ผุดโครงการ เราไม่ทิ้งกัน เพื่อคนอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดสาขาอาชีพ คนละ 3,000 บาท ใช้จ่ายร้านหาบเร่ - เซเว่นฯ
วันที่ 2 กันยายน 2563 ไบรท์ทีวี รายงานว่า นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบุว่า ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และแจกเงินให้กับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน คนละ 3,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ใครจะได้เงินดังกล่าว และได้กี่คน ?
บุคคลที่อายุ 18 ปีขึ้นไป อาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไร ได้หมด จำนวน 15 ล้านคน
- ได้คนละเท่าไร ?
คนละ 3,000 บาท
- กำหนดให้ใช้เงินอย่างไร ?
ให้ใช้วันละ 100-250 บาท
- เงินที่ได้ ใช้กับร้านไหนได้บ้าง ?
ใช้กับร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่มาลงทะเบียน ร้านค้าเซเว่นฯ และในห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ การซื้อของจะเป็นแบบร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% รัฐจ่ายให้ 50% และรัฐบาลจะใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจในโครงการนี้จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับที่ผู้ได้สิทธิต้องออกด้วย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ 9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนตุลาคม 2563 โดยจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน อนึ่ง ตามรายงานข่าวระบุว่า ยังไม่ทราบวิธีการลงทะเบียนหรือการรับเงินของโครงการนี้ แต่อาจจะเป็นการทำโครงการผ่านเว็บไซต์ เช่นเดียวกับ www.เราไม่ทิ้งกัน.com
ขอบคุณข้อมูลจาก ไบรท์ทีวี
วันที่ 2 กันยายน 2563 ไบรท์ทีวี รายงานว่า นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบุว่า ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และแจกเงินให้กับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน คนละ 3,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ใครจะได้เงินดังกล่าว และได้กี่คน ?
บุคคลที่อายุ 18 ปีขึ้นไป อาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไร ได้หมด จำนวน 15 ล้านคน
- ได้คนละเท่าไร ?
คนละ 3,000 บาท
- กำหนดให้ใช้เงินอย่างไร ?
ให้ใช้วันละ 100-250 บาท
- เงินที่ได้ ใช้กับร้านไหนได้บ้าง ?
ใช้กับร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่มาลงทะเบียน ร้านค้าเซเว่นฯ และในห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ การซื้อของจะเป็นแบบร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% รัฐจ่ายให้ 50% และรัฐบาลจะใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจในโครงการนี้จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับที่ผู้ได้สิทธิต้องออกด้วย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ 9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนตุลาคม 2563 โดยจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน อนึ่ง ตามรายงานข่าวระบุว่า ยังไม่ทราบวิธีการลงทะเบียนหรือการรับเงินของโครงการนี้ แต่อาจจะเป็นการทำโครงการผ่านเว็บไซต์ เช่นเดียวกับ www.เราไม่ทิ้งกัน.com
ขอบคุณข้อมูลจาก ไบรท์ทีวี