
บัตรTravel card คืออะไร

1. แบบบัตรเติมเงิน
2. แบบบัตรเดบิตหักจากบัญชีธนาคาร
จุดเด่นของบัตร Travel card

ข้อดีของบัตร Travel Card ที่ทำให้คนเที่ยวต่างประเทศนิยมใช้มากกว่าพกเงินสดก็คือ
-
ใช้จ่ายได้หลากหลายสกุลเงินตามเงื่อนไขของแต่ละบัตร ไม่ต้องคอยแลกเงินสดหลายสกุลให้ยุ่งยาก เพียงแค่มีบัตรเดียวก็พร้อมใช้จ่ายได้ทั่วโลก
-
รูดซื้อสินค้าหรือบริการในต่างประเทศได้เหมือนบัตรเครดิต โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ช่วยลดความเสี่ยงในการทำเงินสูญหายหรือถูกขโมย
-
การแลกเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร มักได้เรตพิเศษที่ดีกว่าการแลกเงินสด และส่วนใหญ่ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน (FX rate) 2.5% จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
-
บางบัตรยกเว้นค่าธรรมเนียมแปลงยอดเงินจากสกุลเงินท้องถิ่นเป็นเงินบาท (DCC) 1% ดังนั้นเวลารูดบัตรหรือกดเงินจากตู้ ATM ในต่างประเทศด้วยสกุลเงินบาทก็จะไม่เสียค่าธรรมเนียมส่วนนี้
-
บางบัตรสามารถแลกเงินต่างประเทศล่วงหน้าและเก็บไว้ได้เลย ทำให้ล็อกเรตเงินที่พอใจได้ก่อนจะเดินทางจริง
-
สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ในต่างประเทศได้เหมือนบัตรเดบิต อีกทั้งส่วนใหญ่ยังสามารถแลกเงิน เติมเงิน และตรวจสอบยอดได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน
-
บางธนาคารมีฟีเจอร์ให้เราสามารถเก็บเงินสกุลต่างประเทศไว้ในบัญชีเพื่อรับดอกเบี้ยได้
-
บางบัตรมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น Cashback หรือส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ และยังมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น ประกันการเดินทาง ประกันอุบัติเหตุ บริการห้องรับรองสนามบิน ฯลฯ
บัตร Travel card
ดีกว่าบัตรเครดิตอย่างไร

ใครมีบัตรเครดิตอยู่แล้วคงสงสัยว่า เราใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของที่ต่างประเทศก็ได้ ทำไมต้องมีบัตร Travel card ด้วย งั้นลองพิจารณาตรงนี้ก่อนว่ามีจุดไหนที่บัตร Travel card ได้เปรียบบัตรเครดิตบ้าง
-
อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่า : การใช้บัตร Travel card เราสามารถแลกเงินล่วงหน้าในช่วงที่เรตถูก ๆ เก็บไว้ก่อนได้ ต่างกับบัตรเครดิตที่ใช้เมื่อไรก็จะได้เรตในวันที่รูดเลย ซึ่งอาจได้เรตที่สูงขึ้น
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน : บัตร Travel card ส่วนใหญ่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน 2.5% แต่ถ้าเราจ่ายด้วยบัตรเครดิตต้องเจอค่าธรรมเนียมส่วนนี้แน่นอน ทำให้ราคาสินค้าแพงกว่า
-
ควบคุมงบประมาณได้ง่ายกว่า : เราสามารถเติมเงินหรือเหลือเงินไว้ในบัญชีเท่าที่เราต้องการใช้ได้ เมื่อเงินหมดก็ไม่สามารถซื้อของได้อีก ในขณะที่บัตรเครดิตเป็นวงเงินหมุนเวียน มีโอกาสเผลอรูดจ่ายได้ง่ายกว่า เสี่ยงเป็นหนี้ก้อนใหญ่ตามมา
-
ค่าธรรมเนียมกดเงินที่ตู้ ATM ต่างประเทศถูกกว่า : จริง ๆ แล้วทั้งสองใบสามารถกดเงินจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศได้ทั้งคู่ แต่ค่าธรรมเนียมของ Travel card ส่วนใหญ่จะถูกกว่า และไม่ต้องเสียดอกเบี้ยจากการกดเงินเหมือนบัตรเครดิต
-
มีโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ : บัตร Travel card หลายใบมีสิทธิพิเศษที่เจาะจงกับการเดินทางโดยตรง เช่น ส่วนลดร้านค้าในต่างประเทศ ประกันการเดินทาง บริการห้องรับรองสนามบิน ฯลฯ
วิธีเลือกบัตร Travel Card

การเลือกบัตร Travel Card ให้คุ้มค่าที่สุด ควรพิจารณาหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจ เพราะแต่ละธนาคารมีเงื่อนไข สิทธิประโยชน์ และค่าธรรมเนียมแตกต่างกัน ดังนี้
-
เช็กวัตถุประสงค์การใช้งานของตัวเอง
-
หากเดินทางบ่อย ๆ และไปหลายประเทศควรเลือกบัตรที่แลกได้หลายสกุลเงินในบัตรเดียว ใช้งานง่าย
-
สำหรับคนที่ไม่ได้เดินทางบ่อย ๆ อาจเลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี หรือค่าธรรมเนียมต่ำ เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย
-
-
เลือกบัตรที่สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่เราต้องการใช้งานบ่อย ๆ ได้ครบถ้วน
-
เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยน (เรตเงิน) ของแต่ละธนาคาร ซึ่งจะไม่เท่ากัน ควรเลือกบัตรที่ให้เรตค่อนข้างดี เพื่อความคุ้มค่าในการแลกเงิน
-
พิจารณาความสะดวกในการแลกเงิน ถ้าจะให้ดีควรแลกผ่านแอปฯ ของธนาคารได้ตลอดเวลา หรือมีฟีเจอร์แลกเงินล่วงหน้าได้ เพื่อล็อกเรตที่ถูกใจ จะช่วยให้วางแผนค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น
-
เลือกบัตรที่ฟรีค่าธรรมเนียม FX Rate 2.5% และถ้าได้บัตรที่ฟรีค่าธรรมเนียม DCC ด้วยจะยิ่งคุ้มกว่า
-
พิจารณาว่าต้องการบัตร Travel card ประเภทเติมเงินหรือหักเงินจากบัญชีธนาคารโดยตรงถึงเหมาะสมกับลักษณะการใช้จ่ายของตัวเอง
-
สำหรับคนที่ต้องการใช้บัตรในประเทศไทยด้วย ควรเลือกบัตรที่สามารถกดเงินจากตู้ ATM โอนเงินหรือใช้จ่ายในประเทศได้
-
เลือกบัตรที่ให้วงเงินในการใช้จ่ายและกดเงินจากตู้ ATM สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของเรา
-
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี เพราะเป็นค่าใช้จ่ายในระยะยาว
-
พิจารณาค่าธรรมเนียมการกดเงินสดที่ต่างประเทศของแต่ละใบ และมีโปรโมชั่นช่วยลดค่าธรรมเนียมในช่วงต่าง ๆ หรือไม่
-
ตรวจสอบโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษอื่น ๆ ของบัตร เพื่อเลือกสิทธิประโยชน์ที่ตรงไลฟ์สไตล์ของเรา เช่น ส่วนลดจากร้านค้า, เครดิตเงินคืน, คูปองต่าง ๆ, บริการห้องรับรองสนามบิน, ประกันการเดินทาง เป็นต้น
-
เลือกบัตรที่ใช้งานง่ายผ่านแอปฯ เช่น เปิด-ปิดการใช้งานได้ทันที, ล็อกอัตโนมัติเมื่อบัตรหาย, หรือสามารถใช้บัตรดิจิทัล (Virtual Card) ได้
บัตร Travel Card ใบไหนดี ปี 2025
1. Krungthai Travel Platinum Mastercard Debit

ภาพจาก : ธนาคารกรุงไทย
บัตร Travel Card จากธนาคารกรุงไทย บัตรเดบิตสำหรับสายเที่ยวและนักช้อป ที่ให้แลกเงินต่างประเทศได้ถึง 20 สกุลเงิน ในเรตพิเศษผ่านแอปฯ Krungthai Next จะเก็บเงินไว้ในบัญชี Global Saving เพื่อรับดอกเบี้ยสูงถึง 2.5% ก็ได้ หรือจะใช้รูดจ่ายทั้งในไทยและต่างประเทศก็สะดวก เพราะผูกกับบัญชีเงินฝากกรุงไทยโดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% ที่พิเศษกว่าใครก็คือ รูดแล้วยังได้รับ Cashback เงินคืนด้วยนะ
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
แลกเงินผ่านแอปฯ Krungthai Next ได้ 20 สกุลเงิน ได้แก่ AED, AUD, CAD, CHF, CNY, DKK, EUR, GBP, HKD, INR, JPY, KRW, NOK, NZD, SAR, SEK, SGD, TWD, USD และ QAR สามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้
-
ฝากเงินเก็บไว้ในบัญชี Global Savings รับดอกเบี้ยสูงสุด 2.5% ต่อปี ใน 6 สกุลเงินหลัก ได้แก่ USD, EUR, GBP, CNY, AUD, NZD สามารถโอนหากันได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%
-
รับเครดิตเงินคืน 0.25% สูงสุด 2,000 บาท/ปี เมื่อรูดใช้จ่ายในต่างประเทศด้วยสกุลเงินต่างประเทศสะสมครบทุก ๆ 30,000 บาท (ตั้งแต่ 1 พ.ค.-31 ธ.ค. 2568)
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ในต่างประเทศได้สูงสุด 5 ล้านบาท/วัน
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน
-
โอนเงินระหว่างบัญชีได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน
-
สิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วโลก เช่น ส่วนลดพิเศษ, เครดิตเงินคืน หรือบริการพิเศษ
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : 100 บาท แต่ยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อสมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : 250 บาท แต่ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีตลอดอายุบัตร (5 ปี) เมื่อสมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : 100 บาท/ครั้ง
-
อายุการใช้งานของบัตร : 5 ปี
-
ช่องทางสมัคร : สาขาธนาคารกรุงไทย หรือแอปฯ Krungthai NEXT
บัตร Krungthai Travel Platinum Mastercard Debit เหมาะกับใคร
-
คนที่เดินทางไปหลายประเทศที่ใช้สกุลเงินแตกต่างกัน เพราะสามารถแลกได้ถึง 20 สกุลเงิน
-
ใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศเยอะ ทั้งรูดที่ร้านค้าหรือช้อปออนไลน์ เพราะใบนี้มีเครดิตเงินคืนให้
-
ต้องการใช้เงินสกุลต่างประเทศในอนาคต หากเจอช่วงไหนเรตดี ๆ ก็สามารถแลกเงินเก็บไว้ก่อน และบางสกุลเงินสามารถฝากไว้รับดอกเบี้ยได้
-
มีแพลนเดินทางต่างประเทศในช่วง 5 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี จึงคุ้มค่าในการพกติดตัวไว้
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารกรุงไทย
2. บัตรเติมเงิน PLANET SCB

ภาพจาก : ธนาคารไทยพาณิชย์
บัตร Travel Card SCB ใบนี้จากธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้แลกเงินต่างประเทศได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ SCB EASY สะดวกเหมือนพกหลายสกุลเงินติดตัว แต่ปลอดภัยกว่าการถือเงินสดจำนวนมากเวลาเดินทาง สามารถใช้รูดจ่ายได้ทั่วโลก ไม่มีชาร์จ 2.5% และกดเงินสดจากตู้ ATM ต่างประเทศได้สบาย ๆ ที่สำคัญ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วย แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า บัตรนี้ไม่รองรับการกดเงินสดจากตู้ ATM ในประเทศไทยนะ
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
แลกงินผ่านแอปฯ SCB EASY ได้ 13 สกุลเงิน ได้แก่ USD, EUR, GBP, JPY, AUD, CHF, SGD, HKD, NZD, CAD, CNY, KRW และ TWD สามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%
-
ประกันการเดินทางจากแอกซ่า สูงสุด 10 วัน โดยมีวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุ 1,500,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน (ลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ)
-
ประกันการเดินทางวงเงินคุ้มครองสูงสุด 8 ล้านบาท เมื่อใช้บัตร PLANET SCB Visa Platinum ซื้อตั๋วเครื่องบิน
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ในต่างประเทศได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศได้สูงสุด 300,000 บาท/วัน (ไม่สามารถกดตู้ ATM ในประเทศไทยได้)
-
สิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากร้านค้าที่ร่วมรายการ
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : 200 บาท
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : ไม่มี
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : 100 บาท/ครั้ง
-
อายุการใช้งานของบัตร : 3 ปี
-
ช่องทางสมัคร : สาขาธนาคารไทยพาณิชย์ หรือแอปฯ SCB EASY
บัตร PLANET SCB เหมาะกับใคร
-
คนที่เดินทางต่างประเทศบ่อย และใช้เงินหลายสกุล หรือซื้อของออนไลน์ด้วยเงินต่างประเทศ
-
ต้องการใช้เงินสกุลต่างประเทศในอนาคต หากเจอช่วงไหนเรตดี ๆ ก็สามารถแลกเงินเก็บไว้ก่อนได้
-
เดินทางไปต่างประเทศเกือบทุกปี และต้องการบัตร Travel Card ที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี
-
ต้องการประกันการเดินทางติดตัวไว้ (เมื่อใช้บัตรซื้อตั๋วเครื่องบิน)
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารไทยพาณิชย์
3. บัตรเดบิต JOURNEY Travel Card

ภาพจาก : ธนาคารกสิกรไทย
บัตรเดบิต JOURNEY Travel Card จากธนาคารกสิกรไทย เป็นบัตรเดบิต Visa Debit Platinum ที่ผูกกับบัญชีเงินฝาก ใช้งานได้เหมือนบัตรเดบิตทั่วไป ทั้งถอนเงินสดจากตู้ ATM และรูดจ่ายได้ทั่วโลก ที่พิเศษกว่านั้นคือ รองรับการแลกเงินต่างประเทศได้มากถึง 28 สกุลเงิน ให้ช้อปปิ้งหรือใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ มาพร้อมสิทธิพิเศษจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดจากร้านค้าและพาร์ทเนอร์ หรือจะแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ก็สะดวก ไม่ต้องต่อคิวเติมเงิน
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
แลกเปลี่ยนเงินตราได้ 28 สกุลเงิน ได้แก่ USD, EUR, GBP, JPY, CNY, HKD, KRW, SGD, AED, AUD, BHD, BND, CAD, CHF, DKK, IDR, INR, MYR, NOK, NZD, PHP, QAR, RUB, SAR, SEK, TWD, VND และ ZAR โดยตัดเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกไว้
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%
-
บริการห้องรับรอง Miracle Lounge หรือ K Point KLUB หรือ Coral Executive Lounge 1 สิทธิ/ปี
-
รับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ Reward Plus Debit Card
-
ใช้แตะเข้ารถไฟฟ้า MRT ได้ทุกสาย
-
ประกันการเดินทางจากแอกซ่า สูงสุด 10 วัน โดยมีวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุด 2 ล้านบาท และค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ในต่างประเทศได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ได้สูงสุด 200,000 บาท/วัน
-
โอนเงินได้สูงสุด 1 ล้านบาท/วัน (ธนาคารกสิกรไทย) และไม่เกิน 500,000 บาท/วัน (ต่างธนาคาร)
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 12 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : ผ่านสาขา 700 บาท และผ่านแอปฯ K PLUS 737 บาท
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : 550 บาท (ฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก)
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : 100 บาท/ครั้ง
-
ช่องทางสมัคร : สาขาธนาคารกสิกรไทย หรือแอปฯ K PLUS
บัตร JOURNEY Travel Card เหมาะกับใคร
-
คนที่เดินทางต่างประเทศบ่อย และใช้เงินหลายสกุล เพราะรองรับการแลกเงินได้ถึง 28 สกุลเงิน
-
คนที่ต้องการความสะดวก ไม่อยากแลกเงินล่วงหน้าหรือแลกเงินหลายรอบ บัตรนี้เอื้อให้ใช้จ่ายในสกุลเงินที่ต้องการได้ทันที
-
ต้องการใช้เป็นบัตรเดบิตทั่วไป เช่น กดเงินจากตู้ ATM ในไทย รวมถึงแตะจ่ายขึ้นรถไฟฟ้า และรับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ
-
ต้องการใช้สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น ห้องรับรองสนามบิน, ประกันการเดินทาง
-
อายุ 12 ปีขึ้นไปสามารถทำบัตรได้ (ต่างจากบัตรอื่นที่ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป)
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารกสิกรไทย
4. บัตร Krungsri Boarding Card

ภาพจาก : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
บัตรเติมเงิน (Prepaid Card) จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เหมาะมากสำหรับสายเที่ยว เพราะสามารถแลกเงินตราต่างประเทศเก็บไว้ล่วงหน้าผ่านแอปฯ Krungsri ได้สะดวก เติมเงินแล้วก็พร้อมใช้ทั้งรูดจ่ายหรือช้อปออนไลน์กับร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ VISA ได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ แถมยังรองรับการกดเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศอีกด้วย พร้อมรับสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นมากมาย แต่มีข้อควรทราบคือ บัตรนี้ไม่สามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ในประเทศไทยได้
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
แลกเปลี่ยนเงินตราผ่านแอปฯ krungsri ได้ 17 สกุลเงิน ได้แก่ JPY, KRW, HKD, SGD, USD, EUR, AUD, CAD, CHF, CNY, DKK, GBP, NOK, NZD, SEK, TWD, THB และสามารถตั้งซื้อเรตที่ถูกใจได้เองโดยอัตโนมัติ
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%
-
ใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ได้ทุกสาย
-
ประกันการเดินทางจากแอกซ่า สูงสุด 10 วัน โดยมีวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุด 2 ล้านบาท และค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน (ลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ)
-
บริการห้องรับรอง Miracle Lounge เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรภายในเดือนครบ 50,000 บาท
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ในต่างประเทศได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน (ต้องเติมเงินบาทไว้ในบัตรก่อนถึงใช้ได้)
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศได้สูงสุด 100,000 บาท/วัน (ไม่สามารถกดเงินสดที่ตู้ ATM ในไทยได้)
-
สิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น ส่วนลด, คูปอง, ดูหนังราคาพิเศษ, บริการ CABB VIP Taxi หรือ Primex Limousine ฟรี เป็นต้น
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 12 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : ปกติ 150 บาท แต่ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อสมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : ไม่มี
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : แตกต่างกันไปตามสกุลเงิน ขั้นต่ำ 100 บาท/ครั้ง
-
อายุบัตร : 5 ปี
-
ช่องทางสมัคร : สาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือแอปฯ krungsri
บัตร Krungsri Boarding Card เหมาะกับใคร
-
คนที่เดินทางต่างประเทศ หรือซื้อสินค้า-บริการทางออนไลน์ที่ต้องใช้เงินต่างประเทศเป็นประจำ
-
ต้องการวางแผนล่วงหน้าในการล็อกเรตเงินที่ถูกใจเพื่อป้องกันค่าเงินผันผวน
-
ต้องการบัตรชนิดเติมเงิน เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้บัตรเกินงบประมาณที่กำหนด อยากควบคุมค่าใช้จ่าย
-
คนที่ต้องประหยัดค่าธรรมเนียมรายปี เพราะใบนี้ให้ใช้ได้ฟรี ๆ และหากสมัครภายในปี 2568 จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้าด้วย
-
ต้องการสิทธิประโยชน์ในการเดินทาง เช่น ห้องรับรองสนามบิน ความคุ้มครองประกันการเดินทางและประกันอุบัติเหตุ
-
สนใจสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบัตรจากพาร์ทเนอร์ที่ร่วมรายการ
-
อายุ 12 ปีขึ้นไปสามารถทำบัตรได้ (ต่างจากบัตรอื่นที่ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป)
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
5. บัตร YouTrip

ภาพจาก : ธนาคารกสิกรไทย
อีกหนึ่งบัตร Travel card จากธนาคารกสิกรไทยในรูปแบบบัตร Prepaid ที่ให้เราใช้จ่ายได้มากกว่า 150 สกุลเงินทั่วโลกผ่านร้านค้าที่รับ Mastercard โดยไม่ต้องเสียค่าแปลงสกุลเงิน 2.5% จะแลกเงินไว้ล่วงหน้าก็ได้ หรือหากเงินหมดระหว่างทริปก็สามารถกดเงินจากตู้ ATM ในต่างประเทศได้แบบฟรีค่าธรรมเนียมจนถึงเดือนธันวาคม 2568 เลย และที่สำคัญยังสามารถผูกบัตร YouTrip แล้วแตะจ่ายด้วย Google Pay ได้สะดวกมาก
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
ใช้จ่ายได้กว่า 150 สกุลเงิน และสามารถแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าได้ 10 สกุล ผ่านแอปฯ YouTrip คือ THB, JPY, HKD, SGD, AUD, EUR, GBP, CHF, USD และ CAD
-
ไม่เสียค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลเงินต่างประเทศ 2.5%
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ในต่างประเทศที่รองรองรับ Mastercard ได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน (ต้องเติมเงินบาทไว้ในบัตรก่อนถึงใช้ได้)
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศได้สูงสุด 50,000 บาท/เดือน (ไม่สามารถกดเงินสดที่ตู้ ATM ในไทยได้)
-
สิทธิพิเศษอื่น ๆ จาก YouTrip Perks เช่น ดีลส่วนลด เงินคืนเมื่อซื้อของออนไลน์ และสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยวจากพาร์ทเนอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : ปกติ 150 บาท แต่ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อสมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : ปกติ 200 บาท แต่ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดอายุบัตร 5 ปี เมื่อสมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : ฟรี (ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568) แต่อาจมีค่าธรรมเนียมการกดตู้ ATM ของแต่ละประเทศที่เรียกเก็บเพิ่ม
-
อายุบัตร : 5 ปี
-
ช่องทางสมัคร : แอปฯ YouTrip
บัตร YouTrip เหมาะกับใคร
-
คนที่ชอบเดินทางต่างประเทศ หรือซื้อของออนไลน์ที่ต้องใช้เงินหลายสกุล เพราะใบนี้สามารถแลกได้ถึง 150 สกุลเงิน
-
ต้องการบัตรชนิดเติมเงินก่อนใช้ ซึ่งจะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย
-
ต้องการแลกเงินเรตถูกไว้ล่วงหน้าก่อนใช้จ่าย
-
ชอบความสะดวกในการสมัครและใช้งาน เพราะใบนี้มีฟีเจอร์ Virtual Card สามารถใช้บัตรผ่านแอปฯ ได้
-
ต้องการสิทธิพิเศษอื่น ๆ จากร้านค้าที่ร่วมรายการ
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารกสิกรไทย
6. บัตรเดบิต ttb all free

ภาพจาก : ธนาคารทหารไทยธนชาต
แม้บัตรเดบิต ttb all free จากธนาคารทหารไทยธนชาต จะไม่ได้เป็นบัตร Travel card เหมือนใบอื่น ไม่สามารถแลกเงินต่างประเทศเก็บไว้ได้ แต่ก็มีฟีเจอร์เด่นตรงที่สามารถรูดใช้จ่ายในต่างประเทศหรือช้อปออนไลน์ด้วยสกุลเงินต่างประเทศแบบฟรี FX Rate 2.5% แถมยังไม่มีค่าธรรมเนียม 1% ในการเปลี่ยนแปลงค่าเงินต่างประเทศเป็นบาท (DCC fee) เหมาะกับการพกไว้ใช้จ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังมีวงเงินประกันอุบัติเหตุให้ด้วย
สิทธิประโยชน์ของบัตร
-
ใช้ได้ทุกสกุลเงินทั่วโลกกับร้านที่รับบัตร VISA
-
ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินต่างประเทศ (FX Rate) 2.5% และฟรีค่าธรรมเนียมแปลงเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท (DCC fee) 1%
-
กด โอน เติม จ่าย ฟรีค่าธรรมเนียม ทุกตู้ ATM ทั่วประเทศ
-
ได้รับวงเงินคุ้มครองชีวิต 20 เท่าของเงินฝากสูงสุด 3 ล้านบาท (เมื่อคงเงินฝากไว้ในบัญชี ttb all free ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปทุกวัน ตลอดเดือน)
-
มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ สูงสุด 3,000 บาท/ครั้ง ไม่จำกัดครั้งต่อปี (เมื่อคงเงินฝากไว้ในบัญชี ttb all free ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปทุกวัน ตลอดเดือน)
-
ใช้จ่ายหรือช้อปออนไลน์ทุกร้านทั่วโลกที่มีสัญลักษณ์ VISA 500,000 บาท/วัน
-
กดเงินสดที่ตู้ ATM ทั่วโลกได้สูงสุด 200,000 บาท/วัน
-
โอนเงินและทำการจ่ายบิลได้สูงสุด 500,000 บาท/วัน
รายละเอียดการสมัครและค่าธรรมเนียม
-
อายุผู้สมัคร : 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
-
ค่าธรรมเนียมออกบัตร : 200 บาท
-
ค่าธรรมเนียมรายปี : 250 บาท
-
ค่าธรรมเนียมการกดเงินตู้ ATM ในต่างประเทศ : 75 บาท/ครั้ง
-
อายุบัตร : 5 ปี
-
ช่องทางสมัคร : สาขาธนาคารทหารไทยธนชาต หรือแอปฯ ttb touch
บัตร ttb all free เหมาะกับใคร
-
คนทั่วไปที่ต้องการมีบัตรเดบิตติดตัวไว้ใช้จ่ายทั้งในและต่างประเทศ เพราะสามารถกด โอน จ่ายได้ฟรีทุกตู้ ATM ในประเทศไทย
-
มีแผนเดินทางต่างประเทศ หรือสั่งของจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะบ่อยครั้งหรือนาน ๆ ครั้ง และต้องการบัตรที่สามารถรูดจ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้โดยตรง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน (FX Rate) รวมถึงฟรีค่าธรรมเนียมการแปลงเป็นเงินบาท (DCC fee)
-
ต้องการบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่พ่วงประกันอุบัติเหตุโดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกัน และสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุได้
-
คนที่ต้องการเลือกใช้ได้ทั้งแบบบัตรแข็งและบัตรดิจิทัลผ่านแอปฯ
* หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : ธนาคารทหารไทยธนชาต
ข้อควรระวัง
ในการใช้บัตร Travel card

มีหลายเรื่องสำคัญที่เราทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้บัตร Travel card
-
แม้จะไม่เสียค่าธรรมเนียม FX Rate แต่อาจมีค่าธรรมเนียม DCC ดังนั้นควรเลือกชำระเป็นสกุลเงินท้องถิ่น เนื่องจากถ้าเลือกจ่ายด้วยเงินบาทจะถูกชาร์จค่า DCC แพงกว่า
-
การกดเงินสดจากตู้ ATM ในต่างประเทศอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ทั้งจากธนาคารเจ้าของบัตรและตามเงื่อนไขของธนาคารต่างประเทศ
-
ควรติดตามการขึ้น-ลงของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนั้นก่อนทำรายการแลกเงิน เพราะหากแลกในช่วงที่ค่าเงินผันผวนอาจได้เรตไม่ดี
-
หากใช้บัตร Travel card แบบเติมเงิน อย่าลืมเติมเงินล่วงหน้าในจำนวนที่เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะหากใช้เงินหมดแล้วจะต้องแลกเงินมาเติมใหม่
-
หากใช้บัตร Travel card แบบหักบัญชีธนาคาร ควรเหลือเงินในบัญชีไว้ในจำนวนที่เราต้องการใช้ เพื่อป้องกันการใช้เงินเกินงบประมาณ
-
บัตร Travel card ส่วนใหญ่มีวันหมดอายุ ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง
บทความที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต
- บัตรเดบิตประกันอุบัติเหตุ ปี 2025 ค่าธรรมเนียมหลักร้อย บาดเจ็บเคลมได้ ใบไหนคุ้มสุด !
- บัตรเครดิตฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ ปี 2568 ใบไหนให้สิทธิประโยชน์โดนใจ ใช้ได้ยาว ๆ
- บัตรเครดิตเติมน้ำมันสุดคุ้ม ปี 2568 ได้เงินคืน ไม่ต้องแลกแต้ม สำหรับคนเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
- บัตรเครดิตสะสมไมล์ใบไหนถูกใจสายเที่ยว เซฟค่าตั๋วเครื่องบิน สิทธิพิเศษเพียบ
- เช็กลิสต์ บัตรเครดิตระดับสูงของแต่ละธนาคาร ต้องรวยแค่ไหนถึงทำได้ ?
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย (1), (2), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารทหารไทยธนชาต