สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เร่งรัฐบาลผลักดันกฎหมายกองทุนบำเหน็จ-บำนาญแห่งชาติ แก้ปัญหาคนไทยไร้เงินออม เงินไม่พอใช้หลังเกษียณ !
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า จากการที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปี 2564 มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้สูงอายุจะมีรายได้ไม่พอใช้หลังเกษียณ เพราะส่วนใหญ่มักพึ่งพารายได้จากลูกหลาน สอดคล้องกับข้อมูลธนาคารโลกที่ระบุว่า คนไทยมีเงินออมเพียง 7% ของจีดีพี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาที่อยู่ 19.7% ของจีดีพี ส่วนประเทศพัฒนาแล้วอยู่ที่ 50.7% ของจีดีพี
นอกจากนี้ ระบบการออมของไทย ยังไม่เอื้อต่อการดำรงชีพหลังเกษียณ ยกเว้นกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่จะมีรายได้ 50-70% ของเงินเดือนก่อนเกษียณ ต่างจากคนทำงานส่วนใหญ่ 22 ล้านคนที่ไม่อยู่ในระบบบำนาญ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่เงินออมจะไม่เพียงพอในวัยเกษียณ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปฏิรูประบบบำนาญ โดยหวังให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนออมภาคบังคับ เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการแก้ปัญหาออมเงินวัยเกษียณในไทยให้ดีขึ้น และช่วยลดภาระทางการคลังของประเทศที่ต้องใช้เงินสูงถึง 700,000 ล้านบาทต่อปี มาอุดหนุนผู้สูงอายุ
ด้าน ผศ.พรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็กล่าวสนับสนุนแนวคิดให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพราะทุกวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่มีภาระหนี้ไม่น้อยกว่า 70-80% ของรายได้ จึงเหลือเงินออมเข้ากองทุนจากภาคบังคับเฉลี่ย 8-10% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมแนะให้คนไทยออมเงินไม่น้อยกว่า 15% ต่อเดือน เพื่อให้มีเงินใช้เพียงพอ และควรมีเงินออมไม่น้อยกว่า 4,500,000 บาท หากต้องการใช้เงินประมาณ 16,000 บาทต่อเดือน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
นอกจากนี้ ระบบการออมของไทย ยังไม่เอื้อต่อการดำรงชีพหลังเกษียณ ยกเว้นกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่จะมีรายได้ 50-70% ของเงินเดือนก่อนเกษียณ ต่างจากคนทำงานส่วนใหญ่ 22 ล้านคนที่ไม่อยู่ในระบบบำนาญ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่เงินออมจะไม่เพียงพอในวัยเกษียณ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปฏิรูประบบบำนาญ โดยหวังให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนออมภาคบังคับ เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการแก้ปัญหาออมเงินวัยเกษียณในไทยให้ดีขึ้น และช่วยลดภาระทางการคลังของประเทศที่ต้องใช้เงินสูงถึง 700,000 ล้านบาทต่อปี มาอุดหนุนผู้สูงอายุ
ด้าน ผศ.พรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็กล่าวสนับสนุนแนวคิดให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพราะทุกวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่มีภาระหนี้ไม่น้อยกว่า 70-80% ของรายได้ จึงเหลือเงินออมเข้ากองทุนจากภาคบังคับเฉลี่ย 8-10% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมแนะให้คนไทยออมเงินไม่น้อยกว่า 15% ต่อเดือน เพื่อให้มีเงินใช้เพียงพอ และควรมีเงินออมไม่น้อยกว่า 4,500,000 บาท หากต้องการใช้เงินประมาณ 16,000 บาทต่อเดือน