สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ต้องร่วมจ่ายเงินทุกครั้ง Co-Pay จริงหรือไม่ ? มาฟังคำตอบชัด ๆ จากกรมบัญชีกลางล่าสุดกัน
![สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ]()
![สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ]()
![สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ]()
.jpg)
วันที่ 29 กันยายน 2568 กรมบัญชีกลาง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หลังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ว่าจะต้องมีการร่วมจ่าย (Co-payment) ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา โดยตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ดังต่อไปนี้
กรมบัญชีกลางให้ผู้ใช้สิทธิข้าราชการต้องร่วมจ่ายเงิน ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา (CO-PAYMENT) ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ กรมบัญชีกลางได้ทำการปรับเรื่องการใช้ยาให้เหมาะสมตามอัตรา ให้เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อบ่งชี้ และเพดานที่กรมบัญชีกลางกำหนด โดยอ้างอิงจากข้อมูลการใช้ยาจริงของสถานพยาบาลและฐานข้อมูล การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล (MEDICAL BENEFIT DATABASE) ของกรมบัญชีกลาง ราคาจัดซื้อของ สปสช. เพื่อให้มั่นใจว่า อัตราใหม่ สอดคล้องกับราคาที่จัดซื้อจริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารงบประมาณด้านยาอย่างคุ้มค่า เป็นการกำหนดเงื่อนไข การจ่ายตามปกติที่กรมบัญชีกลางทำมาโดยตลอด เช่นเดียวกับ พวกค่าห้อง ค่าอวัยวะเทียม และค่าตรวจวินิจฉัย

ต่อไปสิทธิข้าราชการจะเบิกได้เฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ไม่สามารถเบิกยาต้นแบบได้ ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ การเบิกจ่ายค่ายา ผู้มีสิทธิยังคงสามารถเบิกค่ายานอกบัญชี ยาหลักแห่งชาติได้ตามความจำเป็นและเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งสามารถเบิกได้ทั้งยาสามัญและยาต้นแบบ ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด
ทำไมต้องมีการปรับแก้อัตราการเบิกค่ายา ?
ตอบ : ปัจจุบันมียาหลายชนิดที่มียาสามัญ (GENERIC) และยาชีววัตถุคล้ายคลึง (BIOSIMILAR) ออกสู่ตลาด ซึ่งผ่านการรับรองว่ามีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เทียบเท่ายาต้นแบบ (ORIGINAL) แต่มีราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งการนำมาใช้แทน เป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า โดยไม่ลดคุณภาพ การดูแล และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

การปรับแก้การเบิกค่ายาครั้งนี้ เป็นการลดสิทธิของผู้ป่วยหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ใช่การลดสิทธิแต่อย่างใด เป็นการจัดระบบให้เหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อให้ระบบสวัสดิการ รักษาพยาบาลมีความยั่งยืน ผู้ป่วยยังคงได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ และมาตรฐาน แต่ในกรณีที่ต้องใช้ยาที่ราคาสูง จะมีระบบกำกับ การใช้ยาที่เหมาะสม เช่น ต้องมีข้อบ่งชี้สำคัญที่แพทย์รับรอง
.jpg)
มีความเสี่ยงหรือไม่ ? ที่ผู้ป่วยจะไม่ได้รับยาที่เหมาะสม
ตอบ : ระบบกำหนดอัตราเบิกและการคัดเลือกยาทั้งหมด อ้างอิงตามหลักฐานทางการแพทย์ (EVIDENCE-BASED MEDICINE) และมาตรฐานแนวทางการรักษาของสมาคมวิชาชีพ ดังนั้น ผู้ป่วยยังได้รับยาที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เช่นเดิม

การปรับแก้แบบนี้ ประเทศอื่นทำหรือไม่ ?
ตอบ : ในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ มีการปรับระบบการใช้ยามะเร็งด้วยแนวทางเดียวกัน โดยใช้ยา BIOSIMILAR และ GENERIC เพื่อให้ระบบสุขภาพมีความยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่จำเป็น ต้องใช้ยาต้นแบบ (ORIGINAL/ORIGINATOR) ยังสามารถใช้ได้ ในกรณีที่แพทย์เห็นสมควร



ขอบคุณข้อมูลจาก