x close

4 วิธีออมเงินส่งลูกเรียน เตรียมไว้สบายกว่า

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก aommoney.com

          สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่มีลูกน้อยซึ่งกำลังเติบโตขึ้นทุกวัน การเตรียมความพร้อมสำหรับรายจ่ายค่าเล่าเรียนและอุปกรณ์การศึกษาต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ และสำหรับครอบครัวไหนที่ยังไม่รู้ว่าควรออมเงินอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีออมเงินส่งลูกเรียน จากเว็บไซต์ aommoney.com มาฝากกันค่ะ

วิธีที่ 1 การสอบชิงทุน

          หลายองค์กรแจกทุนการศึกษาและมีให้สอบชิงทุนเพื่อศึกษาต่อ แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าเรียนจบแล้วจะต้องกลับมาทำงานใช้ทุนในองค์กร X ปี (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละองค์กร) ซึ่งผู้ปกครองควรค้นหาว่าลูกเรามีความถนัดทางด้านไหนเพื่อเตรียมข้อมูลว่าต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อจะได้รับทุนนั้น ๆ

          ตัวอย่าง เว็บที่รวบรวมเรื่องการแจกทุนการศึกษา

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

ที่มา : ocsc

          การออมเงินด้วยตนเอง

          การเลือกวิธีออมเพื่อให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายของเรานั้นสำคัญมาก เพราะถ้าพลาดนั้นหมายถึงเงินที่เราตั้งใจจะเก็บไม่ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการด้วย ถ้าจะนำสินทรัพย์เพื่อการลงทุนจับคู่กับเป้าหมายการลงทุน โดยออกแบบการออมออกเป็น 3 ระยะ คือ การออมแบบระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว

วิธีที่ 2 เก็บเงินระยะสั้น

          การออมเงินโดยฝากออมทรัพย์ เป็นการออมเพื่อรักษาสภาพคล่องไว้ใช้จ่ายจิปาถะต่าง ๆ เช่น ค่าขนม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ เป็นต้น ถ้าเราไม่อยากให้รายจ่ายตรงนี้เป็นภาระมากเกินไป ควรสร้างวินัยให้ลูกรู้จักการประหยัด รู้คุณค่าของเงินและจัดสรรเงินเองได้ ถ้าจะขอเพิ่มมากกว่านี้ก็ต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ

          จากปกติที่ให้ค่าขนม - ทุกวันเปลี่ยนมาให้รายสัปดาห์

          จากให้ค่าขนมรายสัปดาห์ - เปลี่ยนมาให้รายเดือน

          อาจจะต้องจดบัญชีให้ดูด้วยว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ถ้าใช้เงินหมดก่อนครบกำหนด 1 สัปดาห์ (หรือ 1 เดือน) ก็ต้องมาคุยกันว่าใช้ไปกับอะไร ทำไมเงินถึงไม่พอใช้ แล้วตรวจสอบจากบัญชีที่จดว่าจ่ายไปกับอะไรบ้าง อธิบายกันด้วยเหตุผล อย่าบ่นว่าลูกใช้เงินไม่เป็น เพราะทุกอย่างผู้ปกครองต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง อาจจะต้องทำใจแข็งบ้างเพื่อฝึกให้ลูกเป็นคนมีระเบียบวินัยมากขึ้น ฝึกให้รู้จักเผชิญกับความผิดหวัง (เพราะขอเงินแล้วไม่ได้) จะได้รู้วิธีแก้ปัญหาในอนาคต ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า เราไม่สามารถแก้ปัญหาให้ลูกได้ตลอดชีวิต หัดให้เขาเจอกับปัญหาในขณะที่เราช่วยบอกวิธีที่ถูกต้องให้น่าจะดีกว่า

          เมื่อลูกโตในระดับหนึ่งควรหัดให้ลองทำงาน เพราะจะทำให้เด็กรู้จักการใช้เงินมากขึ้น รู้ว่ากว่าที่พ่อแม่จะได้เงินมาแต่ละบาทนั้นแลกมาด้วยความยากลำบาก พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่อยากให้ลูกลำบากเหมือนตนเอง จึงบอกให้ลูกเรียนอย่างเดียวเพื่อได้มีเวลาเรียนอย่างเต็มที่จะได้เรียนเก่งๆ แต่อย่าลืมประเด็นสำคัญ คือ ไม่มีใครเก่งไปซะทุกอย่าง คนเรียนเก่งไม่จำเป็นต้องจัดการเงินเก่ง เพราะความเก่งทำให้คนตกม้าตายเรื่องการเก็บเงินมาเยอะแล้ว เหมือนที่เราเคยเห็นบ่อย ๆ ที่ทำงานมีเงินเดือน แต่ไม่มีเงินเก็บ

วิธีที่ 3 เก็บเพื่อการศึกษาระยะปานกลาง

          การออมเงินโดยใช้ LTF เราใช้ประโยชน์จากข้อกำหนดของ LTF ที่ขายได้เมื่อครบ 5 ปี ทำให้สร้างวินัยการออมเพื่อเป้าหมายระยะปานกลางได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างภาพข้างล่างนี้จะเป็นการจัดระบบการออมเงินเพื่อเป้าหมายทุนการศึกษาของลูก แต่อย่าซื้อเกินสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี คือ 15% ของรายได้พึ่งประเมินแต่ไม่เกิน 500,000 บาท

          วิธีนี้เราจะได้รับประโยชน์จากกการออม 2 ต่อ คือ

          ต่อที่ 1 ได้ลดหย่อนภาษี ตามฐานภาษีของเรา

          ต่อที่ 2 มีเงินเพื่อการศึกษาลูก ในปีที่ครบกำหนดขาย

          ตัวอย่าง การออมเงินโดยใช้ LTF

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

          สรุปว่า

          ซื้อ LTF ครั้งที่ 1 ขณะที่ลูกอายุ 1 ขวบ เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาขณะที่ลูกอายุ 5 ขวบ

          ซื้อ LTF ครั้งที่ 2 ขณะที่ลูกอายุ 2 ขวบ เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาขณะที่ลูกอายุ 6 ขวบ

          ซื้อและขาย LTF ลักษณะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

วิธีที่ 4 เก็บเพื่อการศึกษาระยะยาว

          การออมโดยใช้ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ การออมเงินระยะยาวนั้นต้องใช้วินัยการออมค่อนข้างสูงมากควรเก็บไว้ในที่ที่ถอนลำบาก บางคนคิดว่าแค่ฝากไว้ในธนาคารเฉย ๆ ก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่ทุกครั้งที่ตั้งใจจะฝากเงินก็มีเหตุให้ใช้เงินทุกที จนทำให้เริ่มออมเป็นก้อนไม่ได้สักที แบบนี้เรียกว่า ขาดวินัยการออมที่ดี การใช้วิธีสะสมเงินโดยใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่เป็นการออมภาคบังคับเข้ามาช่วยน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยระหว่างการทำประกันถ้าเราจำเป็นต้องการใช้เงินจริง ๆ ก็สามารถกู้ประกันชีวิตของตนเองได้ ซึ่งอาจจะต้องสอบถามกับตัวแทนประกันของตัวท่านเอง

          วิธีนี้เราจะได้รับประโยชน์จากกการออม 3 ต่อ คือ


          ต่อที่ 1 ได้ลดหย่อนภาษี ซึ่งลดหย่อนได้ต่อปีไม่เกิน 100,00 บาท

          ต่อที่ 2 มีเงินเพื่อการศึกษาลูก ถ้าจ่ายครบตามที่กำหนด

          ต่อที่ 3 ได้รับการคุ้มครองชีวิต ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน (อาจจะเสียชีวิตก่อนวันอันควร) จะมีเงินสดส่วนนี้เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกใช้เป็นค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษา

          ตัวอย่าง การออมเงินโดยใช้ประกันชีวิตสะสมทรัพย์


          สมมติตอนนี้เด็กหญิงอภินิหารเงินออมอายุ 3 ขวบซึ่งพ่อกับแม่ต้องการเก็บเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับมัธยมและอุดมศึกษาให้ลูก โดยมีเป้าหมายการออม ดังนี้

          เงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก

          จำนวนเงินทุนการศึกษา 1 ล้านบาท

          ต้องการใช้ระยะเวลาเก็บเงิน 10 ปี

          จากเป้าหมายข้างต้นทำให้เลือกประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาการเก็บเงิน 10 ปี ตัวย่อว่า "E10P" ซึ่งทำเฉพาะสัญญาหลัก (เน้นที่เป้าหมายเพื่อการศึกษาแต่ไม่เน้นผลตอบแทน) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

          บริษัทฯจ่ายเงินปันผล 9 ครั้ง (แล้วแต่บริษัทจะอนุมัติ)

          เป้าหมายในการเก็บเงิน 1 ล้านบาท (ตามศัพท์ประกันจะเรียกว่า ทุนประกัน)

          เก็บสะสมเงินปีละ 98,630 บาท (ตามศัพท์ประกันจะเรียกว่า จ่ายเบี้ยประกัน การคำนวณจะใช้อายุของผู้ปกครองที่จ่ายเงินประกันเข้าโปรแกรมคำนวณเบี้ยประกันจะได้ตัวเลขตามนี้ ถ้าผู้ปกครองอายุมากขึ้นก็จะจ่ายเบี้ยประกันมากขึ้นเช่นกัน)

          ได้รับการคุ้มครองชีวิตในกรณีที่จากไปก่อนครบกำหนด (โดยได้รับเงินตามทุนประกันที่ทำไว้)

          หมายเหตุ : การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์มีให้เลือกมากมาย ควรเลือกให้ตรงกับระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินและความสามารถในการออมของเราให้มากที่สุด ซึ่งหัวข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างจริงเพื่อประกอบบทความเท่านั้น

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

          ความฝันเก็บเงิน 1 ล้านอาจจะหดหายไปเพราะเห็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่อปี ทุกอย่างมันต้องมีวิธีลองมาดูวิธีเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านบาทภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งแบ่งวิธีการเก็บเป็น 2 แบบ คือ วิธีเก็บคนเดียวกับวิธีช่วยกันเก็บ

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

          สมมติ ผู้ที่จ่ายเบี้ยประกันมีรายได้เดือนละ 40,000 บาท มีวิธีการออมดังนี้

          เปิดบัญชีกองทุนรวมโดยแบ่งเก็บเงินเข้าบัญชีกองทุนรวมตราสารหนี้ทุกเดือน ๆ ละ 8,219 บาท ซึ่งคิดเป็น 20.54% ของรายได้ ( 8,219 / 40,000 = 20.54% ของรายได้)

          พอครบปีก็ขายกองทุนนั้นเพื่อจะนำเงินมาชำระค่าเบี้ยประกันจำนวน 98,630 บาท (8,219 x 12) ซึ่งอาจจะได้รับเงินปันผลระหว่างปีขึ้นอยู่กับกองทุนรวมที่ไปฝาก

วิธีออมเงินส่งลูกเรียน

          สมมติ พ่อกับแม่ช่วยกันเก็บเงิน โดยที่แต่ละคนมีเงินเดือนคนละ 40,000 บาท มีวิธีการออมดังนี้

          เปิดบัญชีกองทุนรวมโดยแบ่งเก็บเงินเข้าบัญชีกองทุนรวมตราสารหนี้ทุกเดือน คนละ 4,109 บาท ซึ่งคิดเป็น 10.27% ของรายได้ (4,109 / 40,000 = 10.27% ของรายได้) รวมกันสองคนก็เดือนละ 8,219 บาท

          พอครบปีก็ขายกองทุนนั้นเพื่อจะนำเงินมาชำระค่าเบี้ยประกัน จำนวน 98,630 บาท (เราอาจจะได้รับเงินปันผลระหว่างการลงทุนด้วย ขึ้นอยู่กับกองทุนที่ฝาก)

          หมายเหตุ : ควรศึกษาการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนและเลือกวิธีที่เหมาะกับความสามารถในการหารายได้ของเรา เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระที่หนักมากจนเกินไป



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
4 วิธีออมเงินส่งลูกเรียน เตรียมไว้สบายกว่า อัปเดตล่าสุด 23 กรกฎาคม 2557 เวลา 17:35:36 2,089 อ่าน
TOP