อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ปัดตอบ ขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ ชี้หากสินค้าทำลายสุขภาพก็อาจจำเป็นต้องปรับเพิ่ม ด้านอธิบดีกรมสรรพสามิต วางเป้าจัดเก็บภาษีใหม่เป็น 8 แสนล้านบาท ส่งนักวิชาการหาช่องทางจัดเก็บภาษีการพนันเพิ่ม
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 รายงานว่า หลังจากได้มีการออกประกาศกระทรวงปรับอัตราภาษียาสูบไปแล้ว จนหลายคนคาดเดาว่า ต่อไปจะมีการขึ้นภาษีเหล้าและเบียร์ตามมา
ล่าสุด นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไปแล้ว ตอนนี้คงไม่สามารถบอกได้ว่า จะขึ้นภาษีเหล้าและเบียร์หรือไม่ ขอให้เป็นความลับก่อน ซึ่งการขึ้นภาษีตัวไหนต้องดูให้เหมาะสมกับช่วงเวลา หากสินค้าไหนที่ไม่มีความจำเป็น รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ ก็ต้องเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลไม่ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าในกลุ่มนั้น
ขณะที่ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากรัฐบาลต้องการขึ้นภาษีตัวไหนก็จะสามารถทำได้ทันที อย่างไรก็ดีจากนี้กรมศุลกากรต้องลดภาษีให้เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น กรมสรรพสามิต จึงต้องปรับตัวมามีบทบาทมากขึ้นในด้านภาษี โดยตั้งเป้าในช่วง 5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 8 แสนล้านบาท จากปี 2559 ที่ตั้งเป้าไว้เพียง 4.96 แสนล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากภาษีที่เก็บอยู่ล่าสุด ทั้งนี้โดยปกติจะมีการจัดเก็บเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
นอกจากนี้ อธิบดีกรมสรรพสามิต ยังยอมรับว่า สนใจเกี่ยวกับการพนันที่ถูกกฎหมาย ซึ่งอาจจะทำรายได้ให้กับรัฐบาลมากมายทีเดียว โดยกรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้นักวิชาการไปศึกษาว่าจะเก็บภาษีจากการพนันที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องได้อย่างไรบ้าง คาดว่าจะมีข้อสรุปใน 1-2 เดือนนี้ ส่วนจะมีการจัดเก็บหรือไม่ให้เป็นอำนาจของฝ่ายนโยบาย สำหรับภาษีการพนันที่อยู่ในข่ายจะมีการจัดเก็บ เช่น สนามแข่งม้า เสียภาษีจากรายได้ค่าบัตรผ่านประตู รายรับจากการแข่งพนัน, สลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการยกเว้น, ภาษีไพ่ ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา กรมสามารถจัดเก็บภาษีกลุ่มพนันได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก