ใครว่าการเก็บเงินทำได้ยาก แค่ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินบางอย่าง ก็มีเงินออมสบาย ๆ

"เงินเก็บ" สำหรับบางคนดูเป็นเรื่องที่ห่างไกล เพราะทุกวันนี้ยังหาเช้ากินค่ำอยู่เลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บใช่ไหมคะ แต่รู้หรือเปล่าว่าหากเราคิดจะออมเงินอย่างจริงจัง เราสามารถตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยบางอย่างที่เราจ่ายไปทุกวัน ๆ มาเป็นเงินเก็บได้สบาย ๆ มาลองสำรวจกันสิว่าในแต่ละวันเรามีค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่เราสามารถเปลี่ยนเป็นเงินออมได้กี่รายการกัน
1. หวย

ซื้อทุกงวดไม่เคยขาด บางคนซื้อมากกว่า 2 ใบเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าลองคำนวณดู หวยใต้ดินหรือลอตเตอรี่ที่ตกใบละ 80-100 บาท หลายใบก็หลายร้อย อย่างที่มีข้อมูลสถิติจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เผยว่า คนไทยซื้อทั้งหวยบนดินและหวยใต้ดินเฉลี่ยเดือนละ 500 บาท ตกปีละ 6,000 บาท แต่โอกาสถูกน้อยมาก ดังนั้นหากเปลี่ยนเงินที่ซื้อหวยหรือแบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ซื้อหวยมาเป็นเงินออม ปีนึงจะมีเงินเก็บจำนวนไม่น้อยเลยนะ
2. เครื่องดื่มชูกำลัง
เครื่องดื่มชูกำลังที่เหล่าพ่อค้า แม่ขายที่ใช้แรงงาน หรือหลาย ๆ คน นิยมดื่มกันทุกวันเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว ขวดละ 10 บาท ถ้าดื่มวันละ 2 ขวดก็ตกวันละ 20 บาท เดือนนึงก็ 600 บาท ปีนึงก็ 7,200 บาทเข้าไปแล้ว ฉะนั้นถ้าเลิกซื้อ เลิกดื่ม และผันเงินมาออมกัน ก็น่าจะมีเงินเก็บใกล้ ๆ หมื่นต่อปีแล้วล่ะ
3. บุหรี่

สินค้าสิ้นเปลืองอย่างบุหรี่ก็มีราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน ซองละ 50-60 บาทขึ้นไป ยิ่งใครที่สูบจัด สูบถี่ เดือนนึงก็หมดเงินไปกับบุหรี่น่าจะเฉียดหลักพันเลยก็ว่าได้ แล้วคิดดูสิคะว่าปีนึงเสียเงินไปกับบุหรี่เท่าไร ที่สำคัญสูบบุหรี่ไปก็ให้โทษ เสี่ยงโรคอื่น ๆ ให้ต้องเสียเงินเสียทองไปกับค่าดูแลสุขภาพอีก
4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แม้จะดื่มวันละขวด แต่ราคาเบียร์ขวดหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 50 บาท ไหนจะราคาเหล้าที่ชนหมดแก้วอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คำนวณดูแล้วเงินที่เสียไปกับส่วนนี้ก็เป็นจำนวนไม่น้อย เผลอ ๆ เดือนละเป็นพัน ปีนึงก็เป็นหมื่น ถ้าเก็บเงินส่วนนี้ไว้ เราก็จะมีเงินเก็บปีละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทแน่นอน
5. แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต
ทั้งเน็ตมือถือทั้งเน็ตบ้าน บางคนควบทั้งสองรายจ่ายเลยใช่ไหมคะ โดยเฉพาะเน็ตมือถือที่ผูกมากับตอนซื้อเครื่องใหม่ เดือนละ 599 บ้าง 899 บ้าง ทั้งที่ความจำเป็นในการใช้อินเทอร์เน็ตของเราไม่คุ้มกับกับค่าแพ็กเกจที่ต้องจ่าย แถมราคานี้ยังไม่รวม VAT อีกเกือบ ๆ ร้อย สรุปว่าเดือนนึงจ่ายค่าโทรศัพท์เกือบหลักพัน ปีนึงก็หมื่นกว่า ! นี่ถ้าเปลี่ยนมาใช้แบบเติมเงินตามการใช้งานจริง ๆ ของเรา หรืออย่างน้อยเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งาน อาจลดรายจ่ายส่วนนี้ไปได้มากพอจะแบ่งเงินมาเก็บออมได้เลย
6. ค่าธรรมเนียมธนาคาร

แม้ค่าธรรมเนียมธนาคารในการถอนเงิน โอนเงินต่างธนาคารจะดูเล็กน้อย ครั้งละ 15-30 บาท ทว่าเมื่อรวมกันหลาย ๆ ครั้งก็เป็นเงินหลายบาทเหมือนกันนะ ดังนั้นหากใครมีสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วแนะนำให้สมัครพร้อมเพย์ หรือ Internet banking โอนฟรีดีกว่า แต่ถ้าไม่ถนัดออนไลน์ ยอมเสียเวลาสักนิดไปทำธุรกรรมหน้าเคาน์เตอร์เลยก็ได้
7. ปาร์ตี้สังสรรค์
ชาบู หมูกระทะ บุฟเฟ่ต์ ได้เงินมาเป็นต้องจัดทุกครั้งไป หรือใครที่ชอบสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ปาร์ตี้นอกบ้านทุกวันศุกร์ กินข้าวนอกบ้านทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ลองคำนวณดูเล่น ๆ ถ้ามื้อละ 500 เดือนนึงก็ 2,000 ปีหนึ่งก็ 24,000 !
8. ช้อปปิ้งออนไลน์

โดนกันไปกี่รายการกับรายจ่ายฟุ่มเฟือยพวกนี้ และเงินจำนวนนี้แหละค่ะที่เราสามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินออมได้ ไม่จำเป็นต้องออมตอนมีเงินเหลือใช้ แต่แบ่งออมก่อนนำเงินไปใช้จะดีกว่า ออมวันละ 1 บาท 10 บาท หรือ 50 บาท ก็ทยอยเก็บไป สิ้นปีเงินจำนวนน้อย ๆ พวกนี้ก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ให้ชื่นใจได้
หรือถ้ากลัวเก็บเงินออมไม่อยู่ จะเลือกเปิดบัญชีเงินออมกับธนาคาร หรือ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่ฝากเริ่มต้นแค่เดือนละ 50 บาท เขาก็รับ ไม่เสียค่ารักษาบัญชี ได้รับเงินสมทบจากรัฐ 50-100% ฟรี เพียงแค่เอาเงินจากการหยุดซื้อหวย 1 ใบ งดบุหรี่ 1 ซอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 ขวด มาฝากก็มีเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณแล้วนะ เห็นไหมว่า แค่ลดพฤติกรรมฟุ่มเฟือย เลิกหวย เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เอาเงินไปออมได้อีกตั้งเยอะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองทุนการออมแห่งชาติ