดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้มา ซึ่งพูดได้เลยว่าไม่มีทางเลยที่คนรวยจะเสียเปรียบในเชิงธุรกิจ ดังนั้นถ้าอยากรวย คิดใหม่ ! ปรับมุมมองตัวเองจะได้ไม่ทำงานหนักโดยไม่คุ้มค่าแรงและไม่มีจุดหมายปลายทาง

          ความแตกต่างระหว่างคนทั่วไป และคนรวยมีอยู่มากมาย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ในเรื่องของวิธีคิดก็ต่างกันแล้ว บอกได้เลยว่าคนอยากรวยต้องมีแนวคิดก้าวหน้าและไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งรวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ถ้าเราใช้ชีวิตแบบสมถะ เราก็จะยิ่งรวยเพราะรายจ่ายน้อย ในขณะเดียวกันก็หมั่นหาช่องทางทำมาหากินเพิ่ม หลักคิดเบสิกง่าย ๆ แต่ให้ความหมายที่ยิ่งใหญ่ เท่านี้ก็พอจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณดีขึ้นได้แล้ว และความจริงอย่างหนึ่งคือถ้าคุณต้องการที่จะเป็นคนรวย คุณต้องคิดให้ได้แบบที่คนรวยคิดและทำในแบบที่คนรวยทำ


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คนรวยคิดอย่าง คนทั่วไปคิดอย่าง ความต่างที่ทำให้คนเรามีไม่เท่ากัน อัปเดตล่าสุด 11 กันยายน 2558 เวลา 16:34:27 21,809 อ่าน
TOP