จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง ยอมรับ อยู่ในช่วงการพิจารณา ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความเป็นไปได้ ที่จะไม่ได้ทุกคน ต้องดูก่อนว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการตัด ส่วนเรื่องการลงทะเบียนนั้น ต้องมีการยืนยันตัวตนเหมือนเดิม
![เงินดิจิทัล เงินดิจิทัล]()
จุลพันธ์ ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ตต้องทำ ตอนนี้เศรษฐกิจไทยโต 2% ปล่อยแบบนี้ระวังเป็นงูกินหาง เอามาสร้างสวัสดิการไม่ได้
เรื่องที่นักวิชาการออกมาคัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องบอกว่า ความจำเป็นในขณะนี้ ถ้าเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่นในภูมิภาค เราโตต่ำกว่าเขา 10 ปี และการประเมินการเติบโตไปข้างหน้า เราก็ประเมินต่ำกว่าตลอด ปีนี้ปรับลดการเจริญเติบโตน้อยลงจาก 3 กว่า เหลือ 2.8 และถ้าปล่อยไปแบบนี้ อาจต้องปรับการประเมิน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำลงเรื่อย ๆ ตัวเลขระดับ 2 นั้น รัฐบาลยอมรับไม่ได้ เราก็เห็นอยู่ว่า เราเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว และรัฐจะสร้างสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุไม่ได้ หากยังปล่อยการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราจึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยอัตราการโต 2% สุดท้ายจะเป็นงูกินหาง แต่หากโตไปแบบนี้เรื่อย ๆ เราจะไม่สามารถเอาเงินมาทำสวัสดิการได้
ผู้ที่ดูแลในเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ ก็ต้องดูแลส่วนนั้น เราไม่ก้าวก่าย แต่ส่วนของรัฐการผลักดันให้ประเทศมีความเจริญเติบโตตามศักยภาพถือเป็นสิ่งสำคัญ และแม้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้เงินที่สูง แต่รัฐก็ไม่ได้ละเลยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ หากทำได้ก็จะขยายเม็ดเงินไปเพิ่มในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงหนึ่งในนโยบายรัฐ เราได้ทำอย่างอื่นแล้ว เช่น ฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวบางประเทศเพื่อดึงเม็ดเงิน, ดึงเงินนักลงทุนเข้ามาในประเทศ เรื่องการปรับค่าครองชีพ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การลดราคาพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ทั้งหมดเป็นแพ็กเกจใหญ่ และเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว จะกลายเป็นเค้กก้อนเดียวที่จะผลักดันประเทศ อย่ามองเป็นชิ้น
เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เรารับฟังเสียงสะท้อนจากหลายฝ่าย ประชาชนต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเราจะนำไปสู่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาว่า จะมีการกันคนที่รวยที่สุดออกหรือไม่อย่างไร ซึ่งต้องดูด้วยว่าคนที่ต้องถูกตัดออกไปเท่าไร ต้องดูตัวเลขที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ หากจะบอกว่า “คนรวย” จะดูอะไร ที่ดิน หรือ เงินในบัญชี หรือรายรับต่อเดือน แต่ต้องเป็นตัวเลขที่พิสูจน์ได้ ไม่ใช่นั่งเทียนขึ้นมา
แต่เรายังต้องยึดมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นกลไก วัตถุประสงค์ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเรากำลังดูอยู่ ทุกอย่างยังปรับเปลี่ยนได้ เช่น จะลดกลุ่มคนที่มีฐานะออกไป แต่จะใช้เกณฑ์อะไร ทุกอย่างเป็นไปได้ตามความเหมาะสม
ในเบื้องต้นเราบอกว่าจะให้ทุกคน แต่เมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็ต้องรับฟังและไปพิจารณา ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของคณะกรรมชุดใหญ่
กระบวนการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าทำ 10 เดือนเดือนละ 1,000 จะต่างอะไรจากบัตรคนจน มันจะไม่มีการกระชากขึ้น เราจำเป็นต้องช็อตแรงเพื่อให้เศรษฐกิจกระตุก คนกล้าที่จะลงทุน ไปประกอบอาชีพ สร้างการผลิตในสังคม หากค่อย ๆ ทำมันจะไม่ได้ผล และจะมีนโยบายอื่น ๆ ประกอบไปด้วย ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาเสร็จหมดแล้ว
เงินดิจิทัลเป็นเงินที่มีเงื่อนไข เช่น ต้องใช้ให้หมดใน 6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, ห้ามใช้ในการออม, ห้ามใช้หนี้, ห้ามใช้เล่นพนัน อบายมุข ซึ่งการออมมันเหมือนเป็นการทำให้เศรษฐกิจหยุด และเชื่อว่านโยบายนี้ทำให้มีตัวคูณทางเศรษฐกิจมากกว่านโยบายอื่น ๆ ในอดีต
ถามเรื่องการแลกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด ที่อาจส่อไปในทางทุจริตนั้น ในคณะกรรมการทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ มีทั้ง สนง.ตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ ที่เข้ามาช่วยดูเรื่องทุจริต และเทคโนโลยีที่ใช้ยังเป็นบล็อกเชน ที่เห็นหมดว่าเงินเเดินทางอย่างไร ไหลอย่างไร เข้ามือใคร จบที่ไหน ตัวรายละเอียดตรงนี้จะเป็นครั้งแรกในโลกเศรษฐศาสตร์ที่เราจะเห็นว่าเงินไหลเวียนอย่างไร และเมื่อเห็นการไหลเวียนแล้ว จะป้องกันการทุจริตได้มากกว่า หากจ่ายเป็นเงินสดเหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะเกิดการร้องเรียน แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจริงหรือไม่ และไม่สามารถเอาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการได้

วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง กล่าวผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงกรณีที่มีข่าวเรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต และอาจไม่ได้ทุกคน ว่า เรื่องการรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องมีการยืนยันตัวตน มันเป็นกระบวนการที่เอาฐานข้อมูลเก่ามาใช้ประโยชน์ คนที่เคยดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านโครงการของรัฐ ไม่ต้องทำแล้ว แค่คลิกว่าเราอยู่ตรงนี้ และยืนยันในสิทธิ์ของเรา
ส่วนใครที่ไม่เคยยืนยันตัวตน ก็ต้องมายืนยันตัวตน เพราะโครงการนี้มีกฎหมายบังคับอยู่ เพื่อที่จะไม่มีการสวมสิทธิ์และพิสูจน์ว่าท่านเป็นบุคคลตามหมายเลขบัตรจริง ๆ ซึ่งกระบวนการนี้ หากใครไม่ยืนยันตัวตน ก็ถือว่าไม่ได้เข้าสู่โครงการ
ส่วนใครที่ไม่เคยยืนยันตัวตน ก็ต้องมายืนยันตัวตน เพราะโครงการนี้มีกฎหมายบังคับอยู่ เพื่อที่จะไม่มีการสวมสิทธิ์และพิสูจน์ว่าท่านเป็นบุคคลตามหมายเลขบัตรจริง ๆ ซึ่งกระบวนการนี้ หากใครไม่ยืนยันตัวตน ก็ถือว่าไม่ได้เข้าสู่โครงการ
นอกจากนี้ ยังต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านใบหน้า หากใครไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องลงทะเบียน
จุลพันธ์ ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ตต้องทำ ตอนนี้เศรษฐกิจไทยโต 2% ปล่อยแบบนี้ระวังเป็นงูกินหาง เอามาสร้างสวัสดิการไม่ได้
เรื่องที่นักวิชาการออกมาคัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องบอกว่า ความจำเป็นในขณะนี้ ถ้าเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่นในภูมิภาค เราโตต่ำกว่าเขา 10 ปี และการประเมินการเติบโตไปข้างหน้า เราก็ประเมินต่ำกว่าตลอด ปีนี้ปรับลดการเจริญเติบโตน้อยลงจาก 3 กว่า เหลือ 2.8 และถ้าปล่อยไปแบบนี้ อาจต้องปรับการประเมิน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำลงเรื่อย ๆ ตัวเลขระดับ 2 นั้น รัฐบาลยอมรับไม่ได้ เราก็เห็นอยู่ว่า เราเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว และรัฐจะสร้างสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุไม่ได้ หากยังปล่อยการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราจึงต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยอัตราการโต 2% สุดท้ายจะเป็นงูกินหาง แต่หากโตไปแบบนี้เรื่อย ๆ เราจะไม่สามารถเอาเงินมาทำสวัสดิการได้
ผู้ที่ดูแลในเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ ก็ต้องดูแลส่วนนั้น เราไม่ก้าวก่าย แต่ส่วนของรัฐการผลักดันให้ประเทศมีความเจริญเติบโตตามศักยภาพถือเป็นสิ่งสำคัญ และแม้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้เงินที่สูง แต่รัฐก็ไม่ได้ละเลยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ หากทำได้ก็จะขยายเม็ดเงินไปเพิ่มในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงหนึ่งในนโยบายรัฐ เราได้ทำอย่างอื่นแล้ว เช่น ฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวบางประเทศเพื่อดึงเม็ดเงิน, ดึงเงินนักลงทุนเข้ามาในประเทศ เรื่องการปรับค่าครองชีพ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การลดราคาพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ทั้งหมดเป็นแพ็กเกจใหญ่ และเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว จะกลายเป็นเค้กก้อนเดียวที่จะผลักดันประเทศ อย่ามองเป็นชิ้น

จุลพันธ์ ยอมรับ อาจมีคนไม่ได้ใช้ ดิจิทัลวอลเล็ต กำลังดูเกณฑ์ว่าจะตัดใครออกไป
เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เรารับฟังเสียงสะท้อนจากหลายฝ่าย ประชาชนต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเราจะนำไปสู่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาว่า จะมีการกันคนที่รวยที่สุดออกหรือไม่อย่างไร ซึ่งต้องดูด้วยว่าคนที่ต้องถูกตัดออกไปเท่าไร ต้องดูตัวเลขที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ หากจะบอกว่า “คนรวย” จะดูอะไร ที่ดิน หรือ เงินในบัญชี หรือรายรับต่อเดือน แต่ต้องเป็นตัวเลขที่พิสูจน์ได้ ไม่ใช่นั่งเทียนขึ้นมา
แต่เรายังต้องยึดมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นกลไก วัตถุประสงค์ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเรากำลังดูอยู่ ทุกอย่างยังปรับเปลี่ยนได้ เช่น จะลดกลุ่มคนที่มีฐานะออกไป แต่จะใช้เกณฑ์อะไร ทุกอย่างเป็นไปได้ตามความเหมาะสม
ในเบื้องต้นเราบอกว่าจะให้ทุกคน แต่เมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็ต้องรับฟังและไปพิจารณา ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของคณะกรรมชุดใหญ่
จุลพันธ์ ยัน แจกเงินทีละเดือนไม่ได้ เพราะต้องช็อตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ - มีแนวโน้มขยายมากกว่า 4 กม.
กระบวนการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าทำ 10 เดือนเดือนละ 1,000 จะต่างอะไรจากบัตรคนจน มันจะไม่มีการกระชากขึ้น เราจำเป็นต้องช็อตแรงเพื่อให้เศรษฐกิจกระตุก คนกล้าที่จะลงทุน ไปประกอบอาชีพ สร้างการผลิตในสังคม หากค่อย ๆ ทำมันจะไม่ได้ผล และจะมีนโยบายอื่น ๆ ประกอบไปด้วย ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาเสร็จหมดแล้ว
เงินดิจิทัลเป็นเงินที่มีเงื่อนไข เช่น ต้องใช้ให้หมดใน 6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, ห้ามใช้ในการออม, ห้ามใช้หนี้, ห้ามใช้เล่นพนัน อบายมุข ซึ่งการออมมันเหมือนเป็นการทำให้เศรษฐกิจหยุด และเชื่อว่านโยบายนี้ทำให้มีตัวคูณทางเศรษฐกิจมากกว่านโยบายอื่น ๆ ในอดีต
ส่วน เรื่องการขยายพื้นที่นั้น ค่อนข้างโน้มเอียงว่าขยายมากกว่า 4 กม. แต่ไม่มีการข้ามจังหวัด ข้ามภาค
ถามเรื่องการแลกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด ที่อาจส่อไปในทางทุจริตนั้น ในคณะกรรมการทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ มีทั้ง สนง.ตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ ที่เข้ามาช่วยดูเรื่องทุจริต และเทคโนโลยีที่ใช้ยังเป็นบล็อกเชน ที่เห็นหมดว่าเงินเเดินทางอย่างไร ไหลอย่างไร เข้ามือใคร จบที่ไหน ตัวรายละเอียดตรงนี้จะเป็นครั้งแรกในโลกเศรษฐศาสตร์ที่เราจะเห็นว่าเงินไหลเวียนอย่างไร และเมื่อเห็นการไหลเวียนแล้ว จะป้องกันการทุจริตได้มากกว่า หากจ่ายเป็นเงินสดเหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะเกิดการร้องเรียน แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจริงหรือไม่ และไม่สามารถเอาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการได้