x close

แชร์ประสบการณ์ Work&Travel 2 เดือนครึ่ง กับเงินที่ได้กลับมาเกือบ 3 แสน !

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          แชร์ประสบการณ์ work&travel เจ๋ง ๆ ได้ทั้งเที่ยวทั้งเก็บเงินแตะหลักแสน ในเวลาสั้น ๆ แค่ 2 เดือนครึ่ง !

          ทำงานต่างประเทศจะได้เงินสักเท่าไร หรือใครอยากลองไป Work and Travel แต่ยังอยากสืบดูรีวิวจากคนที่มีประสบการณ์มาก่อน คุณมาถูกทางแล้วค่ะ เพราะประสบการณ์ตรงจากคุณ Laksana Chaichana สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะมาป่าวประกาศให้โลกได้รู้ว่า แค่ไป Work and Travel เพียง 2 เดือนครึ่ง ก็เก็บเงินกลับบ้านมาได้ตั้งเกือบ 3 แสนบาทเลยนะตัวเธอ    

          แชร์ประสบการณ์ ไปทำงาน Work&Travel 2 เดือนครึ่ง ได้เงิน 280,000 โดยคุณ Laksana Chaichana สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สวัสดีค่ะ จะมาแชร์ประสบการณ์การทำงานจากการไป Work&Travel 2015 ครั้งนี้เราไปคนเดียว บินเดี่ยวเลย แต่เจอเพื่อนคนไทย 4 คนบนเครื่อง

** กระทู้นี้จะเน้นสภาพชีวิตการทำงาน การเป็นอยู่ ตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการนะคะ**

ป.ล. ขอเรียก Work&Travel ว่า WAT

เราจะอธิบายขั้นตอนการไป WAT ตั้งแต่แรกก่อน

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. หาเอเจนท์บริษัท หลักการเลือกของเรา คือ ดูค่าโครงการ ดูงาน ลองคุยกับพี่ ๆ เขาดู

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. เมื่อเลือกได้แล้ว พี่เขาจะสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้วัดระดับภาษาว่า เราภาษาเท่านี้ เหมาะกับงานที่ไหน คำถามไม่ยากเลย (สำหรับเรานะ) เช่น แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ เป็นแนวพูดคุยมากกว่า ของเราได้ระดับภาษา Upper Intermediate

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. เลือกงาน > จ่ายค่าจองงานเราตั้งใจเลือกไปรัฐ Florida อยู่แล้วค่ะ เพราะตอนเราไปคือช่วง Summer (เดือนพฤษภาคม–สิงหาคม) เราเลยคิดว่าเมืองทะเลน่าจะทำเงินได้เยอะ น่าจะหา Second Job ได้ง่าย และสาเหตุว่าทำไมต้องเมืองนี้ เพราะเราตั้งใจว่าจะไปทำงานเก็บเงิน และเที่ยวอยู่แล้ว เราเลยหางานที่ได้เรต $9 ขึ้นไปค่ะ และหวยที่ออกคือเมือง Destin นี่เอง ซึ่งร้านที่เราไปทำชื่อร้าน Fudpucker\'s Beachside Bar & Grill เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่เลยล่ะ

          โดยตอนแรกพี่เอเจนท์ให้เราเลือกหลายตำแหน่งมากในการทำงานร้านนี้ เช่น Cook Host Groundman  ตอนแรกเราเลือก Cook ค่ะ เพราะเห็นเรตตั้ง $9.5 แต่พอปรึกษาเพื่อนที่เคยไป WAT ปีก่อน ๆ แต่ทำงานร้านอื่น เขาบอกมาว่า งานในครัวต้องใช้มีด โดนของร้อนนะ ด้วยความที่เราไม่เคยทำกับข้าวเลย ที่บ้านซื้อกับข้าวกินตลอด เลยเกิดอาการกลัวค่ะ เลยขอเปลี่ยน

          ทีนี้มันก็เหลือ Host (พนักงานต้อนรับ) และ Groundman ที่เรตค่าจ้าง $9 เท่ากัน ลืมบอกว่าแต่ละตำแหน่งได้เงินไม่เท่ากัน แต่ด้วยความที่เราไม่เก่งภาษามากนักเราเลยเลือกตำแหน่ง Groundman ถ้าถามว่ารู้ไหม ตำแหน่งนี้ต้องทำอะไร บอกเลยว่า ไม่ !!! 55555 แต่เพื่อนเราบอกว่าเป็นหน้าที่ระหว่าง Cook และ Serve เราก็โอเคทำได้หมด

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 4. พอเราเลือกงานแล้ว เราก็ต้องนัดวันสัมภาษณ์งานกับนายจ้างที่อเมริกาผ่าน Skype ค่ะ บางงานนายจ้างก็บินมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เขาจะวัดระดับภาษาอังกฤษเรา เขาแค่อยากรู้ว่า คนที่จะมาทำงานกับเขาเป็นคนยังไง หน้าตายังไง ถ้าถามว่ามีคนสัมภาษณ์ไม่ผ่านไหม มีค่ะ แต่น้อยมาก ส่วนมากผ่านหมดเพราะตอนเลือกงาน เขาจะระบุไว้อยู่แล้วว่าต้องการเด็กภาษาอังกฤษระดับไหน มีความมั่นใจเข้าไว้ ตั้งสติตอนตอบคำถาม ยังไงก็ผ่าน ! ซึ่งคำถามจะเป็นแนว ๆ เดียวกันทุกงาน เช่น ถามประวัติส่วนตัว เวลาว่างทำอะไร บอกข้อดี/ข้อเสียของตัวเอง เป็นต้น ไม่ยากมากค่ะ ตอนเราสัมภาษณ์เราตอบผิด ๆ ถูก ๆ ให้เขาทวนคำถามบ่อยมาก ยังผ่านเลย 5555 เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว !!! สู้ ๆ

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 5. พอสัมภาษณ์ผ่านแล้ว เราก็ทำการจ่ายเงินค่าโครงการที่เหลือ แต่ถ้าไม่ผ่าน อย่าร้องไห้น้า ยังไงพี่ ๆ เอเจนท์ก็ช่วยหางานให้เลือกใหม่ที่เหมาะสมกับระดับภาษาของเรา ให้ผ่านจนได้ ไม่ต้องกลัว ยังไงก็ได้ไปค่ะ

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 6. เริ่มดำเนินการยื่นเรื่องเอกสารต่าง ๆ เช่น วีซ่า โดยพี่เอเจนท์เขาจะบอกเราว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง และช่วยจัดการเรื่องเอกสารให้ ช่วยทำเรื่องขอวีซ่าให้ และทางพี่เอเจนท์ก็ช่วยแนะนำการหาที่พักให้เราด้วยว่าพักที่ไหนใกล้ที่ทำงาน แต่เราหาที่พักเอง ติดต่อกับคนที่นั่นเอง เลยได้ค่าบ้านถูกกว่าคนอื่น แต่กว่าจะหาได้นี่รอนานมาก เพราะช่วงนั้นเด็ก WAT จากประเทศอื่น ๆ ก็เข้ามาเยอะ บ้านเกือบเต็มกันหมด

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 7. เมื่อพี่เอเจนท์เตรียมเอกสารให้เราครบแล้ว เขาก็นัดวันสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตให้ โดยพี่เขาจะเก็งแนวคำถามให้เรา ก่อนสัมภาษณ์เรากลัวไม่ผ่านมากกก เพราะตอนต่อคิวมีคนนึงสัมภาษณ์ แต่เขาพูดไม่ได้เลย ตอบคำถามอะไรไม่ได้สักข้อ สุดท้ายสถานทูตเลยไม่ให้ผ่าน สงสารเขามากแต่เขาพูดไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แต่พอถึงคิวเรา ถามน้อยมาก ไม่ถึง 2 นาที เร็วมากจนงงว่าเห้ย ผ่านได้แบบง่ายมาก คำถามที่เราโดน เช่น เรียนเกี่ยวกับอะไร (อันนี้ต้องจำให้ได้) อยากไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกา เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 8. เย้ !! พอวีซ่าผ่านแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็หาตั๋วเครื่องบิน เนื่องจาก Florida อยู่ทางใต้ของอเมริกา ไกลมาก เลยโดนค่าตั๋วไปประมาณ 44,300 บาท ของสายการบิน American Airlines เราจัดการเรื่องตั๋วเองโดยการโทรไปจองกับ Call Center ของสายการบินนี้ ไม่ได้ผ่านเอเจนท์ที่ไหน

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 9. พอเอกสารครบ ตั๋วเครื่องบินพร้อม เราก็รอเวลาเดินทางอย่างเดียว Let’s Go !!

มาสรุปรายจ่ายคร่าว ๆ ดีกว่า

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. ค่าโครงการ

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. ค่าวีซ่า 8,100 บาท (ราคาปี 2015)

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. ค่า Pocket Money 20,000 บาท (อันนี้ขึ้นอยู่กับเราเอง บางคน 30,000-60,000 บาท)

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 4. ค่าตั๋วเครื่องบิน

          ความจริงแล้วตามกำหนดการเราจะถึงอเมริกาวันที่ 27 พฤศจิกายน ตอนประมาณ 4 ทุ่ม ค่ะ แต่เราถึงวันที่ 28 ตอนสาย ๆ เพราะ...หลับจนตกเครื่อง ใช่ค่ะ หลับ !! เรื่องมีอยู่ว่า ตอนขาไป เส้นทางการบินจะเป็นแบบนี้...

          1. BKK > Hongkong 2. Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas 3. Dallas/Fort Worth,Texas > Fort Walton Beach, Fl อยากบอกว่า โอ้โห หลายต่อมากค่า ยิ่งเฉพาะเส้น Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas มันคือที่สุดของความทรมานสำหรับเรา บินประมาณ 16 ชั่วโมงค่ะ แล้วเรามีปัญหาเรื่องปวดหลัง แถมคลื่นไส้ สรุป Jet lag ตลอดการเดินทาง นอนหลับไปไม่ถึง 3 ชั่วโมง พอถึง Dallas เพื่อนคนไทยที่เจอบนเครื่อง 4 คนไปซื้อของกินกัน ส่วนเรารีบดู Gate แล้วไปนอนรอเลยค่ะ เพราะเพลียมาก

          ความจริงแล้วเครื่องออกจากที่ Dallas ตอน 2 ทุ่ม แต่ตื่นมาอีกที 3 ทุ่มครึ่ง !! เราแบบ ซวยละ ตกใจมาก รีบไปถามพนักงาน เขาบอกเครื่องออกแล้ว ณ ตอนนั้นคือเข้าใจคำว่า ร้องไห้หนักมาก !! สาเหตุคือทางสายการบินเปลี่ยน Gate แต่เราไม่รู้เรื่องเพราะหลับ ส่วนเพื่อนคนไทย 4 คน ไปละจ้า

          แต่ด้วยความที่ Service เขาดีจริง ๆ ทางสายการบินก็ออกตั๋วให้ใหม่ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ต้องรอบินตอน 7 โมงเช้า สรุปได้นอนสนามบินสมใจเลยค่ะ 1 คืนเต็ม ๆ คนเดียว ฮือ น้ำตาไหล

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          พอเราถึงเข้าบ้านพักเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายเราก็ไปที่ร้านเลยค่ะ ยื่นเอกสาร อบรมงานวันเดียวกันเลย ตอนแรกนายจ้างถามเราต้องการทำงานกี่วัน ด้วยความหน้าเงิน เราตอบไปเลย Everyday เขาก็ให้นะ เราทำตั้งแต่บ่าย 2–4 ทุ่ม ซึ่งแปลว่าเราทำงานทุกวัน วันละ 8 ชั่วโมง ถ้าอยากหยุดก็ให้มาบอกเขาได้ แต่มีเรื่องเซอร์ไพรส์ คือหน้าที่ Groundman ที่เราเลือก ความจริงแล้วคือ Bathroom Attention เรียกง่าย ๆ พนักงานดูแลห้องน้ำ !! นี่เอง

          บอกก่อนเลย ชีวิตนี้ไม่เคยล้างห้องน้ำ ไม่เคยดูดส้วม แต่ในเมื่อเราเลือกแล้ว เราก็ไม่กลัวขี้แล้วค่ะ ลุย !!

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          ที่ร้านจะมีห้องน้ำ 2 ที่ ชั้นบนกับชั้นล่าง โดยหน้าที่ของเราหลัก ๆ เลยคือ

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 1. กวาดพื้นในห้องน้ำ หน้าห้องน้ำ และโซนบาร์ด้านนอก

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 2. คอย Check และเติม Stock ทิชชูและสบู่

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 3. คอยเช็ดทำความสะอาดเคาน์เตอร์ห้องน้ำ

          //img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif 4. คอยกดชักโครกห้องน้ำ ที่นี่จะใช้ระบบเซนเซอร์ค่ะ แต่บางคนเซนเซอร์ไม่ติดเราก็ต้องคอยกด คอย check ตลอด

          มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ที่เราไม่ต้องล้างห้องน้ำหรือล้างโถส้วม แต่...ฝรั่งค่อนข้างมักง่ายมากกก บางคนอุจจาระแล้วเซนเซอร์ชักโครกไม่ติด เขาไม่หันกลับมามองนะคะ ลุกเลย เพราะฉะนั้นเรานี่แหละ ต้องคอยไล่คอยกด เจอขี้ทุกวันค่ะ จนชิน 5555

          บางครั้งลูกค้าอุจจาระแล้วส้วมตัน น้ำนอง เรานี่แหละ ดูดส้วม แต่ไม่ยากค่ะ ชินเหมือนเดิม 5555 เวลาว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำในห้องน้ำแล้ว เราจะออกไปช่วยบาร์ข้างนอก ร้านนี้จะเปิดบาร์ด้านนอกตอนเย็นประมาณบ่าย 3–4 ทุ่ม เราก็ไปช่วยเก็บแก้ว ล้างแก้ว เช็ดโต๊ะ สนุกดีค่ะ ได้พูดคุยกับลูกค้าที่ร้านบ้าง เขามาถามทาง มาคุยเล่นบ้าง

          คนที่นี่ดี ไม่เหยียดเอเชียเลย มีน้ำใจ Friendly สุภาพกันเกือบหมด ส่วนเรื่องเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ดีมากเช่นกัน เราสนิทกับ Manager และเด็กเสิร์ฟหลายคน เพราะเวลาพวกเขามาเข้าห้องน้ำ ก็จะเจอเราตลอด ก็เลยได้คุยกันบ่อย เกือบทุกคน

          เราชอบระบบการทำงานของที่นี่มากก ทุกคนใจรักการบริการกันมาก Manager ที่นี่ทำได้ทุกอย่าง เช่น มาสอนเราดูดส้วม ช่วยเราเมื่อเจอเคสหนัก ๆ เกี่ยวกับเรื่องอุจจาระของลูกค้า 555 เวลาร้านยุ่ง ๆ Manager ก็มาช่วยเด็กเสิร์ฟด้วยนะคะ ซึ่งดีมาก ๆ และใจดีกันทุกคน

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          เช็คเงินที่นี่จะออกทุก 2 อาทิตย์ เรื่องเซอร์ไพรส์ที่สอง คือ พอเช็คเงินเดือนออก ปรากฏว่าเรตเงินได้เยอะขึ้น จาก $9 เป็น $9.75 Overtime เรต $14.66 มารู้ทีว่าหลังทางร้านปรับเงินขึ้นให้ทั้งร้าน เพราะว่าช่วง Summer ลูกค้าเยอะมาก แน่นมากกก รอกันเกือบ 100 คิวค่ะ (1 ครอบครัว = 1 คิว)

          พอเริ่มปรับตัวกับที่นี่ได้ หลังจากนั้น 1 เดือนเราก็เริ่มหางาน 2 ช่วงเช้าค่ะ เมืองนี้มีข้อดีตรงหางานง่าย เน้นว่าง่ายมาก เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว พักผ่อน งานร้านที่ 2 เป็นงานในครัว หน้าที่ Prep เรียกง่าย ๆ ก็คือคนเตรียมอาหาร

          เราทำงานร้าน Bubba Gump เป็นร้าน Seafood เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักของเราคือ หั่นผักเตรียมทำสลัด หั่นปลา หั่นกุ้ง หั่นปลาหมึก ผสมแป้งตามสูตรที่นำไปทำอาหารอื่น ๆ

          งานนี้ได้เรต $10 เจ้านายดีเหมือนเดิม ตารางงานจะได้ 3-4 วัน/สัปดาห์ เวลา 08.00–14.00 น. และหลังจากนั้นเราก็ไปทำงานร้าน 1 ต่อ ฟังแล้วดูเหมือนทำงานแบบ Hardcore นะคะ เพราะทำ 08.00–22.00 น. แต่เราโชคดี งานไม่หนัก แถมได้เรตเงินดีทั้งคู่เลยค่ะ

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          หลังจากอยู่อเมริกามา 1 เดือนครึ่ง เรากับเพื่อนก็ตัดสินใจลางานทั้งสองที่ ไปเที่ยว 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ตอนขอเจ้านายก็แอบโดนว่าเบา ๆ แต่ร่างกายต้องการพักผ่อนจริง ๆ เลยตัดสินใจไปเถอะ...อยากไป

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          เราเลือกไปเมือง Orlando, Florida เป็นการเที่ยวแบ็คแพ็กครั้งแรกในอเมริกาค่ะ เราหาโรงแรมเอง ศึกษาเองหมด ไปถึงก็ถามคนที่นั่นอย่างเดียว คนที่นั่นก็ช่วยเหลือเราดีเหมือนเดิม

          เราเลือกไปเที่ยว Disney World เข้าทั้ง 4 Parks เลย Park ละ 1 วัน ที่นี่ใหญ่มากกกค่ะ สนุก หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวเมือง Miami สภาพทะเลที่ Southbeach ไม่แตกต่างกับพัทยาเท่าไร แต่บรรยากาศมันได้มาก ๆ ความฝันเราคือการได้นอนอาบแดดที่นี่ เรารู้สึกว่าที่นี่และ Florida จริง ๆ แล้วเราไปเที่ยว Outlet ค่ะ ไปทีไรกลับมาตัวเบาเลย 555

          สรุปค่าใช้จ่ายของการเที่ยวครั้งนี้ เราหมดไป $800 แถมได้นาฬิกามา 2 เสื้อ 1 ตัว ดีงาม

          หลังจากเที่ยวเราก็กลับมาทำงานปกติ งานร้าน 1 ก็ทำงานทุกวันเหมือนเดิม ร้าน 2 แล้วแต่ตาราง โชคไม่ดีหน่อย ลูกค้าน้อยก็ทำแค่ 2 วัน/อาทิตย์ แต่เราโอเคนะ

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          ชีวิตประจำวันของเราที่นี่ก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ ตื่น ทำงาน กินข้าว ไป Outlet เที่ยวผับ (อันนี้เกือบทุกอาทิตย์ 55) ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย ไปทะเล เที่ยวนอกเมืองบ้างนิดหน่อย ที่ Destin ที่เที่ยวธรรมชาติสวยเยอะค่ะ มีน้ำตก ภูเขา ล่องแก่ง สวยจริง ๆ ทะเลที่นี่ก็สวยมากก ทรายนุ่ม แถมยังสะอาดมาก ๆๆๆ เลยด้วย

          สรุปนะคะ เราทำงานมา 2 เดือนครึ่ง งานแรก 1 เดือนครึ่ง งาน 2 หนึ่งเดือน ที่เราทำงานแค่ 2 เดือนครึ่ง เพราะตอนแรกเราซื้อตั๋วไป-กลับ รวมแล้วอยู่ที่นี่ 3 เดือน แต่ทำงานไม่ได้ วีซ่าหมด อันนี้สำคัญมากนะคะ อยากเตือน เราร้องไห้ไปแล้ว อุตส่าห์แพลนอย่างดีอยากทำงานเยอะ ๆ เต็ม 3 เดือน

          วีซ่าเราได้วันที่ 1 พฤษภาคม–20 สิงหาคม แต่เราบินไปประมาณสิ้นเดือนพฤษภาคม และบินกลับ 3 กันยายน ที่บินช้าเพราะสอบของมหาลัยเสร็จช้า เราเลยทำงานได้ถึงแค่ 20 สิหาคม

          แต่หลังวีซ่าหมด เราสามารถอยู่ที่นี่ได้หลังจากนี้ประมาณ 1 เดือน แต่ทำงานไม่ได้ พอทำใจได้เราก็คิดในแง่ดีค่ะ พักผ่อน เที่ยวใน Destin Shopping (อันนี้เสียหายหลายหมื่นอยู่ 55)

แชร์ประสบการณ์ work&travel

          ทำงานได้เงินทั้งหมดประมาณ 280,000 บาท ใช้จ่ายค่าเที่ยว กิน Shopping หักค่าโครงการ ได้กำไรประมาณ 70,000 อาจไม่เยอะมาก แต่รวยประสบการณ์

          เราอยากบอกเพื่อน ๆ ที่มีความคิดอยากจะไปแต่ลังเลว่า อย่าไปกลัวค่ะ ภาษาไม่ใช่ปัญหา การปรับตัวไม่ใช่เรื่องยาก การไปคนเดียวไม่ได้แย่ เราได้เพื่อนต่างชาติและคนไทยกลับมาเยอะมาก

          เราเคยเจอบางความคิดเห็นที่บอกว่าการไป WAT เหมือนไปเป็นพม่าต่างแดน ไปให้ลำบากทำไม อยู่ไทยสบายอยู่แล้ว อันนี้แล้วแต่ความเห็นส่วนบุคคลนะคะ แต่สำหรับเราชีวิตนึงเกิดมาทั้งทีไม่อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ เหรอ ไม่อยากได้เพื่อนใหม่ ไม่อยากเปิดหูเปิดตาหน่อยเหรอ

          ไม่มีการเดินทางครั้งไหนสวยงาม Perfect ค่ะ เราก็ผ่านความรู้สึกแย่ ๆ เคยร้องไห้เหมือนกัน แต่ทุกอย่างมันสั่งสมให้เราโตและเข้มแข็งขึ้นในอนาคต ถ้าสมมติเราไปครั้งนี้แล้วขาดทุนหรือมีปัญหาแย่ ๆ หนัก ๆ เราก็ไม่เสียใจค่ะที่ได้มา มาเพื่อที่จะได้รู้อย่าเพิ่งตัดสินว่า WAT ไม่ดี ถ้ายังไม่ได้ลองมา

          จบแล้วนะคะ ถ้าใช้คำผิดหรือข้อมูลไหนเราอาจบอกผิด ขอโทษด้วยค่ะ  ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ อยากให้กระทู้นี้เป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ในการตัดสินใจไป เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย

          อะไรก็ตามที่ไม่ได้ลองก็ไม่มีทางรู้ อย่างที่เจ้าของกระทู้กล่าวไว้จริง ๆ นะคะ ฉะนั้นใครที่ฝันอยากทำอะไรก็อย่ามัวแต่อ้างนั่นนี่ รีบลงมือเลยดีกว่า



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากคุณ Laksana Chaichana สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แชร์ประสบการณ์ Work&Travel 2 เดือนครึ่ง กับเงินที่ได้กลับมาเกือบ 3 แสน ! อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2558 เวลา 16:45:37 167,003 อ่าน
TOP