x close

สื่อญี่ปุ่นตีข่าว ตลาดคอนโดฯ ไทย ซบเซา หลังการลงทุนจากจีนลดลง ในช่วงโควิด 19

       สื่อญี่ปุ่นตีข่าว ตลาดคอนโดฯ ไทย ซบเซา หลังการลงทุนจากจีนลดลง ผลกระทบต่อเนื่องจากโควิด 19 และเงินบาทแข็งค่า ชี้คอนโดฯ กทม. ขายไม่ออกเป็นแสน หลายที่เริ่มงัดกลยุทธ์ลดแหลก





ตลาดคอนโดมิเนียม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

       วันที่ 10 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์ Nikkei Asian Review นำเสนอรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มซบเซาลง เมื่อการลงทุนจากจีนเริ่มหดหาย นับตั้งแต่เงินบาทเริ่มแข็งค่า จนมาเจอสถานการณ์โรคระบาดซัดซ้ำในปีนี้

       จากการสัมภาษณ์ นายบ็อบบี้ เหอ ชาวจีนจากปักกิ่ง ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในไทย เปิดเผยว่า เขามีเพื่อนชาวจีนนับสิบคนที่เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหลายยูนิต ตามย่านยอดนิยมต่าง ๆ ในไทย เช่น กทม. ภูเก็ต และพัทยา โดยบางคนซื้อคอนโดมิเนียมเก็บไว้ถึง 3 ยูนิต ในโครงการเดียวกัน เพราะมีแผนจะใช้ชีวิตหลังเกษียณในไทย

       "พวกเขาตั้งใจเก็บไว้อยู่เอง 1 ยูนิต และอีก 2 ยูนิต ไว้ปล่อยเช่า เพื่อหาเงินมาใช้หลังเกษียณ" บ็อบบี้ เหอ กล่าว

       อย่างไรก็ตาม แม้อสังหาริมทรัพย์ในไทยดูเหมือนจะมีราคาน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อชาวจีน เมื่อเทียบกับตลาดในจีน แต่การลงทุนในไทยกลับถดถอยลง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเม็ดเงินจากจีนเริ่มหายไปจากตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่การระบาดของ COVID-19 กลับเข้ามาซ้ำเติม ไม่ต่างจากการโรยเกลือลงบนแผล

       บ็อบบี้ เหอ เผยว่า มีนักลงทุนชาวจีนคนหนึ่งที่เคยใช้เงิน 3.8 ล้านบาท ซื้อคอนโดมิเนียมยูนิตหนึ่งแถวชานเมือง กทม. แต่ไม่นานมานี้กลับทราบว่าทางนักพัฒนาโครงการเพิ่งหั่นราคาลงเหลือไม่ถึง 3 ล้านบาท

ตลาดคอนโดมิเนียม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

       ทั้งนี้ Nikkei Asian Review ชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในไทยขึ้นอยู่กับน้ำหนักจากนักลงทุนจีน โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า จากเม็ดเงินมูลค่า 92.16 พันล้านบาท ที่ไทยได้รับโอนจากชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในปี 2561 มีถึง 43% ที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง

       นอกจากนี้ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ไต้หวัน อังกฤษ และญี่ปุ่น ก็อยู่ในกลุ่มผู้ซื้อที่นำเงินมาลงทุนสูงสุดในอันดับรองลงมาเช่นกัน

       ด้าน นายหวง เฉิง ชายชาวจีนจากเมืองเฉิงตู ซึ่งเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหลายยูนิต ในย่านวงเวียนใหญ่และอ่อนนุช ซึ่งเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเช่าห้องพัก Airbnb เผยว่า ก่อนหน้าที่จะมีโรคระบาด เขาสามารถปล่อยห้องให้เช่าได้ง่าย ๆ ในราคาไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท แต่ตอนนี้คอนโดมิเนียมของเขาส่วนใหญ่กลับถูกทิ้งว่าง

       อนึ่ง ไทยมีคำสั่งห้ามเที่ยวบินพาณิชย์เดินทางเข้าประเทศไทยจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งแม้จะเริ่มมีการหารือเรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ผู้สังเกตการณ์ด้านการตลาดมองว่ากิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในไทยน่าจะยังไม่ฟื้นกลับมา จนกว่าจะถึงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563

       ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เผยข้อมูลในเดือนพฤษภาคม คาดว่า ในปี 2563 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเกือบ 2 ใน 3 จากปีที่ผ่านมา โดยเหลือเพียงแค่ 14 ล้านคน เมื่อเทียบกับในปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยร่วม 39.8 ล้านคน เรียกว่าเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 14 ปี

       ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมของไทย พบว่า ระหว่างปี 2553-2561 ไทยมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่เปิดตัวใน กทม. เฉลี่ยปีละ 105,000 ยูนิต แต่ยอดขายในแต่ละปีจะมีเพียง 96,000 ยูนิต เท่านั้น โดยพบว่าในเดือนพฤษภาคม 2563 ยังมีคอนโดมิเนียมใน กทม. อีกราว 100,000 ยูนิต ที่ยังคงเปิดขายอยู่

       เมื่อมีสถานการณ์โรคระบาด ก็ยิ่งส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ นักพัฒนาโครงการแต่ละแห่งต่างพยายามงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ มาจูงใจผู้ซื้อ บางแห่งเสนอส่วนลดสูงสุดถึง 50% อย่างไรก็ตาม นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ตลาดคอนโดมิเนียมค่อนข้างชะลอตัวลงทั้งในแง่อุปสงค์และอุปทาน โดยคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีก 2 ปี กว่าตลาดคอนโดมิเนียมในไทยจะกลับมาดีขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก Nikkei Asian Review


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สื่อญี่ปุ่นตีข่าว ตลาดคอนโดฯ ไทย ซบเซา หลังการลงทุนจากจีนลดลง ในช่วงโควิด 19 อัปเดตล่าสุด 11 มิถุนายน 2563 เวลา 14:35:57 18,733 อ่าน
TOP