
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "การลงทุนระยะยาวสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้" แต่จะจริงหรือไม่นั้น K-Expert ได้รวบรวมข้อมูลในอดีตของตลาดหุ้นไทย เพื่อตอบข้อสงสัยนี้กัน

ทั้งนี้ หากเราลงทุนด้วยช่วงเวลาที่นานขึ้นคือ 3 ปี ช่วงเวลาที่ได้กำไรหรือผลตอบแทนเป็นบวกเพิ่มขึ้นเป็น 71% ส่วนช่วงเวลาที่ขาดทุนลดลงเหลือ 29% ขณะที่อัตราผลตอบแทนแบบทบต้นสูงขึ้นเป็น 8.66% ต่อปี โดยหากลงทุนในช่วงตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จากสถิติย้อนหลังก็จะพบว่าไม่มีโอกาสขาดทุนเลย ดังนั้น ยิ่งลงทุนนานก็จะช่วยลดโอกาสที่จะขาดทุนลงได้นั่นเอง
การลงทุนในหุ้น นั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยตัวเอง แต่สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุนต่าง ๆ รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย

ส่วนการลงทุน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สามารถใช้เป็นช่องทางหนึ่งสำหรับการวางแผนเกษียณได้ หากเราเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 30-40 ปี แล้วขายกองทุน RMF เมื่ออายุ 55-60 ปี การเลือกลงทุนในกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจากสถิติย้อนหลังของตลาดหุ้นไทย จะเห็นว่าหากลงทุนนานเกิน 20 ปีขึ้นไป ช่วงที่ผลตอบแทนเป็นลบนั้นเท่ากับ 0% และหากลงทุนได้นานถึง 30 ปี โอกาสได้รับผลตอบแทนแบบทบต้นนั้นเฉลี่ยสูงถึง 10.45% ต่อปีเลยทีเดียว
แม้ว่าจากสถิติย้อนหลังจะบอกว่าการลงทุนหุ้นไทยแบบถือยาว 20 ปีขึ้นไปจะไม่มีโอกาสขาดทุนเลย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการลงทุนในหุ้นไทย เพราะถ้าไม่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ อาจทำให้ตัดสินใจขายหุ้นหรือกองทุนก่อนเวลาอันควรเมื่อเจอความผันผวนของตลาด หุ้น ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนที่สมควร ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรเช็กระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เสียก่อน เพื่อให้สามารถจัดสัดส่วนการลงทุนได้เหมาะสมกับตัวเอง
K-Expert Action
•เงินที่จะนำมาลงทุนในหุ้นควรเป็นเงินเย็นที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้อย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า
•ลงทุนในกองทุนหุ้นเป็นประจำทุกเดือน จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
