คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เปรียบเทียบชัด ๆ ลงทะเบียนโครงการไหนดี ใช้คุ้ม เหมาะกับเรา

           คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ลงทะเบียนโครงการไหนดีกว่า ใครยังลังเล มาเปรียบเทียบคนละครึ่ง เฟส 3 กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ก่อนตัดสินใจ
          คนละครึ่ง เฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็น 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ได้รับความสนใจมาก ซึ่งแต่ละโครงการมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ทำให้หลายคนลังเลว่าจะเลือกลงทะเบียนโครงการไหนดี เนื่องจากต้องเลือกใช้สิทธิได้เพียง 1 โครงการเท่านั้น วันนี้เราเลยนำข้อมูลทั้ง 2 มาตรการมาเปรียบเทียบให้พิจารณากัน

คนละครึ่ง

คนละครึ่ง

คนละครึ่ง ใครได้สิทธิบ้าง ?

  • มีบัตรประจำตัวประชาชน เป็นบุคคลสัญชาติไทย

  • อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

  • ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน (ตรวจสอบผู้ได้รับสิทธิผ่านบัตรประชาชนได้จาก www.เราชนะ.com)

  • ไม่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

  • ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ

รวมมีผู้รับสิทธิคนละครึ่ง ทั้งหมด 31 ล้านคน

ลงทะเบียนคนละครึ่งเมื่อไร ?

  • ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ผ่าน www.คนละครึ่ง.com หรือแอปฯ เป๋าตัง (สำหรับคนที่เคยได้รับสิทธิในโครงการรัฐที่ใช้แอปฯ เป๋าตัง) 

  • สามารถเปลี่ยนโครงการได้ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564

ได้เท่าไร สิทธิประโยชน์มีอะไรบ้าง ?

          รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าให้ 50% ของมูลค่าสินค้า แต่ไม่เกินวันละ 150 บาทต่อวันต่อคน และตลอดทั้งโครงการให้สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2564

          ยกตัวอย่าง หากซื้อสินค้าจำนวน 200 บาท เราจ่ายเอง 100 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 100 บาท หรือกรณีที่ซื้อสินค้า 400 บาท เราต้องจ่ายเอง 250 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 150 บาทต่อวันเท่านั้น

เงื่อนไขอื่น ๆ

  • ใช้สิทธิซื้อสินค้าได้กับร้านอาหาร, เครื่องดื่ม, สินค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าในตลาด ร้านโชห่วยก็ใช้ได้ หากร้านค้านั้นเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง รวมทั้งบริการ เช่น นวด สปา ร้านทำเล็บ ขนส่งสาธารณะ         
     
  • ไม่สามารถใช้สิทธิได้กับสินค้าประเภทสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ 
     
  • ต้องจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เท่านั้น โดยเราต้องเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง ให้เรียบร้อยก่อนซื้อสินค้า จากนั้นนำไปสแกนกับแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง

ยิ่งใช้ยิ่งได้

ยิ่งใช้ยิ่งได้คืออะไร ใครได้สิทธิบ้าง ?

          ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นโครงการกระตุ้นการบริโภค ผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ต้องมีคุณสมบัติคือ

  • สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

  • ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน 

  • ไม่ใช้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3

  • ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ

รวมมีผู้รับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ ทั้งหมด 4 ล้านคน

ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้เมื่อไร ?

          ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00-22.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน 2 ช่องทาง คือ

  • www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
  • หรือลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง พร้อมผูก G-Wallet สำหรับคนที่เคยเข้าร่วมมาตรการของรัฐที่เคยใช้แอปฯ เป๋าตัง

ยิ่งใช้ยิ่งได้ ใช้ยังไง เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ?

     1. เมื่อลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้และได้รับสิทธิเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยกดแท็บ "ยิ่งใช้ยิ่งได้"

     2. เติมเงินเข้า G-Wallet แล้วนำไปสแกนจ่ายค่าสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 พฤศจิกายน 2564

     3. หลังจากใช้จ่ายแล้วจะได้รับเงินคืนในรูปแบบ E-Voucher เข้า G-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป เช่น ใช้จ่ายในเดือนกรกฎาคม จะได้รับ E-Voucher ในวันที่ 7 สิงหาคม คำนวณจากมูลค่าการใช้จ่าย ดังนี้

          •  ยอดใช้จ่าย 1-40,000 บาทแรก จะได้ E-Voucher คืน 10% ของยอดการใช้จ่ายนั้น สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท

          ยอดใช้จ่าย 40,001-60,000 บาท จะได้ E-Voucher คืน 15% ของยอดการใช้จ่ายนั้น สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท

          ให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน

 

     4. เมื่อได้รับ E-Voucher แล้ว สามารถนำไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2564 แต่ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้

ใช้ได้สูงสุดวันละเท่าไร ?

         แต่เดิมโครงการนี้จำกัดยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน แต่ล่าสุดมีการปรับเงื่อนไขของโครงการใหม่ ดังนี้
  • วันที่ 1 กรกฎาคม - 14 กรกฎาคม 2564 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 5,000 บาทต่อคนต่อวัน
  • วันที่ 15 กรกฎาคม - 30 พฤศจิกายน 2564 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 10,000 บาทต่อคนต่อวัน

วิธีคำนวณยิ่งใช้ยิ่งได้ ได้ E-Voucher คืนเท่าไร

ตัวอย่างเช่น

  • ซื้อสินค้าวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 1,000 บาท จะได้ E-Voucher คืน 10% คือ 100 บาท ในวันที่ 7 สิงหาคม และสามารถนำเงิน 100 บาทส่วนนี้ไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ต่อไป
     

  • ซื้อสินค้าวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 7,000 บาท จะถูกนำมาคำนวณคืนเงินเพียง 5,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากการใช้จ่ายในวันที่ 1-14 กรกฎาคม ได้กำหนดให้ใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน ดังนั้น จะได้ E-Voucher คืน 10% คือ 500 บาท เอาไปใช้จ่ายร้านที่ร่วมโครงการอื่น ๆ 
     

  • ซื้อสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2564 รวมเป็นเงิน 30,000 บาท จะได้รับ E-Voucher คืน 10% เท่ากับ 3,000 บาท เอาไปใช้จ่ายร้านที่ร่วมโครงการอื่น ๆ 
     

  • ซื้อสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2564 รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ยอดซื้อ 40,000 บาทแรก จะได้ E-Voucher คืน 10% และยอดซื้อที่เหลืออีก 10,000 บาท จะได้คืน 15% รวมได้รับ E-Voucher 5,500 บาท ให้นำไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ต่อไป
     

  • ซื้อสินค้าในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 จำนวน 10,000 บาท จะได้ E-Voucher คืน 10% คือ 1,000 บาท ในวันที่ 7 กันยายน  
     

ตัวอย่างการคำนวณ

ยิ่งใช้ยิ่งได้ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มีที่ไหนบ้าง ?

  • ร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร่วมโครงการเท่านั้น เช่น ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านที่จดทะเบียนนิติบุคคล

  • บริการ เช่น ร้านนวด สปา ทำเล็บ ทำผม ไม่รวมถึงบัตรกำนัล (Gift Voucher), บัตรเงินสด (Gift Card) และสินค้ารูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า

  • ไม่สามารถซื้อสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ บัตรกำนัล (Gift Voucher), บัตรเงินสด (Gift Card) และสินค้ารูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า

  • ตรวจสอบร้านค้ายิ่งใช้ยิ่งได้ ได้ที่นี่

คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้
เลือกมาตรการไหนดี ?

           เนื่องจากมีเงื่อนไขกำหนดให้ 1 คน เข้าร่วมได้เพียงมาตรการเดียวเท่านั้น จึงต้องเลือกมาตรการที่เหมาะกับเรามากที่สุด

คนละครึ่ง เหมาะกับใคร ?

  • คนที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เป็นประจำ

  • เหมาะกับคนที่ใช้จ่ายในแต่ละวันไม่ได้สูงมาก

  • สามารถทยอยใช้จ่ายได้ เนื่องจากรัฐจะออกเงินให้ไม่เกินวันละ 150 บาท

ยิ่งใช้ยิ่งได้ เหมาะกับใคร ?

  • กลุ่มคนมีรายได้สูง หรือคนที่ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง เพราะยิ่งใช้ยิ่งได้สามารถซื้อสินค้ารวมกันได้สูงสุด 60,000 บาท

  • คนที่มักรับประทานอาหารในร้านอาหาร-เครื่องดื่มที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • คนที่มักซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

    ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้สิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ต้องพิจารณาข้อสำคัญคือ โครงการนี้จำกัดการซื้อไม่เกิน 5,000-10,000 บาทต่อวันเท่านั้น หากซื้อเกินในแต่ละวัน จะไม่นำมาคำนวณเป็นยอดใช้จ่ายเพื่อรับ E-Voucher ดังนั้น หากต้องการใช้สิทธิเต็มแม็กซ์ 60,000 บาท จะต้องแบ่งซื้อสินค้า เท่ากับว่าไม่สามารถซื้อสินค้าที่มีราคาเกินหลักหมื่นได้ในครั้งเดียว 

    และถ้าต้องการรับสิทธิมากกว่าโครงการคนละครึ่ง คนที่เลือกมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้จะต้องซื้อสินค้า-บริการให้มีมูลค่ารวม 30,000 บาทขึ้นไป ภายใน 5 เดือน (กรกฎาคม-พฤศจิกายน 2564) ถึงจะได้รับ E-Voucher มากกว่า 3,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะได้รับ แต่หากซื้อน้อยกว่า 30,000 บาท อาจจะไม่คุ้มเท่าไรเมื่อเทียบกับโครงการคนละครึ่ง

ยิ่งใช้ยิ่งได้

ลงทะเบียนคนละครึ่งไปแล้ว อยากเปลี่ยนไปยิ่งใช้ยิ่งได้ ทำยังไง ?

           หากลงทะเบียนคนละครึ่งไปแล้ว แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากไปใช้สิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้แทน สามารถเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียนได้ 1 ครั้ง ผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยให้ลงทะเบียนรับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เวลา 22.00 น. และจะถือว่าสละสิทธิคนละครึ่งทันที
           สรุปแล้ว จะเลือกโครงการคนละครึ่ง หรือยิ่งใช้ยิ่งได้ ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของเรา หากปกติชอบใช้จ่ายตามร้านค้าเล็ก ๆ แผงลอย ตลาด ซื้อกับข้าว ซื้ออาหาร และมีเงินไม่มากนัก ก็ควรเลือกลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าเราต้องการรับสิทธิครบ 3,000 บาท ก็จะต้องเติมเงินเข้าเป๋าตัง อย่างน้อย 3,000 บาท

          แต่ถ้าเรามีรายได้สูง หรือต้องการซื้อของราคาสูงรวมกันเป็นหลักหมื่นอยู่แล้ว มาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้อาจจะตอบโจทย์กว่า เพราะจะได้แคชแบ็กไว้ซื้อของเพิ่มอีกสูงสุด 7,000 บาท

* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 5 กรกฎาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลจาก
คนละครึ่ง.com, ยิ่งใช้ยิ่งได้.com, ยิ่งใช้ยิ่งได้.com 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เปรียบเทียบชัด ๆ ลงทะเบียนโครงการไหนดี ใช้คุ้ม เหมาะกับเรา อัปเดตล่าสุด 18 กรกฎาคม 2564 เวลา 00:00:52 132,693 อ่าน
TOP
x close