ธนาคาร 7 แห่ง เตรียมเปิดสแกนใบหน้า หากโอนเงินมากกว่า 5 หมื่นบาทต่อครั้ง ได้สูงสุด 2 แสนบาทต่อวัน มีธนาคารอะไรบ้าง ส่วนอีก 5 แห่งกำลังดำเนินการตามมา
![เปิดรายชื่อ 7 ธนาคาร สแกนใบหน้าก่อนโอนเงินเกิน 50000 เปิดรายชื่อ 7 ธนาคาร สแกนใบหน้าก่อนโอนเงินเกิน 50000]()
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 1 มิถุนายน 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังประสานสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์เอกชน เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัย โดยสิ่งที่ทำไปแล้วคือ การยกเลิกการแนบลิงก์ SMS หรืออีเมลไปยังลูกค้า
สิ่งที่จะทำต่อไป
สำหรับมาตรการป้องกันภัยออนไลน์ที่จะทำขึ้นในอนาคต ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยผ่านแอปฯ บนมือถือ โดยเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ธนาคารแต่ละแห่งประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่จะโอนเงินต่อครั้งตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป, ยอดโอนรวมต่อวันตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป และการเปลี่ยนวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องสแกนใบหน้าหรือยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
ส่วนคนที่ไม่ได้ทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์ ไม่ต้องยืนยันตัวตนดังกล่าว สามารถทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติ เช่น โอนเงินผ่านสาขา, ผ่านตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น
มาตรการสแกนใบหน้าก่อนโอนเงิน เริ่มตอนไหน
ธนาคารแต่ละแห่งจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการยืนยันตัวตนตลอดเดือนมิถุนายน และจะเริ่มมาตรการจำกัดวงเงินผู้ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยคนที่ไม่ยืนยันตัวตน ยังคงทำธุรกรรมได้ เพียงแต่การโอนเงินจะไม่สามารถโอนได้เกิน 50,000 บาท หรือโอนรวมต่อวันไม่เกิน 2 แสนบาท
มีทั้งหมด 7 แห่งที่ให้บริการ ตรวจสอบแอปฯ ผ่านแล้ว ได้แก่
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
- ธนาคารทหารไทยธนชาต
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ธนาคารออมสิน
ส่วนธนาคารอีก 5 แห่ง อยู่ระหว่างการปรับปรุงแอปฯ ให้ตรวจสอบได้ ได้แก่
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
- ธนาคารทิสโก้
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์
วิธีการตรวจสอบว่ายืนยันตัวตนแล้วหรือไม่
1. เข้าแอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์มือถือ
2. เลือกเมนูที่เกี่ยวกับการตั้งค่า
3. เลือก "จัดการบริการ NDID"
4. ถ้าเคยยืนยันตัวตนแล้ว จะแจ้งว่า ยืนยันตัวตนเรียบร้อย หากไม่เคยดำเนินการ จะแจ้งว่า "ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน, ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยการบันทึกใบหน้า หรือไม่พบข้อมูล”
วิธีการยืนยันตัวตน
ยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สำหรับมาตรการป้องกันภัยออนไลน์ที่จะทำขึ้นในอนาคต ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยผ่านแอปฯ บนมือถือ โดยเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ธนาคารแต่ละแห่งประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่จะโอนเงินต่อครั้งตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป, ยอดโอนรวมต่อวันตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป และการเปลี่ยนวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องสแกนใบหน้าหรือยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
ส่วนคนที่ไม่ได้ทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์ ไม่ต้องยืนยันตัวตนดังกล่าว สามารถทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติ เช่น โอนเงินผ่านสาขา, ผ่านตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น
มาตรการสแกนใบหน้าก่อนโอนเงิน เริ่มตอนไหน
ธนาคารแต่ละแห่งจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการยืนยันตัวตนตลอดเดือนมิถุนายน และจะเริ่มมาตรการจำกัดวงเงินผู้ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยคนที่ไม่ยืนยันตัวตน ยังคงทำธุรกรรมได้ เพียงแต่การโอนเงินจะไม่สามารถโอนได้เกิน 50,000 บาท หรือโอนรวมต่อวันไม่เกิน 2 แสนบาท
ธนาคารไหนบ้างที่เข้าร่วม
มีทั้งหมด 7 แห่งที่ให้บริการ ตรวจสอบแอปฯ ผ่านแล้ว ได้แก่
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
- ธนาคารทหารไทยธนชาต
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ธนาคารออมสิน
ส่วนธนาคารอีก 5 แห่ง อยู่ระหว่างการปรับปรุงแอปฯ ให้ตรวจสอบได้ ได้แก่
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
- ธนาคารทิสโก้
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์
วิธีการตรวจสอบว่ายืนยันตัวตนแล้วหรือไม่
1. เข้าแอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์มือถือ
2. เลือกเมนูที่เกี่ยวกับการตั้งค่า
3. เลือก "จัดการบริการ NDID"
4. ถ้าเคยยืนยันตัวตนแล้ว จะแจ้งว่า ยืนยันตัวตนเรียบร้อย หากไม่เคยดำเนินการ จะแจ้งว่า "ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน, ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยการบันทึกใบหน้า หรือไม่พบข้อมูล”
วิธีการยืนยันตัวตน
ยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย