ฟรีแลนซ์ควรทำประกันอุบัติเหตุเพื่อลดความเสี่ยงด้านค่ารักษา ชดเชยรายได้ตอนหยุดงาน และลดภาระครอบครัว เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราทำงานได้อย่างอุ่นใจ
การเป็นฟรีแลนซ์มอบอิสระในการใช้ชีวิตและช่วงเวลาที่ใช้ในการทำงานที่ใครหลายคนอิจฉา แต่สิ่งที่ตามมาคือความไม่แน่นอนคงที่ของรายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือน รวมถึงสิทธิสวัสดิการแบบพนักงานประจำ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยขึ้น จะตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง หลายคนมักมองข้ามประกันอุบัติเหตุ เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงและระวังตัวดีแล้ว แต่ความจริงคือความเสี่ยงอยู่รอบตัวเสมอ การมีประกันอุบัติเหตุเป็นเกราะป้องกันทางการเงินจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพื่อความมั่นคงในระยะยาวและการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพของตัวเราเอง
5 เหตุผลที่ฟรีแลนซ์ควรมีประกันอุบัติเหตุ
เมื่อชาวฟรีแลนซ์ไม่มีสวัสดิการจากองค์กรคอยซัพพอร์ตเหมือนพนักงานบริษัท จึงจำเป็นต้องสร้างรากฐานความมั่นคงให้ตัวเอง วางแผนการเงินที่ฉลาดและรัดกุม มาดูเหตุผลสำคัญที่คนทำงานอิสระต้องหันมาให้ความสนใจเรื่องนี้ เพื่อความอุ่นใจในทุกก้าวของการใช้ชีวิต
1. ไม่มีสวัสดิการคุ้มครองเหมือนพนักงานประจำ
การไม่มีสวัสดิการกลุ่มหรือประกันสุขภาพที่บริษัททำให้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดคือสิ่งที่ต้องจ่ายเอง 100% ซึ่งค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ การเจ็บตัวเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงเงินเก็บทั้งปีที่หายไป การมีประกันอุบัติเหตุจึงเปรียบเสมือนการสร้างสวัสดิการส่วนตัวที่คอยรองรับค่าใช้จ่ายก้อนนี้ ช่วยให้ไม่ต้องดึงเงินเก็บฉุกเฉินออกมาใช้ และยังช่วยบริหารความเสี่ยงทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. หยุดงานไม่มีรายได้
การเป็นฟรีแลนซ์คือ "ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน" เมื่อเราเจ็บป่วยจนทำงานไม่ได้ รายได้ก็หยุดชะงักทันที ซึ่ง กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) ได้ให้ความเห็นว่า บางแบบประกัน มีการมอบความคุ้มครองการชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้อุ่นใจได้ว่าถึงแม้ตัวจะเจ็บ แต่ยังเบาใจเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
3. ประกันสังคมอาจไม่เพียงพอ
แม้ว่าหลายคนจะส่งประกันสังคมมาตรา 39 หรือ 40 ไว้บ้างแล้ว แต่ความคุ้มครองอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของสถานพยาบาลคู่สัญญา หรือความรวดเร็วในการรักษา ในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการความเร่งด่วน การมีประกันอุบัติเหตุของภาคเอกชนจะช่วยให้เข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้รวดเร็วกว่า สามารถเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือดีที่สุดได้ทันที ช่วยลดระยะเวลาในการรอคอยและเพิ่มโอกาสในการหายป่วยและกลับมาทำงานหารายได้ได้เร็วยิ่งขึ้น
4. ไลฟ์สไตล์มีความเสี่ยง
วิถีชีวิตของชาวฟรีแลนซ์มักต้องแข่งกับเวลา เดินทางบ่อย หรือบางครั้งต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เสมอ การบริหารจัดการด้านการเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเป็นตัวช่วยบริหารสภาพคล่องและสำรองเงินสดในยามจำเป็น การมีประกันจึงช่วยรับมือกับค่าใช้จ่ายก้อนโตจากการรักษาพยาบาล ทำให้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล
5. สร้างความอุ่นใจให้ครอบครัว
ไม่มีใครอยากให้ความโชคร้ายของเรากลายเป็นภาระของพ่อแม่หรือคนในครอบครัว หากเกิดอุบัติเหตุหนักจนต้องใช้เงินก้อนใหญ่ การมีกรมธรรม์คุ้มครองจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาล หรือบางแบบประกันก็มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายรอบด้านจากการเกิดอุบัติเหตุ ไม่เดือดร้อนการเงินของที่บ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและคนที่เรารัก สร้างความอุ่นใจให้ทุกคนในบ้านว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สถานะทางการเงินของครอบครัวจะยังคงมั่นคงและไม่สั่นคลอน
สรุป
การเป็นฟรีแลนซ์มืออาชีพไม่ได้วัดกันแค่ที่ผลงาน แต่รวมถึงการวางแผนชีวิตที่รอบคอบ บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน การทำประกันอุบัติเหตุเป็นหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงที่คุ้มค่าที่สุด ช่วยปกป้องเงินออม รองรับรายได้ที่อาจขาดหายไปช่วงพักรักษาพยาบาล และสร้างความมั่นคงให้เดินหน้าทำงานที่รักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง






