เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ยกเลิกกองทุนน้ำมันแล้วจะเป็นอย่างไร ชาวบ้านอย่างเราจะได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ หรือจะได้ประโยชน์มากกว่า ตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน
น่าจับตามองเป็นอย่างมากว่า นโยบายการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมาในทิศทางใด เมื่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้ คสช. ยกเลิก "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" เพราะเห็นว่าการที่รัฐเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมกับราคาน้ำมันขายปลีกในท้องตลาด ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและออกมาคัดค้าน
ชาวบ้านอย่างเรา ๆ ฟังแล้วอาจคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปากท้องของเราทั้งสิ้น ดังนั้น หากทราบข้อมูลคร่าว ๆ ไว้บ้างก็น่าจะมีประโยชน์ในการติดตามข่าวสาร เราลองมาไล่เรียงดูละประเด็น
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืออะไร
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คือ กลไกที่รัฐใช้เพื่อป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง และพยุงราคาน้ำมันไม่ให้สูงตามตลาดโลก ด้วยการนำเงินจากกองทุนไปอุดหนุนให้เป็นการชั่วคราว เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันมากเกินไป อีกทั้งยังบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย
อ่านความหมาย “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ได้ที่นี่
รายได้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจากไหน
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะได้รับเงินจากผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง และผู้นําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ภายในประเทศ โดยกลุ่มนี้มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามอัตราที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานกำหนด ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ และสถานการณ์ราคาน้ำมันในแต่ละช่วงเวลาเป็นหลัก
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อมูล ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2557 จะพบว่า อัตราเป็นดังนี้
ชนิดพลังงาน | ส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง |
น้ำมันเบนซิน (ULG) | 10 บาทต่อลิตร |
แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) | 3.30 บาทต่อลิตร |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 1.20 บาทต่อลิตร |
น้ำมันดีเซล | 0 บาทต่อลิตร * |
E20 | - 1.05 บาทต่อลิตร ** |
E85 | - 11.60 บาทต่อลิตร ** |
ก๊าซหุงต้ม (สำหรับผู้มีรายได้น้อย) | 0.4299 บาทต่อกิโลกรัม |
ก๊าซหุงต้ม (ภาคครัวเรือน) | 0.4299+4.2056 = 4.6355 บาทต่อกิโลกรัม |
ก๊าซหุงต้ม (ภาคขนส่ง) | 0.4299 + 3.0374 = 3.4673 บาทต่อกิโลกรัม |
ก๊าซหุงต้ม (ภาคอุตสาหกรรม) | 0.4299 + 11.22 = 11.6499 บาทต่อกิโลกรัม |
*มติ กบง. เมื่อ 24 มิ.ย.57 ปรับลดการจัดเก็บเงินในส่วนของดีเซลเข้ากองทุนน้ำมัน จากเดิม 0.81 บาทต่อลิตร เป็น 0 บาทต่อลิตร
**E20 และ E85 ไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน โดยได้รับชดเชยจากกองทุนในการพยุงราคา
ในส่วนของก๊าซหุงต้ม (LPG) นั้น มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 2 ส่วน คือ
ส่วนแรก เรียกเก็บ 0.4299 บาทต่อกิโลกรัม เท่ากันทั้งส่วนของผู้มีรายได้น้อย ภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรม เงินส่วนนี้เก็บเพื่อทำให้ราคา LPG หน้าคลังเท่ากันทั่วประเทศ โดยนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากโรงแยกไปยังคลังต่าง ๆ
ส่วนที่ 2 เรียกเก็บไม่เท่ากัน (ภาคครัวเรือน 4.2056 บาท, ภาคขนส่ง 3.0374 บาท และภาคอุตสาหกรรม 11.22 บาท ในส่วนของผู้มีรายได้น้อยไม่เรียกเก็บ) เพื่อนำไปชดเชยราคาให้แก่โรงกลั่นและการนำเข้า LPG
ทั้งนี้ ตัวเลขปัจจุบัน ณ สิ้นวันที่ 22 มิถุนายน 2557 พบว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีสินทรัพย์รวม 8,083 ล้านบาท หนี้สิน 15,605 ล้านบาท เท่ากับมีฐานะสุทธิ ติดลบ 7,522 ล้านบาท (ตรวจสอบฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอัพเดทได้ที่นี่)
กองทุนน้ำมัน ควรยกเลิกหรือไม่ หรือแนวทางไหนดีกว่ากัน ?
เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรว่า ควรยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีหรือไม่ เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะช่วยป้องกันความผันผวนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ อีกทั้งยังช่วยอุดหนุนแก๊สแอลพีจี ทำให้ประชาชนได้ใช้แก๊สในราคาถูกกว่าตลาดโลก แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ที่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนลิตรละ 10 บาท เพื่อไปอุดหนุนพลังงานอื่น ๆ จึงเกิดความไม่เป็นธรรม และยังทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือยด้วย
เหตุผลของฝ่ายที่เห็นด้วยกับการยุบกองทุน | เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบกองทุน |
- การเก็บเงินเข้ากองทุนเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ที่ต้องจ่ายเงินมากขึ้น เพื่อนำเงินไปอุดหนุนผู้ใช้แก๊สแอลพีจี, ดีเซล - ปัจจุบันการใช้กองทุนน้ำมันผิดวัตถุประสงค์ เพราะมีการนำไปใช้ตรึงราคาเป็นเวลานานเกินไป จนทำให้กองทุนเป็นหนี้ - เป็นการบิดเบือนโครงสร้างพลังงาน เพราะราคาไม่สะท้อนกลไกตลาด - การอุดหนุนของกองทุน ทำให้คนใช้น้ำมันที่ตรึงราคาไว้อย่างฟุ่มเฟือย เช่น ดีเซล ภาครัฐสูญเสียรายได้มากขึ้น - นักการเมืองนำกองทุนน้ำมันไปเป็นเครื่องมือหาเสียงประชานิยม ด้วยการประกาศว่าจะยกเลิก/ปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุน เพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง
| - หากราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน กองทุนน้ำมันจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศได้ ด้วยการเข้าไปช่วยตรึงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นเกินไป - การปล่อยราคาเป็นไปตามกลไกตลาดจะเกิดผลกระทบต่อประชาชน เพราะราคาสินค้า-อาหาร-ขนส่งจะสูงขึ้นตามค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้น - การยุบกองทุนไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ควรลดการเก็บเงินจากน้ำมันเบนซิน แล้วไปเก็บจากผู้ใช้แอลพีจีเพิ่ม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม - กระทบต่อนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทน เพราะคนจะกลับไปใช้น้ำมันเบนซินแทนเอทานอล ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน - การที่คนกลับไปใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ทำให้ประเทศต้องนำเข้าน้ำมันมากขึ้น - หากจะยุบกองทุนน้ำมัน ควรมีคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เหมือนในประเทศอื่น ๆ ก่อน |
จะเกิดอะไรขึ้น หากกองทุนน้ำมันถูกยุบ !
ลองมาแจกแจงกันแบบคร่าว ๆ ดูว่า หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันจริง จะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นบ้าง ฝ่ายไหนจะได้ หรือเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้
ประเด็น | ผลดี-ผลกระทบ |
ราคาน้ำมันเบนซิน | ได้ส่วนลดลิตรละ 10 บาท |
ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) | ได้ส่วนลดลิตรละ 3.30 บาท |
ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 | ได้ส่วนลดลิตรละ 1.20 บาท |
ราคา E20 | ขึ้นราคาลิตรละ 1.05 บาท |
ราคา E85 | ขึ้นราคาลิตรละ 11.60 บาท |
ราคาน้ำมันดีเซล | ปรับสูงขึ้น เพราะไม่มีเงินจากกองทุนมาชดเชย |
ราคาแก๊สหุงต้ม | ปรับสูงขึ้น เพราะไม่มีเงินจากกองทุนมาชดเชยราคาเฉลี่ยหน้าโรงกลั่นที่ตรึงอยู่มาหลายปีแล้ว |
ราคาสินค้า-อาหาร-ค่าครองชีพ | ปรับสูงขึ้น เพราะน้ำมันดีเซล-ก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตขึ้นราคา ทำให้การขนส่ง ต้นทุนสินค้า อาหาร ขยับตัวตาม และอาจทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ |
การนำเข้าน้ำมัน | ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น เพราะคนจะกลับไปใช้เบนซินที่ถูกลง รถในท้องถนนเพิ่มขึ้น ทำให้รถติด จึงยิ่งสิ้นเปลืองพลังงาน |
ธุรกิจเอทานอล | เกษตรกรเดือดร้อนจากราคาวัตถุดิบเอทานอล เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ลดลง เพราะคนใช้แก๊สโซฮอล์น้อยลง |
อุตสาหกรรมรถยนต์ | ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงาน E20 และ E85 รวมทั้งการผลิตชิ้นส่วน ต้องปรับลดการผลิตลง |
กลไกรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน | ไม่มีเงินมาช่วยพยุงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตามตลาดโลกอีกต่อไป ประชาชนต้องจ่ายตามราคาจริง |
ข้อมูลที่สรุปให้เห็นกันข้างต้น คงทำให้ทุกคนมองเห็นภาพของกลไกกองทุนน้ำมันมากขึ้น และพิจารณาได้ถึงข้อดี-ข้อเสียของการยกเลิกกองทุนน้ำมัน หลังจากนี้เราก็ต้องเตรียมปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในภาวะปกติ หรือภาวะที่ราคาน้ำมันผันผวน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กระทรวงพลังงาน, สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน), สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน, กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่, thaipublica.org, set.or.th,