น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา


น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

             เผยเรื่องราวของ น้อง พูนสุขวัฒนา เด็กสาวจากกรุงเทพมหานคร ที่กลายมาเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในสหรัฐอเมริกา...จากคนที่ไม่มีอะไร สู่การเป็นนักธุรกิจอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จ

             เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมามีรายได้น้อย บางคนเกิดมาครอบครัวไม่สมบูรณ์ และอีกหลาย ๆ ปัจจัยที่บั่นทอนให้ชีวิตของเราอยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีเด็กสาวคนหนึ่งจากเมืองไทย ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กสาวที่ครอบครัวมีปัญหา สู่การเป็นเจ้าของร้านอาหาร "น้อง ข้าวมันไก่" ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เธอเองยังโชว์ความสามารถด้วยการไปขึ้นเวที TEDxPortland ที่มีผู้ฟังนับร้อยยืนปรบมือให้เธอด้วย...วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ "น้อง พูนสุขวัฒนา" กัน

น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

             น้อง พูนสุขวัฒนา เผยว่า เธอเป็นเจ้าของร้านอาหาร "น้อง ข้าวมันไก่" และร้านรถเข็นในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นเจ้าของสูตรน้ำจิ้มข้าวมันไก่ใส่ขวด ที่มีวางขายตามซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป

             เธอเกิดที่กรุงเทพมหานคร มีคุณแม่เป็นแม่ครัวในร้านอาหาร ส่วนคุณพ่อเป็นคนติดเหล้าและไม่มีงานทำ คุณพ่อเธอมักจะตบตีทั้งเธอ คุณแม่ พี่สาว และสุนัขในบ้านเป็นประจำ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านต่างก็ล้อเลียนเธอเกี่ยวกับคุณพ่อด้วยกันทั้งนั้น เธอเองฝันว่าสักวันจะไปให้ไกลจากที่นี่ แล้วก็มีแมลงสาบขนาดใหญ่มาไต่หน้า แล้วเธอก็ฆ่ามันด้วยมือของเธอเอง แต่ในตอนนี้เธอได้มายืนอยู่บนเวทีที่ยิ่งใหญ่อย่าง Ted

น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

             ในตอนแรกที่มาถึงที่สหรัฐอเมริกา น้อง บอกว่า พี่ของเธอได้ให้เงินไว้ 300 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,000 บาท) แต่ระหว่างที่รอเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีใต้ เธอได้ใช้เงินนั้นซื้อน้ำหอมและเครื่องสำอาง จนเธอเหลือเงินแค่ 70 ดอลลาร์ (2,300 บาท) จากนั้นเธอได้งานแรกหลังจากที่มาอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ 3 อาทิตย์ โดยเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ในตอนนั้นเธอเองยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยซ้ำ และคำแรกที่เธอรู้คือ คำว่า whore (อีตัว) ที่เธอได้จากการดูโชว์ของ เจอร์รี่ สปริงเกอร์

             น้องได้เรียนภาษาอังกฤษและทักษะต่าง ๆ ในชีวิตจากการทำงานในร้านอาหาร เธอไม่เคยได้เรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกาเลย ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ทั้งวันทั้งคืน ในฐานะพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทยในโอเรกอน เธอบอกด้วยว่าเคยพยายามสมัครงานอื่นแต่ก็ไม่มีใครรับ หลังจากที่ทำงานมาได้ 5 ปี เธอก็รู้สึกเศร้าเสียใจกับชีวิตของตัวเอง เธอจึงไปสมัครงานแม่ครัวในร้าน "ป๊อกป๊อก"

น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

             การทำงานในร้าน  "ป๊อกป๊อก" ทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง และที่สำคัญคือเธอกลับมามีความสุขอีกครั้ง และเธอก็รู้ว่าฝรั่งเองก็ชอบอาหารไทยไม่แพ้เธอเช่นกัน ซึ่งกว่าที่เธอจะรู้ก็ต้องใช้เวลากว่า 6 ปี ในการที่จะเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง ก่อนจะนำเงิน 1,300 ดอลลาร์ (43,000 บาท) ไปซื้อรถเข็นขายอาหาร

             ด้วยความที่เธอชื่นชอบข้าวมันไก่ และคิดว่าการขายข้าวมันไก่น่าจะทำรายได้ดี ทุกวันหลังเลิกงานเธอจึงลองทำสูตรข้าวมันไก่ด้วยตัวเอง ทดลองใช้ไก่จากที่ต่าง ๆ และข้าวจากแหล่งต่าง ๆ รวมทั้งลองปรุงสูตรน้ำจิ้มด้วยตัวเอง ซึ่งเธอทำทั้งหมดในครัวที่อพาร์ทเม้นท์ เธอเองไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ แต่เธอก็ได้พยายามอย่างที่สุด แม้ว่าครอบครัวของเธอจะไม่มีใครสนับสนุนเลยก็ตาม

น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม.. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา

             ในตอนแรก เธอก็พยายามลองสูตรข้าวมันไก่ไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 ปีครึ่ง เธอก็รู้ว่า การทำข้าวมันไก่ ไม่ใช่แค่ทำข้าวและไก่ให้อร่อย แต่ต้องเรียนรู้การทำธุรกิจด้วย ตอนนี้คนก็เริ่มมองว่าเธอเป็นผู้นำ และเริ่มเรียกเธอว่า "เชฟน้อง"

             น้อง บอกอีกว่า สิ่งที่คุณแม่ของเธอสอนมาตลอดคือ เราจงเป็นผู้ให้ แล้วเราถึงจะได้รับ เคารพลูกค้า และอย่าลืม "ยิ้ม" การทำธุรกิจไม่ง่าย เพราะเธอก็ทำผิดพลาดมาหลายอย่าง สิ่งที่ทำให้เธอได้เรียนรู้มาตลอดคือ เธอเองอยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ และเธอก็รู้ว่าเธอคงไม่มีวันสมบูรณ์แบบ ยังคงห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ แต่การเดินทางมาถึงจุดนี้ของเธอช่างวิเศษ และเส้นทางนี้คงไม่มีวันจบ และหวังให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ

             "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ คุณต้องลงมือทำอย่างจริงจัง และเมื่อคุณได้รับโอกาสนั้น ก็ใช้โอกาสทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทำให้มันเหนือความคาดหมายของทุกคน แล้วคุณจะประหลาดใจกับผลที่ได้รับกลับมา"



world_id:555aaf9c38217af144000000







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้อง พูนสุขวัฒนา จากเด็กบ้านแตกใน กทม. สู่การเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ในอเมริกา อัปเดตล่าสุด 22 พฤษภาคม 2558 เวลา 17:42:43 13,336 อ่าน
TOP
x close