เทศกาลปีใหม่ได้เวลาต้องจับจ่ายซื้อของขวัญกันให้วุ่น แต่ถ้าไม่อยากถังแตกข้ามปีละก็ เคล็ดลับประหยัดเงินเหล่านี้ช่วยได้
1. วางแผนการซื้อและตั้งงบประมาณ
การวางแผนสำหรับการซื้อของขวัญ และตั้งงบประมาณให้กับของขวัญของแต่ละคน เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดที่จะช่วยให้การจับจ่ายของคุณไม่กลายเป็นปัญหาน่าปวดหัว ก่อนที่จะเริ่มต้นจัดเตรียมของขวัญให้แต่ละคน ควรแบ่งเวลามาวางแผนเสียหน่อยดีกว่าค่ะ คิดว่าเราควรมอบอะไรให้ใครในปีใหม่นี้ และงบประมาณไม่ควรเกินเท่าไร และมองหาทางออกในกรณีที่ไม่สามารถหาของขวัญชิ้นนั้นได้ในราคาที่เหมาะสมด้วย เท่านี้คุณก็จะไม่มีทางหัวปั่นเวลาไปซื้อของแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต หรือบัตรสมาชิกขององค์กรต่าง ๆ แม้แต่บัตรสะสมแต้มร้านค้าทั่วไป ก็อาจจะมีประโยชน์กับคุณมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะในช่วงใกล้ปีใหม่นั้น ตามบริษัทและห้างร้านต่าง ๆ ก็มักจะมีแคมเปญในการใช้แต้มสะสมหรือสิทธิพิเศษเพื่อแลกของขวัญ หรือบัตรกำนัลต่าง ๆ มากมาย แถมของขวัญที่แลกมานี้ก็ดูจะคุ้มค่าอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบกลับไปเช็กบัตรในกระเป๋าสตางค์แบบด่วน ๆ เลยนะ
3. ใช้จ่ายด้วยเงินสด
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายคนมักจะใช้บัตรเครดิตในการซื้อของขวัญ แถมยังรูดซื้อกันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังกันอีกด้วย จนสุดท้ายภาระหนี้สินทั้งหมดก็ต้องมาตกลงอยู่ในช่วงหลังปีใหม่ กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ปวดหัว ปวดใจไปตาม ๆ กัน ถ้าไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ควรเปลี่ยนมาซื้อของด้วยเงินสดกันดีกว่า เพื่อที่คุณจะได้มีสติในการซื้อมากขึ้น และรู้ว่าตัวเองใช้จ่ายไปเท่าไร และควรจะหยุดเมื่อไร ป้องกันปัญหาหนี้ท่วมหัวได้ดีเลย
4. เริ่มออมเงินสำหรับการซื้อไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
จากข้อก่อนหน้า สาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่ใช้เงินสดในการซื้อของก็เป็นเพราะว่า การใช้เงินสดในการซื้อของก็อาจจะทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ วิธีแก้ก็ไม่ยาก เพียงเริ่มออมเงินทีละน้อยในช่วง 2 - 3 เดือนก่อนปีใหม่ หรือถ้าจะเริ่มตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเลยก็ได้นะ ค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือน จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ได้ไม่น้อย แถมถ้าออมเงินได้เยอะก็อาจจะเหลือไว้ใช้ช่วงสิ้นปีด้วยนะ ดีจะตาย
5. ค่อย ๆ ทยอยซื้อ
หลายคนมักคิดว่าถ้าจะซื้อของขวัญปีใหม่ก็ควรจะหาเวลาไปซื้อพร้อม ๆ กันในคราวเดียวเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา แต่ความคิดนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะว่าถ้าหากเราไปซื้อพร้อมกันทีเดียว ของที่ได้ก็อาจจะไม่ถูกใจที่สุด และอาจจะได้ของที่ราคาแพงโดยใช่เหตุก็ได้ วิธีที่แนะนำคือควรเริ่มซื้อของขวัญปีใหม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่อย ๆ ซื้อสะสมไปทีละชิ้นสองชิ้น เพื่อที่จะได้ของถูกใจมากที่สุด และอาจจะได้ของในราคาที่ถูกลงด้วย
6. เปรียบเทียบราคาให้ดี
ก่อนซื้อของขวัญปีใหม่ทุกครั้งจำให้ขึ้นใจ ราคาที่เราเห็นในครั้งแรกอาจจะไม่ใช่ราคาที่ดีที่สุด ฉะนั้นเพื่อการซื้อที่คุ้มค่าควรเปรียบเทียบราคาหลาย ๆ แห่ง ก่อนซื้อจะดีกว่า เพราะในแต่ละที่ย่อมตั้งราคาไม่เหมือนกัน แถมในช่วงเทศกาลแบบนี้ก็ยิ่งจะแข่งกันลดราคา อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่ได้ราคาที่ถูกลงก็คุ้มค่านะ
7. ของขวัญทำมือก็เก๋ไม่หยอก
ของขวัญปีใหม่ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เพราะที่สำคัญไปมากกว่าราคาของสิ่งของก็คือคุณค่าทางใจที่หาไม่ได้จากที่ไหน ของขวัญที่ทำเองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความหมายทางใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลงมือลงแรงเสียหน่อย ประหยัดเงินไปได้เยอะ แถมได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย
8. เปลี่ยนจากการมอบของขวัญเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน
สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ ของขวัญที่ดีที่สุดไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นความรักและความเอาใจใส่ ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่ห่างไกลกัน การเปลี่ยนจากของขวัญเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน และหากิจกรรมทำร่วมกัน เช่น การไปปิกนิก หรือการรับประทานอาหารร่วมกัน แม้แต่การช่วยทำความสะอาดบ้านในช่วงวันหยุดก็ถือเป็นความทรงจำดี ๆ ที่มีค่ามากกว่าสิ่งของอีกนะ
9. ซื้อของออนไลน์ก็เวิร์ก
ถ้าไม่อยากเสียค่าเดินทาง และเป็นคนไม่ค่อยมีเวลาในการไปเลือกซื้อของขวัญ การซื้อของออนไลน์ก็เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง อีกทั้งเมื่อซื้อแล้วก็สามารถส่งให้ไปให้ผู้รับได้เลยแบบไม่ยุ่งยาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์ขายของออนไลน์มากมายให้เลือกใช้ เราสามารถเทียบราคาก่อนซื้อได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเดินเทียบราคาตามร้านต่าง ๆ เลยล่ะ
10. อย่ารอจนวินาทีสุดท้าย
การซื้อของในวินาทีสุดท้ายเป็นความผิดมหันต์ เพราะนอกจากจะทำให้แผนการซื้อที่วางไว้ผิดพลาดแล้วก็ยังอาจจะทำให้ต้องเสียเงินมากขึ้นกว่าเดิมกับราคาที่เราไม่มีเวลาเปรียบเทียบ ไม่เพียงเท่านั้นการซื้ออย่างกระชั้นชิดอาจจะทำให้ซื้อของไม่ทัน ฉะนั้นก็ซื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่อไว้หากเกิดข้อผิดพลาด
แม้ว่าวิธีที่เหล่านี้จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ก่อนจะซื้อของขวัญปีใหม่ให้กับใคร ควรคำนึงถึงให้ดีนะว่าตัวเองจะต้องสามารถจ่ายได้โดยที่ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง ควรประมาณตนให้ดี ไม่ใจใหญ่จนเกินไป แม้ว่าจะได้รับความชื่นชมกลับมาแต่ต้องมาทุกข์ระทมกับหนี้ก้อนโตก็ไม่ดีเหมือนกันนะ