
ครม. ไฟเขียว เปิดทางกระทรวงคมนาคมสู้ศึกคดีโทลเวย์ หลังศาลพิพากษาถอนมติ ครม. เรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานโทลเวย์ ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา วอนทุกหน่วยงานอย่าละเลยหน้าที่ ชี้ต้องทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม ดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่พิพากษาให้เพิกถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 และวันที่ 10 เมษายน 2550 เรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง หรือโทลเวย์ ภายในวันที่ 17 กันยายน 2558
และที่ประชุม ครม. ยังได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้าร่วมเป็นพยาน หรือให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์อีกด้วย
ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมเรื่องการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับเรื่องคดีโทลเวย์นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลก่อน ๆ ที่หวังเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้ง จึงได้มีมติ ครม. ให้เอกชนลดค่าผ่านทางลง จนกระทั่งเมื่อเสร็จศึกเลือกตั้ง และได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ได้ออกมติ ครม. เรียกเก็บค่าผ่านทางสูงขึ้น เพื่อเป็นการชดเชยให้เอกชน จนทำให้มีผู้เสียประโยชน์ไปฟ้องคดี ผลปรากฏว่า ครั้งแรกศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ต่อมาได้มีผู้เสียประโยชน์อีกคณะหนึ่งนำเรื่องไปฟ้องใหม่ ปรากฏว่า ศาลตัดสินว่า มติ ครม. ในเรื่องดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเป็นการทำในลักษณะหวังผลประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งหลังมีคำตัดสินออกมา สำนักงานอัยการสูงสุด ก็ได้ทำหนังสือแจ้งมาว่า ให้รับตามนี้โดยไม่ต้องอุทธรณ์ แต่กระทรวงบอกว่าเป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะเป็นบรรทัดฐานให้เกิดการรวนไปทั้งระบบ จึงต้องขออุทธรณ์สู้คดี เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของรัฐ
ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีโทลเวย์ภายในที่ประชุม ครม. ว่า ตนขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง จำเรื่องคดีโทลเวย์ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับการดำเนินงานของกระทรวง เพื่อไม่ให้มีการปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต และหากจะทำอะไรก็ขอให้ทำเพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ และเพื่อประชาชนเป็นหลัก เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านใช้ในการทำงานเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งสิ้น
ภาพจาก brighttv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
