x close

9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่ แพงกว่านี้มีอีกไหม !

9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

          พกเงินหนา ๆ ถ้าจะไปเที่ยว 9 เมืองนี้ เพราะได้รับการจัดอันดับแล้วว่าเป็นเมืองที่อาหารราคาแพงท­ี่สุดในโลก

          การท่องเที่ยวต่างประเทศคงจะเป็นความใฝ่ฝันของใคร­หลาย ๆ คน ซึ่งการจะเดินทางแต่ละครั้งก็ใช้เงินจำน­วนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ไหนจะค่าของฝาก และที่สำคัญที่สุดก็คือค่าอาหารการกินนี่ล่ะ เพราะคงไม่มีใครที่จะไปเที่ยวต่างประเทศแล้วพกบะหมี่กึ่งสำเร็จ­­­รูปไปรับประทานตลอดทริปเป็นแน่ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารการกินก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย­­­ที่สูงไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูง จะรับประทานอะไรทีก็คงต้องคิดกันหนักเลย

          อย่างเช่น 9 เมืองท่องเที่ยวต่อไปนี้ซึ่งเป็นปลายทางในการเดินทางของหลาย ๆ คน ที่ว่ากันว่าราคาอาหารเนี่ยล่ะแพงหูฉี่จนเวลาจะเดินเข้าร้านอาห­­­ารทีก็ต้องคิดไปหลายตลบเลยเชียว เว็บไซต์  thedailymeal เขานำมาบอกให้นักเดินทางรู้


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

1. เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์

          เริ่มต้นกันด้วยเมืองที่ว่ากันว่ามีค่าอาหารแพงที่สุดในโลกอย่า­­­งเมืองออสโล ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียอย่างประเทศนอร์เวย์ ซึ่ง Seth Kugel เจ้าของเว็บบล็อกท่องเที่ยว Frugal Traveler ให้ข้อมูลที่น่าตกใจว่า เบียร์เพียง 1 กระป๋อง มีราคาสูงถึง 30 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 990 บาท) ในขณะที่กาแฟดำธรรมดาก็มีราคาถึง 4 เหรียญ (ประมาณ 132 บาท) เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าสูงมาก และถ้าหากคำนวณราคาอาหารแล้วละก็คุณอาจจะต้องเสียเงินถึง 285 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,405 บาท) เพื่ออาหารมื้อเย็นสำหรับ 2 คน

          แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นอร์เวย์ก็ยังเป็นประเทศสวยงามสำหรับการท่องเที่ยวเยี่ยมชมอยู่­­­ดี ซึ่งถ้าคุณอยากจะลดค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารการกินลงเวลาที่เดิน­­­ทางไปที่ประเทศนี้ ลองไปเดินตลาดเกษตรกรดูจะดีกว่า เพราะจะทำให้คุณได้อาหารที่ดีและมีประโยชน์ในราคาที่ถูกกว่า


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

2. เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

          เว็บไซต์ PriceOfTravel.com ได้จัดให้เมืองซูริคเป็นเมืองที่ใช้ค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในโลกสำหรับนักท่อ­งเที่ยว เพราะโดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเล่นสกีในแถบเทือก­­­เขาแอลป์ จะต้องจ่ายค่าอาหารถึงประมาณ 155 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,115 บาท) สำหรับต่อมื้อดินเนอร์สำหรับ 2 คน แถมร้านอาหารบางแห่งก็ยังชาร์จค่าน้ำเปล่าอีก ดังนั้นหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ซูริคละก็ลองแวะเวียนไปรับประท­­­านอาหารในย่าน Swiss Federal Institute of Technology ซึ่งเป็นย่านที่มีนักศึกษาอยู่มาก ราคาอาหารก็จะค่อนข้างถูกลงกว่าทั่วไป ทำให้คุณไม่ต้องกระเป๋าแบนเพราะค่าอาหารก่อนที่จะเดินทางกลับ


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

3. เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

          มาที่เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กกันบ้าง แค่อาหารเย็นมื้อเดียวก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนถึงกับทรุดได้ เพราะโดยเฉลี่ยแล้วค่าอาหารมื้อเย็นสำหรับ 2 ที่ ก็ปาเข้าไปถึง 153 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,049 บาท) นอกจากนี้ค่าเครื่องดื่มค็อกเทลเพียงแก้วเดียวก็ราคาสูงถึง 19 เหรียญ (ประมาณ 627 บาท) แล้ว และถึงแม้ว่าในเมืองจะมีอาหารที่ขายตามข้างถนน แต่ก็อย่าหวังว่าราคาจะถูก เพราะอาหารที่วางขายทุกชนิดริมถนนนั้นก็มีราคาตกอยู่ที่ราว ๆ 8 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 264 บาท) ต่ออาหาร 1 อย่าง


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

4. เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

          เมืองที่หลายคนใฝ่ฝันอย่างจะไปท่องเที่ยวอย่างเมืองลอนดอนก็ไม่­­­น้อยหน้า เพราะมื้อเย็นสำหรับ 2 ที่ก็ตกอยู่ที่ราว ๆ 93 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,069 บาท) ถึงอาจจะดูไม่สูงมาก แต่ถ้าเทียบราคาเป็นอย่าง ๆ ไปก็อาจจะทำให้คุณอึ้งไม่น้อย เริ่มกันที่เบียร์ 1 กระป๋อง ราคาอยู่ที่ 4 เหรียญ (ประมาณ 132 บาท) ค็อกเทลตกอยู่ที่ 16 เหรียญ (ประมาณ 528 บาท) อาหารตามร้านทั่วไปก็มีราคาอยู่ที่ประมาณ 50 เหรียญ (ประมาณ 1,650 บาท) แม้แต่อาหารที่ซื้อกลับบ้านก็ยังราคาถึง 22 เหรียญ (ประมาณ 726 บาท) เลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าคิดจะไปเที่ยวที่เมืองนี้ควรจะศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายด­­­ี ๆ ก่อนนะ


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

5. เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส

          เมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก มีค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินแพงไม่ใช่เล่น ๆ โดยแค่อาหารฟาสต์ฟู้ดก็อาจจะมีราคาสูงถึง 10 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330 บาท) เลยเชียวล่ะ แต่ขอบอกเลยว่าแม้ราคาอาหารจะแพงแต่ความคุ้มค่านั้นก็ไม่ยิ่งหย­­­่อนไปกว่ากัน เช่นเดียวกับเมืองท่องเที่ยวบางแห่งในโลกที่ในเมนูจะมีการแจงรา­­­ยละเอียดของอาหารให้คุณได้ทราบว่า เงินที่คุณจะเสียไปนั้นคุณจะได้รับประทานอะไรบ้าง ซึ่งคุณจะเสียราคาค่าอาหารอยู่ที่ราว ๆ 22 เหรียญ (ประมาณ 726 บาท) ต่อมื้อ นอกจากนี้ถ้าหากคุณอยากดื่มไวน์ ขอบอกเลยว่าตลาดไวน์ในปารีสก็มีไม่น้อย แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าการเข้าไปซื้อในร้านต่าง ๆ ที่สำคัญไวน์เหล่านั้นคุณก็สามารถลิ้มลองรสชาติก่อนตัดสินใจได้­­­อีกด้วย


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

6. สิงคโปร์

          บ้านใกล้เรือนเคียงของเรา ค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารก็ไม่ใช่ย่อย ๆ โดยคุณอาจจะต้องเสียเงินถึง 116 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,828 บาท) สำหรับอาหารมื้อเย็นเพียงมื้อเดียว เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมากนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณไม่ใช่คนเรื่องมากในการรับประทานอาหาร การแวะเวียนไปใช้บริการศูนย์อาหารหลาย ๆ แห่งในสิงคโปร์ก็จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ไม่น้อยเลยล่ะ แถมยังทำให้คุณได้รับประทานอาหารที่อร่อย รวมทั้งอาหารพื้นเมืองในราคาที่สมเหตุสมผลอีกด้วย


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

7. เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

          เมืองหลวงแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งก็ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพอยู่แล้ว คุณจะไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างอิ่มอร่อยเต็ม­­­ที่อย่างแน่นอนหากคุณต้องการจะเสียค่าอาหารน้อยกว่า 10 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330 บาท) ในเมืองโตเกียว เพราะโตเกียวนั้นถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารที่ขึ้นชื่อโดยเชฟระด­­­ับโลกเอาไว้เพียบ แถมอาหารแต่ละอย่างก็ใช้วัตถุดิบคุณภาพชั้นดีอีกด้วย แต่ถ้าสำหรับคนที่รักในการรับประทานอาหารญี่ปุ่นละก็ ที่นี่ล่ะถือเป็นสวรรค์ของแท้ แต่ราคาที่จ่ายก็อาจจะสูง บางร้าน ซูชิเพียงเซตเดียวก็อาจจะแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องที่บินมาเลยนะจะ­­­บอกให้


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

8. เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

          เพราะเมืองเวนิสไม่สามารถขนส่งวัตถุดิบทางรถได้ จะต้องใช้เรือเท่านั้น ดังนั้นอย่าแปลกใจหากคุณต้องเสียค่าอาหารกลางวันเฉลี่ยประมาณ 17 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 561 บาท) ซึ่งเคล็ดลับง่าย ๆ ของการประหยัดงบค่าอาหารเมื่ออยู่ในเวนิสคือ ควรเลือกรับประทานอาหารในร้านที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองจะดี­­­ที่สุด เพราะราคาอาหารในร้านที่อยู่ห่างจากกลางใจเมืองจะถูกกว่าในเมือ­­­ง ทำให้ได้รับประทานอาหารหลากหลายขึ้นในราคาที่ถูกกว่าในเมือง


9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่

9. มอสโก ประเทศรัสเซีย

          ปิดท้ายกันด้วยประเทศรัสเซีย เมืองมอสโกเป็นเมืองที่คุณสามารถหาซื้อวอดก้าในราคาถูกได้ง่ายสุด­ ๆ โดยตกขวดละไม่ถึง 6 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 198 บาท) ในขณะที่มื้อเย็นสำหรับ 2 ที่มีราคาสูงถึง 84 เหรียญ (ประมาณ 2,772 บาท) เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะเจอกับเรื่องค่าอาหารที่บวกขึ้นสำหรับ­­­นักท่องเที่ยว เพราะรัสเซียเป็นประเทศที่ขอวีซ่าอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณได้ไปเที่ยวที่มอสโกและอยากใช้จ่ายกับค่าอาหารอย่­างคุ้มค่า ลองไปลิ้มลองอาหารบุฟเฟ่ต์แบบรัสเซียที่ร้าน Grabli หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง Teremok จะช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหารได้เยอะเลยล่ะ

          ได้ทราบกันแบบนี้แล้ว ใครที่วางแผนท่องเที่ยวตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ เหล่านี้คงต้องรีบกลับมาคำนวณค่าใช้จ่ายกันใหม่แล้ว แต่ถ้าใครคิดว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากจะลองชิมอาหารท้องถ­­­ิ่นให้คุ้มละก็ ก็อย่าลืมเตรียมงบไปเยอะ ๆ หน่อยนะ ไม่อย่างนั้นอาจจะหมดตัวกับค่าอาหารจนอดเที่ยวให้หนำใจ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
9 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่อาหารการกินแพงหูฉี่ แพงกว่านี้มีอีกไหม ! อัปเดตล่าสุด 15 กรกฎาคม 2558 เวลา 18:18:26 3,316 อ่าน
TOP