กองทุนตลาดเงิน ถือเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะมีสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ จึงเหมาะสำหรับพักเงิน หรือเก็บสำรองไว้เป็นสภาพคล่องในยามฉุกเฉิน แต่กองทุนตลาดเงินในปัจจุบันมีมากมายหลายกองทุน และผลตอบแทนก็แตกต่างกัน โดยถ้าไปดูอัตราผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ 3 ตุลาคม 2559) อยู่ในช่วง 0.43-2.38% เพราะเหตุใดกองทุนตลาดเงินถึงให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน K-Expert ได้รวบรวมปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับผลตอบแทนของกองทุน เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนกองทุนตลาดเงินที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด
- ประเภทของกองทุน
ปกติแล้วเรามักใช้คำว่า "กองทุนรวมตลาดเงิน" หรือ "กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น" สลับกันไปมา ซึ่งจริง ๆ แล้วกองทุนทั้ง 2 ประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกัน อย่างกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) นั้นมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ โดยตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนทุกตัวจะต้องมีอายุคงเหลือไม่เกิน 3 เดือน จึงเรียกได้ว่า อายุของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนนั้นค่อนข้างสั้น
ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Fixed-Income Fund) มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ โดยอายุเฉลี่ยในการถือครองของพอร์ตการลงทุน (Portfolio Duration) ในกองทุนต้องไม่เกิน 1 ปี ดังนั้น ถ้าดูจากความหมายของกองทุนทั้ง 2 ประเภท ตราสารหนี้ที่กองทุนรวมตลาดเงินลงทุนนั้น มีโอกาสค่อนข้างสูงที่อายุจะน้อยกว่าตราสารหนี้ของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงินมีแนวโน้มต่ำกว่าผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น
- ประเภทของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุน
ถ้าเราไปดูในสินทรัพย์ที่กองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นลงทุนมีทั้งตราสารหนี้ของภาครัฐและเอกชน โดยกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของภาครัฐเพียงอย่างเดียวมักจะสร้างผลตอบแทนได้น้อยกว่ากองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน เพราะตราสารหนี้ของภาคเอกชนให้ผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้ของภาครัฐ แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน โดยหากมองลึกเข้าไปในตราสารหนี้ภาคเอกชน อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ก็มีผลกับผลตอบแทนที่จะได้รับเช่นกัน ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือสูงอย่าง AAA จะให้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่น้อยกว่าอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอย่าง BBB เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
นอกจากนี้ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศเพียงอย่างเดียว หากดอกเบี้ยในต่างประเทศอยู่ในระดับสูง กองทุนที่มีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ก็ย่อมมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนที่ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศเพียงอย่างเดียว
- ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนที่ลงทุนกองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นได้รับผลตอบแทนแตกต่างกันไป หากอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนจากภาวะทรงตัวมาเป็นขาขึ้น การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือสั้นจะได้ประโยชน์มากกว่ากองทุนที่ตราสารหนี้มีอายุคงเหลือยาว
เพราะเมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ราคาของตราสารหนี้ปรับตัวลง โดยตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวจะปรับตัวลงมากกว่าตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือสั้น ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นานมากนัก เพราะสุดท้ายแล้วกองทุนจะได้รับดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ที่ลงทุน ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่แตกต่างจากผลตอบแทนในภาวะที่ดอกเบี้ยทรงตัวมากนัก
หวังว่า ทั้งสามปัจจัยที่รวบรวมมาฝากกัน จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกกองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ แม้ว่ากองทุนประเภทนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แต่อยากให้ลงทุนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งพักเงินหรือใช้เป็นสภาพคล่องเท่านั้น ไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาลงทุนในกองทุนประเภทนี้ โดยควรกระจายเงินไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างกองทุนผสม หรือกองทุนหุ้น เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น
K-Expert Action
• ก่อนนำเงินไปลงทุน ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน
• ศึกษารายละเอียดข้อมูลของกองทุนตลาดเงินที่สนใจจาก Fund Fact Sheet ก่อนตัดสินใจลงทุน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก