เปลี่ยนจากแม่บ้านที่ไม่มีเงินเก็บ มาเป็นแม่บ้านมือโปรที่มีเงินออมไว้อุ่นใจ ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ เพียงคุณลงมือทำ
1. วางแผนก่อนช้อป
เชื่อว่าหลายคนเวลาไปเดินเลือกของ ส่วนใหญ่ก็มักจะได้สินค้าที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อตั้งแต่แรกติดมือมาเสมอ ถ้าเผลอมือลั่นแบบนี้บ่อย ๆ เราจะบริหารเงินได้ยากนะคะ ดังนั้นก่อนออกไปช้อปปิ้งควรจดรายการไว้เลยว่าอะไรที่ต้องซื้อบ้าง ที่สำคัญอย่าออกนอกลู่นอกทางไปซื้อของใช้อื่น ๆ นอกเหนือจากรายการที่จดไว้ล่ะ
ร้านไหนลด ห้างไหนซื้อ 1 แถม 1 เราต้องเช็กให้รู้ก่อนออกไปช้อปนะคะ หรือใครไม่ถนัดเล่นโซเชียล จะลองเดินสำรวจตลาดจากหลาย ๆ ห้างก่อนก็ได้ เปรียบเทียบราคาสินค้าให้แน่ใจ แล้วค่อยเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่าที่สุด
3. อย่าเห็นแก่ของลดราคา
บางคนเห็นสินค้าลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 แล้วมือไม้อ่อนเผลอหยิบลงตะกร้าตลอด แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ไตร่ตรองดูสักนิดอาจจะรู้สึกตัวว่า ของที่ลดราคาและจัดโปรโมชั่นอยู่นั้น ไม่ใช่ของที่เราต้องกินต้องใช้ ดังนั้นเก็บเงินไว้ซื้อของใช้จำเป็นเท่านั้นจริง ๆ ดีกว่า
ค่าไฟในบ้านที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน บางทีอาจเป็นเพราะเราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วไม่ยอมถอดปลั๊ก โดยเฉพาะทีวี ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่องเสียง พัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่แม้จะปิดสวิตช์แต่ปลั๊กยังเสียบอยู่ก็มีกระแสไฟไหลออกตลอดนะคะ รวมทั้งการชาร์จโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้นาน ๆ ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดไฟ ก็อย่าลืมถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
5. หยุดการช้อปปิ้งออนไลน์
แม้จะเป็นช่องทางซื้อสินค้าที่สะดวกมาก ๆ แต่ด้วยความง่าย สะดวก มีของให้เลือกหลากหลายเพียงปลายนิ้วนี่แหละค่ะที่ทำให้เราสูญเสียกันไปเท่าไรแล้ว ลองลดหรือตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไป จะทำให้เรามีเงินจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นอีกเยอะ
6. ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย
ถ้าทำอาหารทานเองแล้วช่วยประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะ คุณแม่บ้านทั้งหลายก็ควรหันมาทำข้าวกล่องให้สามีและลูก ๆ ไปทานนอกบ้านบ้างก็ได้ พอตกเย็นก็ทำอาหารกินเองเป็นมื้อง่าย ๆ ที่แสนอร่อยและอบอุ่น ที่สำคัญประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้เยอะเลยด้วย คิดดูสิถ้ากินนอกบ้านก็มื้อละหลายร้อยเชียวนะ
ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระดาษแข็ง ของเหลือใช้เหล่านี้ล้วนขายเป็นเงินได้ทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นหากเก็บไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว ก็นำไปขายของเก่า เปลี่ยนเป็นเงินเข้ากระเป๋ากันเถอะ
9. หารายได้พิเศษ
ถ้าเป็นแม่บ้านอยู่บ้านเฉย ๆ วันไหนไม่มีอะไรทำ อาจลองหางานพิเศษที่ทำผ่านออนไลน์ เช่น เป็นตัวแทนจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือหากชอบทำอาหารและขนมก็อาจทำขนมขาย ทำข้าวกล่อง อาหารคลีนขายก็ได้เหมือนกัน เลือกอาชีพเสริมได้ตามที่ถนัดเลย
10. เก็บเล็กผสมน้อย
เงินที่เหลือจากการจับจ่ายใช้สอยภายในบ้านควรแบ่งส่วนหนึ่งมาเก็บออมไว้ด้วยนะคะ ค่อย ๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย นาน ๆ ไปเราก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นเอง
และนี่คือเคล็ดลับสู่การเป็นแม่บ้านมือโปรที่จะมีเงินออมสำหรับครอบครัว โดยคุณแม่บ้านสามารถนำเงินออมไปฝากธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย หรือซื้อสลากออมทรัพย์เก็บไว้ก็ได้นะคะ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองถึงอนาคตด้วยว่า การมีบัญชีเงินออมเพื่อวัยเกษียณก็สำคัญ เพราะเราจะได้มีเงินเอาไว้ใช้ในบั้นปลายโดยไม่เป็นภาระของใคร หรือจะออมให้ลูกหลาน โดยนำส่งเงินออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อฝึกวินัยการออมให้กับลูก ๆ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะการออมกับ กอช. สามารถออมได้ตั้งแต่อายุ 15-60 ปี เพื่อรับเงินสมทบจากรัฐบาลสูงสุด 100% และยังได้ผลตอบแทนงอกเงยจากการนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุน เมื่ออายุครบ 60 ปี ก็ยังได้บำนาญไว้ใช้อีกด้วย ถือเป็นการออมเพื่ออนาคตที่ตอบโจทย์คุณแม่บ้านยุคใหม่ได้อย่างดีเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองทุนการออมแห่งชาติ
สำหรับ "คุณแม่บ้านมือใหม่" หรือ "แม่บ้านวัยเก๋า" คุณได้รับความไว้วางใจและมีหน้าที่จากคนในบ้านในการดูแลเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้าน และถือเป็นคนสำคัญที่จะช่วยบริหารจัดการเงินทองของครอบครัวเพื่อให้รายรับ-รายจ่ายในบ้านเพียงพอ และมีเงินเหลือเก็บได้ แต่จะทำอย่างไรถึงจะช่วยให้คุณแม่บ้านประหยัดค่าใช้จ่ายและมีเงินออมเพิ่มขึ้น วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกต่อกันค่ะ
1. วางแผนก่อนช้อป
เชื่อว่าหลายคนเวลาไปเดินเลือกของ ส่วนใหญ่ก็มักจะได้สินค้าที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อตั้งแต่แรกติดมือมาเสมอ ถ้าเผลอมือลั่นแบบนี้บ่อย ๆ เราจะบริหารเงินได้ยากนะคะ ดังนั้นก่อนออกไปช้อปปิ้งควรจดรายการไว้เลยว่าอะไรที่ต้องซื้อบ้าง ที่สำคัญอย่าออกนอกลู่นอกทางไปซื้อของใช้อื่น ๆ นอกเหนือจากรายการที่จดไว้ล่ะ
2. เช็กก่อนช้อป
ร้านไหนลด ห้างไหนซื้อ 1 แถม 1 เราต้องเช็กให้รู้ก่อนออกไปช้อปนะคะ หรือใครไม่ถนัดเล่นโซเชียล จะลองเดินสำรวจตลาดจากหลาย ๆ ห้างก่อนก็ได้ เปรียบเทียบราคาสินค้าให้แน่ใจ แล้วค่อยเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่าที่สุด
3. อย่าเห็นแก่ของลดราคา
บางคนเห็นสินค้าลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 แล้วมือไม้อ่อนเผลอหยิบลงตะกร้าตลอด แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ไตร่ตรองดูสักนิดอาจจะรู้สึกตัวว่า ของที่ลดราคาและจัดโปรโมชั่นอยู่นั้น ไม่ใช่ของที่เราต้องกินต้องใช้ ดังนั้นเก็บเงินไว้ซื้อของใช้จำเป็นเท่านั้นจริง ๆ ดีกว่า
4. ประหยัดค่าไฟในบ้าน
ค่าไฟในบ้านที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน บางทีอาจเป็นเพราะเราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วไม่ยอมถอดปลั๊ก โดยเฉพาะทีวี ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่องเสียง พัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่แม้จะปิดสวิตช์แต่ปลั๊กยังเสียบอยู่ก็มีกระแสไฟไหลออกตลอดนะคะ รวมทั้งการชาร์จโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้นาน ๆ ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดไฟ ก็อย่าลืมถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
5. หยุดการช้อปปิ้งออนไลน์
แม้จะเป็นช่องทางซื้อสินค้าที่สะดวกมาก ๆ แต่ด้วยความง่าย สะดวก มีของให้เลือกหลากหลายเพียงปลายนิ้วนี่แหละค่ะที่ทำให้เราสูญเสียกันไปเท่าไรแล้ว ลองลดหรือตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไป จะทำให้เรามีเงินจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นอีกเยอะ
6. ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย
เสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า... ก็เข้าใจว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรหยุดสวย แต่ถ้าเก็บเงินเอาไว้เป็นผู้หญิงที่รวยคงเจ๋งกว่าเยอะ เอาเป็นว่าลดการใช้เงินกับของที่ไม่จำเป็นเหล่านี้บ้างก็ดี ลองจำกัดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ไว้หน่อยนะคะ
7. ทำอาหารทานเอง
8. เปลี่ยนของเหลือใช้ในบ้านให้เป็นรายได้
9. หารายได้พิเศษ
ถ้าเป็นแม่บ้านอยู่บ้านเฉย ๆ วันไหนไม่มีอะไรทำ อาจลองหางานพิเศษที่ทำผ่านออนไลน์ เช่น เป็นตัวแทนจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือหากชอบทำอาหารและขนมก็อาจทำขนมขาย ทำข้าวกล่อง อาหารคลีนขายก็ได้เหมือนกัน เลือกอาชีพเสริมได้ตามที่ถนัดเลย
10. เก็บเล็กผสมน้อย
และนี่คือเคล็ดลับสู่การเป็นแม่บ้านมือโปรที่จะมีเงินออมสำหรับครอบครัว โดยคุณแม่บ้านสามารถนำเงินออมไปฝากธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย หรือซื้อสลากออมทรัพย์เก็บไว้ก็ได้นะคะ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองถึงอนาคตด้วยว่า การมีบัญชีเงินออมเพื่อวัยเกษียณก็สำคัญ เพราะเราจะได้มีเงินเอาไว้ใช้ในบั้นปลายโดยไม่เป็นภาระของใคร หรือจะออมให้ลูกหลาน โดยนำส่งเงินออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อฝึกวินัยการออมให้กับลูก ๆ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะการออมกับ กอช. สามารถออมได้ตั้งแต่อายุ 15-60 ปี เพื่อรับเงินสมทบจากรัฐบาลสูงสุด 100% และยังได้ผลตอบแทนงอกเงยจากการนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุน เมื่ออายุครบ 60 ปี ก็ยังได้บำนาญไว้ใช้อีกด้วย ถือเป็นการออมเพื่ออนาคตที่ตอบโจทย์คุณแม่บ้านยุคใหม่ได้อย่างดีเลย
กองทุนการออมแห่งชาติ