x close

โซเชียลเตือนภัย...การกันวงเงินในบัตรเครดิต สำหรับเช่ารถ-เช่าโรงแรม



การกันวงเงินในบัตรเครดิต สำหรับเช่ารถ-เช่าโรงแรม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สวัสดี สมุย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            โซเชียลเตือนภัย ข้อควรรู้สำหรับการเช่าโรงแรม-เช่ารถ โดยการกันวงเงินในบัตรเครดิต เพื่อวางมัดจำ ทำอย่างไร เงินถึงไม่ถูกรูดออกไปและต้องตามเรื่องขอเงินคืนจนทริปกร่อย

            ใกล้จะถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็ทำให้หลาย ๆ คน พากันแห่จองรถ จองโรงแรม เพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเทศกาลแห่งความสุข และในตอนนี้การจองโรงแรม เช่ารถ ก็ทำได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพียงแค่มีบัตรเครดิตเท่านั้น แต่หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า เมื่อจองโรงแรมหรือเช่ารถแล้ว พนักงานอาจจะมีการกันวงเงินในบัตรเครดิตบางส่วนเอาไว้ด้วย วันนี้เราจึงมีเกร็ดความรู้เรื่องการกันวงเงินในบัตรเครดิต สำหรับผู้ที่ต้องการเช่ารถ-จองโรงแรม มาฝากกันจ้า

            ทั้งนี้ คุณ สวัสดี สมุย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้บอกข้อมูลดี ๆ เอาไว้ว่า...  สำหรับโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปแล้ว มักจะมีการเรียกเก็บเงินมัดจำประกันกับลูกค้า ขึ้นอยู่กับว่า ลูกค้าจะสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต ซึ่งถ้าลูกค้าสะดวกจ่ายเป็นบัตรเครดิตนั้น ก่อนที่พนักงานจะรูดบัตร ลูกค้าก็ควรถามว่า "นี่คือการ Verify Card หรือไม่" หากใช่ ลูกค้าก็สามารถสบายใจได้ แต่ถ้าหากพนักงานไม่เข้าใจ ก็ให้ถามว่า "มีเครื่อง Zipzap ไหม" เพราะหากเกิดความเสียหาย ทางโรงแรมหรือบริษัทเช่ารถสามารถเอาสลิปดังกล่าว ไปยื่นให้กับธนาคารเพื่อขอตัดบัตรเครดิตได้ แต่ก็ต้องมีการแจ้งไปยังเจ้าของบัตรเดรดิตก่อน แต่ถ้าหากไม่มีความเสียหายใด ๆ ก็ขอให้เจ้าของบัตรเครดิต ขอสลิปดังกล่าวคืน

            นอกจากนี้ วิธีการที่จะดูว่า ทางโรงแรมหรือบริษัทเช่ารถ ได้ Verify บัตร แต่ไม่ได้รูดเงินในบัตรไป นั่นก็คือ บนสลิปที่ออกมาจะมีคำว่า "Card Ver" ซึ่งเท่ากับเป็นการกันวงเงินในบัตรเครดิตเอาไว้ แต่ถ้าหากบนสลิปมีคำว่า "Sale" ก็เท่ากับเป็นการรูดเงินหักบัตรเครดิต และถ้าหากพนักงานทำในขั้นตอนนี้ผิด ผู้ถือบัตรเครดิต ก็สามารถเซ็นทักท้วง ให้พนักงานยกเลิกรายการนั้น ๆ และเปลี่ยนเป็นการกันวงเงินในบัตรเครดิตแทน

            นอกจากนี้ การกันวงเงิน ผู้ถือบัตรเครดิตไม่จำเป็นต้องเซ็นในสลิปแต่ประการใด จะมีสลิปเล็ก ๆ เอาไว้ให้เก็บแทน

            ส่วนในกรณีของการคืนเงินนั้น ทางโรงแรมหรือบริษัทเช่ารถ จะใช้เวลาคืนเงินเพียง 7 วัน โดยมีการทำหนังสือชี้แจงพร้อมลายเซ็นของหัวหน้าแผนก และมีการแนบหลักฐานว่าเหตุใดจึงต้องมีการคืนเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย

            สำหรับข้อความในกระทู้ "ฝากถึงทุกท่านที่ใช้ Credit Card ในการวางประกันกับโรงแรม หรือว่าบริษัทรถเช่า" มีดังต่อไปนี้

            ฝากถึงเพื่อนๆ  ในห้องบลู ทุกท่านนะครับ  เอามาฝากเผื่อหลายท่านยังไม่รู้  สำหรับท่านที่ทราบแล้วก็สามารถช่วยเสริมเพิ่มเติมได้ตามสบายเลยครับ

            ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเจ้าของกระทู้ทำงานอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย  คลุกคลีกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของลูกค้าบางเป็นบางโอกาส  ซึ่งโรงแรมตั้งแต่ 4 ดาวขึ้นไป มักจะมีการเรียกเก็บเงินค่าประกันห้องพักกับลูกค้า ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงแรม

            ตัวอย่างเช่น  นโยบายของโรงแรมที่เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ จะมีการเรียกเก็บเงินประกันค่าห้องพักกับลูกค้าคืนละ 1,000 บาท  สูงสุด 5,000 บาท/การเข้าพัก  เช่น อยู่ 3 คืน  3,000 บาท  แต่ถ้าอยู่เกิน 5 คืน เราจะเรียกเก็บค่าประกันห้องแค่ 5,000 บาท เท่านั้น  อันนี้แล้วแต่ลูกค้าว่าจะสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือว่าจะให้ทางโรงแรมทำการ Block วงเงินในบัตร credit card ของคุณลูกค้า
           
            **ตอนลูกค้า Check-in ทางพนักงาน Front จะทำการแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว  และสอบถามว่าลูกค้าต้องการที่จะวางเงินประกันแบบไหน **

            มาถึงจุดสำคัญของกระทู้นี้  หลังจากที่เกริ่นมาซะเยอะ

            หากโรงแรมให้ท่านวางเงินประกันค่าห้อง  หรือบริษัทรถเช่าให้ท่านวางเงินค่าประกัน  ในกรณีที่ท่านวางเงินมัดจำโดยใช้ credit card ขอให้ทุกท่านสอบถามกับทางพนักงานที่นำการ์ดของท่านไปทำการปฏิสนธิกับเครื่องรูดบัตรของพวกเขาว่า "เป็นการ verify card  ไม่ใช่รูดการ์ด ใช่ไหมเอ่ย"  ถ้าพนักงานตอบกลับมาว่า " ใช่ครับ/ค่ะ " ท่านก็นั่งจิบสตาร์บัค อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจได้ แต่ถ้าหากพนักงานทำท่าทาง งง ๆ  เกาหัวสามที  แล้วถามกลับมาว่า  "verify card คืออะไร" นั่นคือปัญหาแสดงว่าเขาใช้เครื่องรูดบัตรไม่เป็น

            แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง  เรามีวิธีแก้ไขให้ท่านถามต่อไปว่า "มีเครื่อง Zipzap ไหมจ๊ะ" ถ้าพนักงานบอกว่ามี  ก็ขอให้เค้า zipzap credit card ไว้แทนเพราะถ้าหากเกิดความเสียหายขึ้น ทางโรงแรมหรือบริษัททำการเรียกเก็บเงินท่าน โดยการทำเรื่องผ่านธนาคาร แล้วเอา slip zipzap ที่ได้ทำการ zipzap card ของท่าน ใช้เป็นหลักฐานกับทางธนาคารให้ตัดบัตร credit ของท่านได้  แต่ทั้งนี้พนักงานต้องแจ้งเรื่องไปยังท่านก่อนอยู่ดี  (หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นหลังจากที่ท่านได้คืนรถหรือว่า check-out ขอให้ท่านขอ slip zipzap กลับมาด้วยจะเป็นการดีมาก ๆ ครับ)

            ถ้าพนักงานบอกว่าไม่มีเครื่อง zipzap  ให้ท่านบอกให้พนักงานไปหาคนที่สามารถทำ verify card มาให้ได้  ถ้าไม่อย่างนั้นอย่ายอมเด็ดขาด......

            การ verify card นั้นคือการแค่ block วงเงินในบัตรของท่านเท่านั้น  ไม่ใช่การรูดเอาเงินออกไปจากบัตรเหมือนการซื้อของ

            แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า credit card ของเรานั้นจะถูก verify หรือถูกรูดเงินออกไป

ตัวอย่าง การที่มีการ verify



            **สังเกต ในกรอบสีเหลือง จะมีตัวย่อเป็นตัว "CARD VER" นั่นหมายถึง การ Block วงเงินในบัตรของท่านเท่าที่ทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าเรียกเงินประกัน **

            ป.ล. เงินของท่านจะได้รับการปลดล็อก ภายใน 7 วัน  หลังจากที่ท่าน Check-out หรือหลังจากที่ท่านคืนรถเช่าเรียบร้อยแล้ว  โดยทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าจะทำเรื่องส่ง Fax Slip credit card ของท่านเพื่อทำการปลดล็อกวงเงินในบัตรให้กับท่าน

            แต่ถ้าหากท่านเห็น Code "SALE" ใน slip ที่ทางพนักงานเอาไปรูดมาเมื่อไหร่ (พนักงานอาจเมายาดอง ลืมกด code verify)  ให้ท่านบอกพนักงาน void การรูดเงินครั้งนั้นออกจากเครื่อง เพราะถ้าปล่อยไปให้มีการ settlement ประจำวันเมื่อไหร่  นั่นหมายถึงเงินของทานถูกรูดออกมาจากบัตรเรียบร้อย และถูกโอนเข้าในบัญชีที่ผูกไว้กับเครื่องเรียบร้อยโรงเรียนลำยองไปแล้ว



            ** ถ้าเห็นแบบด้านบนในกรอบสีแดง ให้ท่านสวมบทยายปั้นจัดการกับลำยองได้เลย เพราะถ้าหากสวมบทวันเฉลิม ท่านอาจมายุ่งยากในภายหลังเพราะต้อง  รอ รอ รอ รอ  ให้ทางพนักงานส่งเรื่อง refund เงิน กับทางธนาคาร  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการให้เราเมื่อไหร่**

ตัวอย่างการ zipzap credit card




            ป.ล. การ verify card ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องเซ็น slip ตัวจริงที่ทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าจะต้องเก็บไว้ ให้ท่านเก็บ Slip copy ใบเล็ก ๆ เอาไว้เป็นหลักฐานด้วยนะครับ

            ป.ล. อีกรอบ  ข้อมูลอาจไม่เป๊ะ 100 % เหมือนกับพนักงานแบงก์ แต่จากประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้มาพอจะถ่ายทอดให้ได้เท่าที่รู้หรือหากมีท่านใดจะเพิ่มเติมเชิญได้เลยครับ  เผื่อเจ้าของกระทู้ผิดตรงไหน ขาดตรงไหนไป

            ปล. รอบที่ 3  ปกติการทำ refund กับทางธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบแค่ 7 วันทำการเท่านั้น (อ้างอิงจากเคส รูดการ์ดผิดของลูกค้าแล้วต้องทำการคืนเงินให้  ธนาคารกรุงศรีบอกมาว่าใช้เวลาดำเนินการแค่ 7 วัน  แต่ทางบริษัทหรือทางโรงแรมจะต้องออกหนังสือชี้แจงกับทางธนาคาร และเป็นหนังสือที่เชื่อถือได้มีลายเซ็นของ FC หรือหัวหน้าแผนกบัญชีของที่นั้น ๆ กำกับ  พร้อมแนบหลักฐานว่าทำไมถึงต้องมีการ refund ให้ทางธนาคารทราบ) แต่หากพนักงานที่ไหนบอกท่านว่า  15 วัน หรือว่า 1 เดือนเป็นอย่างต่ำให้ท่านตระหนักไว้ว่า  มันกำลังติดละคร ทองเนื้อเก้า  หรือไม่ก็ซีรีส์เกาหลี  ชัวร์  จนไม่มีเวลาดำเนินการเรื่องเอกสารให้

            ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยว  ที่ไม่สะดุดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ทริปของท่านต้องกร่อย......





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โซเชียลเตือนภัย...การกันวงเงินในบัตรเครดิต สำหรับเช่ารถ-เช่าโรงแรม อัปเดตล่าสุด 11 ธันวาคม 2557 เวลา 17:31:19 15,114 อ่าน
TOP