แอปฯ ดูดเงินคืออะไร อันตรายแค่ไหน

แอปฯ ดูดเงินส่วนใหญ่มักจะเป็นแอปฯ ที่แฝงมัลแวร์ไว้ โดยมิจฉาชีพจะส่งลิงก์ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ ให้ทาง SMS ไลน์ หรืออีเมล ด้วยการหลอกล่อวิธีต่าง ๆ เช่น หลอกให้เงินกู้ หลอกให้กรอกข้อมูลลงทะเบียนเพื่อรับรางวัล หรืออ้างเป็นหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อติดตั้งแอปฯ ปลอมที่ทำเลียนแบบขึ้นมา
เมื่อแอปฯ ถูกติดตั้งในเครื่องแล้ว มัลแวร์ก็จะเริ่มทำงานด้วยการจำลองเป็นแอปฯ ธนาคารปลอม หลอกให้เหยื่อกรอกชื่อและรหัสผ่าน (PIN) พร้อมทั้งดักจับรหัสผ่านชั่วคราวหรือ OTP ที่ส่งมาทาง SMS แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดกลับไปให้มิจฉาชีพ ซึ่งจะทำให้มิจฉาชีพสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ และโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อไปได้
นอกจากนี้ยังมีแอปฯ ประเภท Remote Access ที่หากติดตั้งแล้วจะทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลและควบคุมโทรศัพท์มือถือของเหยื่อเพื่อทำธุรกรรมและโอนเงินออกจากบัญชีได้ โดยจะหลอกให้เหยื่อกรอกตัวเลข หรือรหัสผ่าน แล้วจึงนำรหัสเหล่านี้ไปใช้ทำธุรกรรมและโอนเงินออกจากบัญชี
รายชื่อแอปฯ ดูดเงิน ที่ต้องระวัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้รวบรวมรายชื่อ 203 แอปพลิเคชั่นอันตราย อัปเดตปี 2022 ซึ่งหากใครพบเห็นในเครื่องแนะนำให้ลบทิ้งทันที ดังนี้

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ภาพจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
วิธีสังเกตว่ามีแอปฯ ดูดเงินแฝงอยู่ในมือถือหรือไม่

ถ้าหากในมือถือมีแอปฯ ดูดเงินแฝงอยู่ เราจะมีวิธีสังเกตได้หลายอย่าง ได้แก่
- แอปฯ ต่าง ๆ อาจค้างหรือหยุดทำงานแบบไม่มีเหตุผล
- เครื่องมีอาการช้าและอืดกว่าเดิมมาก
- แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ เพราะแอปฯ ดูดเงินจะใช้ทรัพยากรในเครื่องหนักขึ้น เป็นต้น

ภาพจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB
- กดเลือกที่เมนูการตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) แล้วเลือก "แอพ"
- กดที่จุด 3 จุด มุมขวาบน เลือกเมนูย่อย "การเข้าถึงพิเศษ"
หากไม่สามารถเปิดดูเมนูดังกล่าวได้ หน้าจอเด้งออกไปที่หน้าหลักทันที แสดงว่ามือถือเครื่องนั้นถูกฝังแอปฯ รีโมตดูดเงินเรียบร้อยแล้ว ให้รีบตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันที แล้วสำรองข้อมูลที่สำคัญ จากนั้นล้างเครื่อง โดยรีเซตเครื่องกลับสู่ค่าเริ่มต้นที่มาจากโรงงาน
วิธีป้องกันแอปฯ ดูดเงิน ทำยังไงได้บ้าง
1. ไม่โหลดแอปฯ นอก Store ทางการ
2. ไม่โหลดแอปฯ ที่ไม่น่าเชื่อถือ
3. สังเกตที่มาของข้อความที่ได้รับ
4. ระวังก่อนกรอกข้อมูลสำคัญ
5. ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะ
6. ควรใช้สายชาร์จมือถือของตัวเอง
7. ใช้มือถือ 2 เครื่อง
อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การใช้โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
- เครื่องหลักจะเอาไว้ใช้งานทั่วไป เช่น คุยโทรศัพท์ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เล่นเกม และรับรหัส OTP
- เครื่องที่ 2 ใช้สำหรับติดตั้งแอปฯ ธนาคารโดยเฉพาะ ไม่ติดตั้งแอปฯ อื่น ปิดอินเทอร์เน็ตเมื่อไม่ใช้งาน จะเปิดใช้ก็ต่อเมื่อต้องการทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น และให้ใช้เบอร์โทร. ของเครื่องหลักเป็นเบอร์ที่รับรหัส OTP
8. หากพบแอปฯ ดูดเงินในเครื่อง ให้รีบเปลี่ยนรหัส
วิธีลดความเสียหาย จากแอปฯ ดูดเงิน
1. ไม่ฝากเงินจำนวนมาก ๆ ไว้ใน Mobile Banking
2. จำกัดวงเงินเบิกถอนต่อวัน
3. กระจายเงินไว้หลาย ๆ แห่ง ที่ไม่ได้ผูกแอปฯ ธนาคาร
4. ไม่ใช้รหัส หรือ PIN เดียวกันกับทุกแอปฯ
ถ้ากำลังถูกดูดเงินต้องทำยังไง

ในกรณีที่รู้ตัวว่ากำลังถูกดูดเงิน เช่น พบว่ามือถือค้างทำอะไรไม่ได้ แล้วเห็นมิจฉาชีพกำลังควบคุมมือถือหรือโอนเงินออกจากบัญชี ซึ่งไม่สามารถปิดเครื่องหรือทำอะไรได้เลย แนะนำให้เปิดโหมดเครื่องบิน ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยปิดเราเตอร์หรือตัวปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ในบ้าน และถอดซิมการ์ดออกจากโทรศัพท์ เมื่อมือถือขาดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต มิจฉาชีพก็จะไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ได้
ส่วนกรณีที่ถูกดูดเงินไปแล้วแต่เพิ่งรู้ตัวในภายหลัง ให้ค้นหาแอปฯ ดูดเงินในเครื่องแล้วลบทิ้ง รวบรวมหลักฐานการโอนหรือทำธุรกรรมเอาไว้ พร้อมทั้งติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัตรเครดิต บัญชีธนาคาร และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแจ้งความออนไลน์ ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และหากต้องการใช้มือถือเครื่องนั้นต่อ อย่าลืมทำการรีเซตตั้งคืนค่าโรงงาน (Factory Reset) ด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องกับกลโกงออนไลน์
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. - CCIB, เฟซบุ๊ก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก : Anti-Fake News Center Thailand, ธนาคารไทยพาณิชย์, ศคง., ตำรวจสอบสวนกลาง, (2), เฟซบุ๊ก Drama-addict, เฟซบุ๊ก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม