เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คํานวณภาษี วิธีคํานวณภาษี ทำอยางไร มาดู วิธีคํานวณภาษี พร้อมแนะนำโปรแกรมคํานวณภาษี
แน่นอนว่าในทุก ๆ ปี คนไทยทุกคนจะต้องเสียภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยมีกฎเกณฑ์การคำนวณภาษีที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แท้จริงแล้ว วิธีคำนวณภาษี ที่จะต้องยื่นในแต่ละปีนั้น จะคำนวณภาษีกันอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการคำนวณภาษีมาฝากกันจ้า...
ค่าลดหย่อนภาษี
ก่อนที่จะไปคำนวณภาษีกัน ผู้เสียภาษีควรทราบข้อมูลของค่าลดหย่อนต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการคำนวณภาษีด้วยเหมือนกัน โดยค่าลดหย่อนของผู้มีเงินได้จะสามารถหักอะไรได้บ้างลองมาดูกันเลยค่ะ
ตารางหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีสำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่า แบบภาษี ภงด.90 กับ ภงด.91 แตกต่างกันอย่างไร ก่อนจะไปคิดคำนวณภาษีกันลองมาทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ กันก่อนจ้า เมื่อรูัแล้วก็ลองไปดูวิธีคิดภาษีกันได้เลย
ภงด. 90 คือ ผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา เงินปันผล หรืออื่น ๆ ภงด. 91 คือ ผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีรายได้ทางอื่นขั้นตอนที่ 1
นำรายได้ตลอดทั้งปีมาหักค่าใช้จ่าย แยกตามประเภทของรายได้ และหักลดหย่อนตามรายการต่าง ๆ โดยการคำนวณเงินได้สุทธิจากอัตราภาษี 7 ขั้น ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 และให้มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้ปี 2556 และ 2557 ดังนี้
โครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใหม่
ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ส่วนผู้มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,000-300,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 5 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 300,001-500,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 10 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 500,001-750,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 15 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 750,001-1,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 20 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 1,000,001-2,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 25 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 2,000,001-4,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 30 % ของรายได้สุทธิ
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 4,000,001 บาท/ปี ขึ้นไป จะเสียภาษี 35 % ของรายได้สุทธิ
ขั้นตอนที่ 2
นำรายได้รวมตลอดทั้งปี มาหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามตารางค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษี จากนั้นจะได้ยอดเงินสุทธิที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ตัวอย่างเช่น
นาย ก. มีรายได้ตลอดทั้งปี 300,000 บาท โดยยังไม่ได้แต่งงาน จ่ายเงินประกันชีวิตปีละ 30,000 บาท บริจาคเงิน 5,000 บาท คิดได้ดังนี้
รายได้ 300,000 บาท
หักค่าใช้จ่าย 40 % ของเงินได้ (แต่ไม่เกิน 60,000 บาท) = 60,000 บาท
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท
หักค่าเบี้ยประกันชีวิต 30,000 บาท
หักเงินบริจาค 5,000 บาท
เมื่อหักค่าลดหย่อนทั้งหมดแล้วจะเหลือ 175,000 บาท เป็นเงินได้สุทธิสำหรับคำนวณภาษี โดยคำนวณดังนี้
เงินได้สุทธิ 175,000 บาท ซึ่งอยู่ในขั้นอัตราภาษี 150,001-300,000 บาท จะถูกนำมาคิดภาษี 5 % ตามขั้นอัตรา ดังนั้นจึงต้องเสียภาษีจำนวน 8,700 บาท
ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ สำหรับวิธีคำนวณภาษีที่ต้องเสียในแต่ละปี หรือถ้าหากใครไม่อยากเสียเวลากับการนั่งคิดเลขที่ละตัว ก็สามารถใช้ตัวช่วยได้ค่ะ โดยดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่
โปรแกรมคำนวณภาษี
ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ส่วนผู้มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,000-300,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 5 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 300,001-500,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 10 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 500,001-750,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 15 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 750,001-1,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 20 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 1,000,001-2,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 25 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 2,000,001-4,000,000 บาท/ปี จะเสียภาษี 30 % ของรายได้สุทธิ ผู้ที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 4,000,001 บาท/ปี ขึ้นไป จะเสียภาษี 35 % ของรายได้สุทธิขั้นตอนที่ 2
นำรายได้รวมตลอดทั้งปี มาหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามตารางค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษี จากนั้นจะได้ยอดเงินสุทธิที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ตัวอย่างเช่น
นาย ก. มีรายได้ตลอดทั้งปี 300,000 บาท โดยยังไม่ได้แต่งงาน จ่ายเงินประกันชีวิตปีละ 30,000 บาท บริจาคเงิน 5,000 บาท คิดได้ดังนี้
รายได้ 300,000 บาท หักค่าใช้จ่าย 40 % ของเงินได้ (แต่ไม่เกิน 60,000 บาท) = 60,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท หักค่าเบี้ยประกันชีวิต 30,000 บาท หักเงินบริจาค 5,000 บาทเมื่อหักค่าลดหย่อนทั้งหมดแล้วจะเหลือ 175,000 บาท เป็นเงินได้สุทธิสำหรับคำนวณภาษี โดยคำนวณดังนี้
เงินได้สุทธิ 175,000 บาท ซึ่งอยู่ในขั้นอัตราภาษี 150,001-300,000 บาท จะถูกนำมาคิดภาษี 5 % ตามขั้นอัตรา ดังนั้นจึงต้องเสียภาษีจำนวน 8,700 บาทไม่ยากเลยใช่ไหมคะ สำหรับวิธีคำนวณภาษีที่ต้องเสียในแต่ละปี หรือถ้าหากใครไม่อยากเสียเวลากับการนั่งคิดเลขที่ละตัว ก็สามารถใช้ตัวช่วยได้ค่ะ โดยดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่
โปรแกรมคำนวณภาษี หลังจากนั้นอย่าลืมยื่นภาษีให้ทันเวลาด้วยนะคะ โดยสามารถเริ่มยื่นแบบภาษีได้ตั้งแต่ เดือนมกราคม-เมษายน ของทุกปี ยิ่งยื่นก่อนก็ยิ่งได้เงินคืนเร็วจ้า
