ข่าวดีของผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลัง เตรียมเสนอมาตรการเพิ่มเบี้ยยังชีพเป็น 1,000 บาทเท่ากันทุกคน พร้อมให้ค่าเช่าบ้าน-ค่ารถรักษาพยาบาล เร่งชง ครม. ภายในสิ้นปี 2561
![เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ]( "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ")
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่า นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีข้อเสนอมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยแนวทางให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย
- เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีประมาณ 3.5 ล้านคน ให้ได้รับเงินเพิ่มเท่ากัน 1,000 บาทต่อเดือน
จากปัจจุบันที่มีการจ่ายแบบขั้นบันได แบ่งเป็น อายุ 60-69 ปี รับเงินเดือนละ 600 บาท, อายุ 70-79 ปี ได้ 700 บาท, อายุ 80-89 ปี ได้ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไปได้เงินเดือนละ 1,000 บาท
- ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน
สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองและต้องเช่าบ้านอยู่
- ช่วยเหลือค่ารถให้กับผู้ป่วยผู้สูงอายุที่เดินทางมารักษาพยาบาล คนละ 500-1,000 บาทต่อเดือน
![เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ]( "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ")
โดยมาตรการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอดูความเหมาะสมอย่างรอบคอบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในสิ้นปี 2561 เพื่อจะเริ่มมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทำการจัดสรรงบเพิ่มเติมเข้ากองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากอีก 5 หมื่นล้านบาท เป็น 1 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการจัดทำมาตรการ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า มีความกังวลเรื่องภาระงบประมาณของมาตรการนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้เปิดรับผู้มีสิทธิ์ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบเพิ่มเติมเข้ามาอีก 3.1 ล้านราย ทำให้มีผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเป็น 14.5 ล้านราย จากเดิมอยู่ที่ 11.4 ล้านราย ซึ่งตรงจุดนี้ภาครัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเข้าไปเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีประมาณ 3.5 ล้านคน ให้ได้รับเงินเพิ่มเท่ากัน 1,000 บาทต่อเดือน
จากปัจจุบันที่มีการจ่ายแบบขั้นบันได แบ่งเป็น อายุ 60-69 ปี รับเงินเดือนละ 600 บาท, อายุ 70-79 ปี ได้ 700 บาท, อายุ 80-89 ปี ได้ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไปได้เงินเดือนละ 1,000 บาท
- ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน
สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองและต้องเช่าบ้านอยู่
- ช่วยเหลือค่ารถให้กับผู้ป่วยผู้สูงอายุที่เดินทางมารักษาพยาบาล คนละ 500-1,000 บาทต่อเดือน
โดยอาจเสนอให้มีการโยกวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นค่ารถไฟ หรือรถโดยสาร บขส. ซึ่งปกติผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยไม่ได้ใช้ให้มาใช้จ่ายเป็นค่าเดินทางเพื่อรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอมาตรการจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากพบว่ามีผู้สูงอายุและผู้ป่วยไม่น้อยที่ขาดคนดูแล จึงจะมีการเสนอให้มีการฝึกอาชีพผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 2 ให้มีทักษะเข้าไปดูแลผู้สูงอายุในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย โดยภาครัฐจะจ่ายค่าจ้างดูแลให้ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 308-330 บาทต่อวัน ตามค่าแรงของแต่ละพื้นที่
โดยมาตรการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอดูความเหมาะสมอย่างรอบคอบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในสิ้นปี 2561 เพื่อจะเริ่มมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทำการจัดสรรงบเพิ่มเติมเข้ากองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากอีก 5 หมื่นล้านบาท เป็น 1 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการจัดทำมาตรการ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า มีความกังวลเรื่องภาระงบประมาณของมาตรการนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้เปิดรับผู้มีสิทธิ์ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบเพิ่มเติมเข้ามาอีก 3.1 ล้านราย ทำให้มีผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเป็น 14.5 ล้านราย จากเดิมอยู่ที่ 11.4 ล้านราย ซึ่งตรงจุดนี้ภาครัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเข้าไปเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
