เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ kanie22 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม,
เฟซบุ๊ก ALL ABOUT JAPAN E-Magazine,
abjmagazine.com หลายคนเฝ้าเก็บหอมรอมริบเพื่อให้มีโอกาสได้ออกเดินทางไกลสักครั้ง แต่กว่าจะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็อาจจะนานจนทริปแทบล่ม ดังนั้นในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำรีวิวดี ๆ ของคนงบน้อยที่กล้าออกไปเที่ยวไกลถึง ฟุกุโอกะและนางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเงินเพียง 15,000 บาทเท่านั้น แถมยังเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวซะด้วย ว้าว ! เขาทำได้อย่างไร เราลองไปดูข้อมูลจาก คุณ kanie22 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม พร้อมกันเลยจ้า หญิงเดี่ยว...เที่ยวฟุกุโอกะ-นางาซากิ กับ งบ 15,000 บาท โดย คุณ kanie22 การไปเที่ยวครั้งนี้ได้ตั๋วโปรจาก Jetstar ไป-กลับ กทม.-ฟุกุโอกะ ราคาเบ็ดเสร็จ 6,300 บาท (บวกค่าโหลดกระเป๋าขากลับ ประมาณ 300 บาท ราคาตั๋วจริงคือ 5,951 บาท)

โดยเน้นชิล ๆ ตามประสา ผู้หญิงเดินทางคนเดียวและตั้งใจคลายเครียดจาก Thesis ที่เพิ่งผ่านและเพิ่งจบ เลยอาจไม่ได้ไปเที่ยวทุก Landmark ด้วยเวลา 3 วัน 3 คืน
ก่อนจะไปเที่ยว เราไปเจอโปรโมชั่นดี ๆ จาก Jetstar บินตรงสู่ ฟุกุโอกะ ในราคาไม่ถึง 6,000 บาท จะช้าอยู่ไย ลองกดเล่น ๆ เอ้า จองไปซะและ ว้าาาา แย่จัง ได้ตั๋วมาราคา 6,300 โดยประมาณ ท่านใดที่คิดจะจองโปรของ Jetstar เราเตือนคุณไว้ก่อนว่า คุณต้องรับ Conditions ดังต่อไปนี้ได้ - ไม่มีอาหารและน้ำตลอด 5 ชั่วโมง ในการเดินทาง
- เครื่องบินลำเล็ก A320 แถว 3-3 นั่งแบบพับคองอเข่าอารมณ์แอร์เอเชีย
- ไม่สามารถโหลดกระเป๋า Carry on ได้ 10 กิโลกรัม
แต่ทั้ง 3 ข้อ แก้ปัญหาได้โดยการ add on เข้าไปซึ่งก็จะเป็น 6,300 แบบเรา เพราะ ADD โหลดกระเป๋าขากลับ 15 กิโลกรัม สำหรับเราเหล่านี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยบินโลด

ไฟล์ทของ jetstar เวลาดี ตอนขาไป ออกตี 2.30 น. ถึงนู่น 9.30 น. โดยประมาณ ตรวจคนเข้าเมืองอะไรแล้วก็ประมาณ 10 โมง เดินออกมาสวย ๆ เพราะไม่ต้องรอกระเป๋า แล้วที่แรกที่เราจะไปคือ นางาซากิ !!

ตอนแรกออกจาก Terminal ตรงต่อ Shuttle bus เพื่อไปต่อรถไฟเข้าเมืองฟุกุโอกะ แล้วต่อรถไฟไปนางาซากิ แต่ด้วยความที่เห็นป้ายบอกว่า มีรถเมล์ไปนางาซากินะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง พอ ๆ กับรถไฟ แล้วเราจะช้าอยู่ไย ยืนรอรถเมล์ ปรากฏว่า คุยกันกับคนขับรถเมล์ ด้วยภาษาอังกฤษระดับด้อย ความว่า รถเมล์ขาไป นางาซากิ 2,570 เยน หรือ 850 บาท

รถบัสที่นั่งไปก็อารมณ์นี้ค่ะ ตลอดทางมีแวะพักระหว่างทางด้วย พอดีว่าฝนตก ไอ้เราก็ไม่ได้พกร่มมาด้วย เลยจัดซื้อร่มไป 1 คัน ราคาประมาณ 60 บาทไทย เบา ๆ

ก่อนจะเล่าสิ่งอื่นต่อไป มีคนคงสงสัยว่า ทำไมกล้าไปผู้หญิงคนเดียว ตอบกันเคลียร์ ๆ ตรงนี้แบบไม่อายว่า ภาษาอังกฤษอ่อนด้อยมากค่ะ ระดับโทอิค 450 คะแนน เอาให้เห็นภาพ ส่วนภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย มีความรู้ภาษาจีนนิดหน่อย เห็นตัวญี่ปุ่นที่คล้าย ๆ ภาษาจีนพอเดาได้ว่า ที่นี่คือ ห้องน้ำ โรงพยาบาล โรงแรม ธนาคาร อะไรแค่นั้น นอกนั้นภาษาญี่ปุ่นที่รู้คือ "ไฮ" คำเดียวค่ะ เรามองว่าญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ปลอดภัยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เลยไม่กลัวการที่จะไปคนเดียวสักเท่าไร

นั่งรถบัส 2 ชั่วมง จริง ๆ ฝนตกตลอดทางแต่ไม่แรงมาก เราก็ถึงนางาซากิ มาส่งที่สถานี JR Nagasaki เราพักโรงแรม Casa Noda Nagasaki ใกล้ ๆ กับ JR และรถราง เลยเลือกนั่งแท็กซี่ไป สุดท้ายก็โรงเแรมเอากระเป๋าไปเก็บ

โรงแรมเราจองมาจาก Agoda ที่ไทย เป็นโรงแรมแบบ Dorm ในราคา คืนละ 2,400 เยน หรือ 792 บาท แต่ด้วยความที่ มาถึงปั๊บ โรงแรมบอกว่ามีการ Overbook เรานอนที่นี่ได้ แต่ต้องนอนพื้นนะคะ คืนเงินให้ 900 เยน หรือ 200 กว่าบาท กลายเป็นว่าคืนนี้จ่ายค่าที่พักไป 495 บาทเท่านั้น !! ด้วยความที่ไม่ซีเรียสเรื่องนอนเท่าไร และห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ก็สะอาดสะอ้านดี ก็เลยสบายใจเก็บของใส่ล็อกเกอร์ ออกเดินทางเที่ยวต่อ

ขอเล่าไปเรื่อย ๆ ก่อนละกันนะคะ ส่วนค่าใช้จ่ายเดี๋ยวสรุปให้ตอนท้าย แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าในเมืองนางาซากิ เป็นเมืองที่มีรถราง แล้วเราก็เน้นใช้รถรางเป็นหลักในการเดินทางครั้งนี้ โดยตั๋วรถรางแบบ One day pass ราคา 500 เยน หรือ 165 บาทค่ะ

หลังจากขึ้นรถรางแล้ว ก็มุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์ที่นางาซากิ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการโดน Bomb โดย ปรมาณู ที่ชื่อว่า fat man ก่อนถึงพิพิธภัณฑ์ ก็มีซากปรัก หักพังที่เป็นสัญลักษณ์เอาไว้ให้ระลึกถึง

ระหว่างทางฝนตกปรอย ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ก็เดินชิล ๆ พร้อมร่มสีใส น่ารักมุ้งมิ้งตามประสาคนมาคนเดียว ถ่ายรูปพอเป็นพิธี แล้วก็เดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งห้ามถ่ายรูปใด ๆ

ออกจากพิพิธภัณฑ์เราก็มุ่งหน้าไปต่อที่ สวนสันติภาพของนางาซากิะ เดินถึงกันได้ ออกกำลังกายเบา ๆ

เดินเล่นสวนสันติภาพเสร็จ ก็นั่งรถรางกลับ แล้วเดินเล่นแถว JR Nagasaki แหล่งช้อปปิ้งย่อม ๆ เลยก็ว่าได้

ฝนเริ่มตกแรงขึ้น เลยตัดสินใจเข้าไปเดินเล่นในห้างของ นางาซากิ สักหน่อย CoCo Walk

ของน่ากินมากเลยทีเดียว นึกขึ้นมาได้ ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน เริ่มหิวละ ก่อนหน้านี้ลืมหิว เลยแวะกินที่ coco walk เป็นข้าวหน้าเนื้อธรรมด๊า ธรรมดา 480 เยน หรือ 158.40 บาทค่ะ ทานข้าวเสร็จ รู้สึกอ่อนล้าจากการเดินทางวันแรกมากมาย เลยตัดสินใจกลับเข้าที่พัก แล้วก็จัดของตามประสา อาบน้ำ แล้วก็นอน เพื่อเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้

วันที่ 2 ตื่นเช้ามาก็ทานอาหารเช้าของ Dorm เป็นขนมปังปิ้งธรรมดา แต่ก็ช่วยพออิ่มได้ แล้วเดินเล่นยามเช้าไปยัง Nagasaki port ,Japan นั่งดูทะเลกับท่าเรือไปเรื่อย ๆ ก็ถึงเวลาออกจากนางาซากิ มายังฟุกุโอกะ โดยการนั่งรถไฟจากสถานี JR Nagasaki ตรงสู่ JR Hakata ราคาแพงกว่ารถบัส แต่ว่าอยากได้ประสบการณ์ใหม่ เลยลองนั่งรถไฟดู ราคา 4,190 เยน หรือ 1,382 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ถึง Hakata มุ่งตรงสู่ที่พัก โดยซื้อ one day pass 620 เยน หรือ 205 บาท

ก่อนถึงที่พัก ไปแวะทานราเมงกันสักหน่อย 500 เยน หรือ 165 บาท

จากนั้นก่อนเอากระเป๋าเก็บ ก็เดินเล่นต่อที่บริเวณวัด Shofukuji Zen เดินรอบ ๆ วัด เห็นบ้านเรือนแบบญี่ปุ่น อากาศชื้น ๆ ได้กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ก็ฟินไปอีกแบบค่ะ

หลังจากนั้นเช็กอินเข้าที่พัก เก็บของเรียบร้อย ที่นี่ก็นอนสบาย ห้องน้ำสะอาด ราคา 2 คืน 1,500 บาทค่ะ จองจาก Agoda เช่นกัน

เก็บของเรียบร้อย ออกเดินทางต่อไปในเมือง ฟุกุโอกะ วันนี้เราเน้นแหล่งช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็น Canal City, JR Hakata, Tenjin ตระเวณรอบฟุกุโอกะ ชนิดที่ว่า มีแหล่งช้อปที่ไหนเราพร้อมพุ่งไปที่นั่น

ช้อปเลยเถิด ที่ช้อปก็ไม่ใช่ของตัวเองแต่อย่างใดของเพื่อนทั้งนั้น ก่อนกลับที่พักจัดหนักสักมื้อ 880 เยน หรือ 290 บาท

หมดไปอีกวันสำหรับทริปวันที่ 2

มาถึงวันที่ 3 วันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยว ก็เหมือนเดิมทานปังปิ้งจากที่พัก แล้วออกเดินทางโดย Subway ซื้อตั๋ว one day pass 620 เยน 205 บาท แล้วมุ่งหน้าสู่ Fukuoka Tower ลงใต้ดินมา แล้วขึ้นจากใต้ดิน เดินจากสถานีไกลพอสมควร แต่ด้วยวันนี้แดดออกเดินเล่น ชิล ๆ ชมนกชมไม้ แล้วก็ถึงสวนสาธารณะหน้าตึก

เดินไกลเรียกว่าได้เหงื่อประหนึ่งเล่น T25 แต่มาเห็นน้ำใสไหลเย็น เลยถือโอกาสนั่งพักสักหน่อย

พักจนหายเหนื่อย เดินต่อไปยัง Fukuoka Tower กันดีกว่า

บนตึกมีมุมถ่ายรูปมากมายค่ะ

หลังจากชมวิวจนสบายใจแล้ว เราก็ลงจากตึก ข้ามถนนมาที่ Momochi Seaside Park ชายหาดญี่ปุ่น ที่มีคนมาเล่นกีฬากัน แต่ตอนเราไป 11.00 น. คนเลยไม่มี เพราะแดดร้อนมากกก แต่ถ้าเทียบกะไทยแดดไม่ร้อนเลยค่ะ ส่วนตัวเราว่าน้ำทะเลที่ญี่ปุ่น ไม่ใส สวย เหมือนบ้านเรา ^^ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี แล้วจะเที่ยวไม่ได้ การเปิดประสบการณ์ใหม่ อาจจะเจอสิ่งที่ดีกว่าหรือแย่กว่า นั่นคือประสบการณ์ในชีวิตเรา !!

หลังจากเดินเล่นชายหาด ก็นั่งรับลมทะเลสาดเข้าหน้า ให้หน้าดำเล่น ๆ แล้วก็เดินทางต่อไป JR HAKATA เพื่อมุ่งตรงไปยัง Dazaifu จุดหมายต่อไป

ก่อนขึ้นรถไฟ ทานราเมงไป 500 เยน 165 บาทค่ะ

และแล้วเราก็มาถึง Dazaifu ใช้เวลาเดินทางไม่นานค่ะ ที่นี่สวยและน่าเที่ยวมากกกก เดินได้หรือสามารถอยู่ได้ทั้งวัน

เราเที่ยวทั้งในส่วนของวัดและพิพิธภัณฑ์ จริง ๆ อยากเช่าจักรยานปั่นไปรอบ ๆ แต่เนื่องด้วยกลัวทำผิดกฎจราจรของเขาเลยไม่กล้า ฮ่า ๆ

บรรยากาศค่ะ

เราใช้เวลาทั้งบ่ายอยู่ที่ Dazaifu ค่ะ พอกลับจาก Dazaifu เราก็มาต่อที่สวนสาธารณะ Ohori ซึ่งเราชอบมาก ๆ ลมเย็น ๆ มีคนออกกำลังกาย นั่งปลดปล่อยอารมณ์ โล่งสมองดี

จากนั้นเราก็ช้อปปิ้งต่อ จากของที่เพื่อน ๆ ฝากซื้อ และเราก็เต็มใจที่จะรับออเดอร์ เพราะชอบช้อปปิ้งแต่ไม่ชอบเสียตัง ถึง 3 ทุ่ม หิวเบา ๆ เลยจัดหนักเป็นข้าวหน้าปลาเหล่านี้ อยากบอกว่าฟินมากกกก
เข้าที่พัก ตอนเช้าออกจากที่พัก 7.30 น. เครื่องออก 10.30 น. ถึง กทม. 14.30 น. แต่ด้วยเครื่องบินดีเลย์ ออก 11.30 น. จึงถึง กทม. 15.30 น. แต่ก็ถึงโดยสวัสดิภาพค่ะ มาสรุปกันค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ตอนแรกจะแลกเงินไป 8,000 บาทไทย แต่ด้วยธนาคารที่รับแลกมีแต่แบงก์หมื่นเยน เลยได้แลกมาแค่ 6,300 บาทไทยเท่านั้น (แต่มีเงินเยนติดกระเป๋าอยู่อีกประมาณ 10,000 เยน)
วันแรก ฟุกุโอกะไปนางาซากิ ราคา 2,570 เยน หรือประมาณ 850 บาท
ซื้อตั๋ว one-day ของนางาซากิ ราคา 500 เยน หรือเท่ากับ 165 บาท
ข้าวหน้าเนื้อ ราคา 480 เยน หรือ 158.40 บาท
เครปเย็น ราคา 500 เยน หรือ 165 บาท
สรุปวันแรก ใช้เงินไป 1,500 บาท (โดยประมาณ เนื่องจากมีค่าจิปาถะอีกประมาณ 200 กว่าบาท)วันที่ 2 นางาซากิมา ฟุกุโอกะ โดยการนั่งรถไฟ ราคา 4,190 เยน เท่ากับ 1,382 บาท โดยเป็นแบบไม่เลือกที่นั่ง
ราเมง ราคา 500 เยน หรือเท่ากับ 165 บาท
ซื้อบัตรแบบ one day pass ราคา 620 เยน หรือเท่ากับ 205 บาท ใช้ Subway ของฟุกุโอกะครอบคลุมได้ หลายสายอยู่เหมือนกัน
ซูชิ ราคา 880 เยน หรือเท่ากับ 290 บาท ซื้อขนมกรุบกริบเข้าโรงแรมประมาณ 200 บาทไทย
สรุปวันที่ 2 ใช้เงินไป 2,332 บาท
วันที่ 3 ซื้อบัตร one day pass 620 เยน หรือเท่ากับ 205 บาท
Dazaifu ซื้อแยก ไป-กลับ 800 เยน หรือเท่ากับ 265 บาท
ค่าฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ 600 เยน หรือประมาณ 200 บาท
ราเมง 550 เยน หรือเท่ากับ 180 บาท
สตาร์บัคส์ แก้วละ 200 บาทไทย
ปลาดิน 1,030 เยน หรือ 340 บาท แล้วก็ขนมนิดหน่อย อีกประมาณ 200 บาท
สรุปวันที่ 3 ใช้เงินไป 1,590 บาท ส่วนในวันสุดท้าย จ่ายค่ารถไฟมาแอร์พอร์ต 260 เยน หรือ 85 บาท
อ่านมาทั้งหมด หลายคนงงว่าไปญี่ปุ่นทั้งที กินแค่นี้เองเหรอ คือเราไปทริปนี้เราไม่ได้โฟกัสเรื่องกิน เรากินอะไรก็ได้ ร้านไหนก็ได้ เพราะเราเน้นเที่ยว และเต็มที่กับการกินมากนะ ถ้าหิวเราก็กินไม่ฝืน แต่ก็กินไปเท่านั้นจริง ๆ เบ็ดเสร็จ สรุปค่าใช้จ่ายที่ไปครั้งนี้ (ไม่รวมที่เพื่อนฝากซื้อของ ส่วนตัวเราไม่ได้ช้อปอะไร) - ค่าเครื่องบิน ไปกลับ 6300 บาท (เพิ่มโหลดกระเป๋า 15 กิโลกรัม ขากลับ) - ค่าที่พัก 2000 บาท 3 คืน
- ค่ากินเที่ยว รถไฟ รถ และจิปาถะ รวม 3 วัน = 5,422 บาท - ค่ารถไฟค่ากลับ 260 เยน หรือ 85 บาท รวมทั้งหมด 13,807 บาท ถ้วน สรุปว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เฮ !!!