จากกรณีที่ นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มอาลีบาบา (Alibaba Group) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน มีกำหนดการเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อร่วมลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) โดยมีแผนลงทุนพัฒนาศูนย์ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC มูลค่าเงินลงทุน 11,000 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น [อ่านข่าว : "แจ็ค หม่า" หอบเงิน 11,000 ล้าน เยือนไทย ลงทุนพื้นที่ EEC]
ล่าสุดวันที่ 19 เมษายน 2561 นายแจ็ค หม่า ได้เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล โดยพบกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก่อนจะเตรียมตัวเข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในลำดับต่อไป เพื่อลงนามความร่วมมือ 4 ฉบับ ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. โครงการลงทุนสร้างศูนย์ "สมาร์ท ดิจิทัล ฮับ" ในพื้นที่ EEC มูลค่า 11,000 ล้านบาท
2. โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัล และการส่งเสริมธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งอาลีบาบาจะร่วมกับไทยในการพัฒนากลุ่มคนเก่ง หรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent)
3. โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัปของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
4. อาลีบาบาจะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการจัดทำ Thailand Tourism Platform โดยเฉพาะ เพื่อจัดกิจกรรมด้านการตลาดร่วมกันบนออนไลน์แพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมโยงกับสื่อและช่องทางต่าง ๆ
รายงานข่าวระบุว่า นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย มองว่า การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของ แจ็ค หม่า นั้น ถือเป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยจะมีเงินลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านออนไลน์และดันธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตมากขึ้น
นายภาวุธ เผยว่า มีความกังวลเรื่องการผูกขาดและสินค้าจีนมีโอกาสสูงที่จะทะลักเข้าสู่ไทยจนส่งผลให้เกิดการขาดดุล รวมถึงผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะไม่สามารถแข่งขันได้แม้จะพยายามกระตุ้นผู้ประกอบการ แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการอย่าง อาลีบาบา, ลาซาด้า ก็รุกตลาดเมืองไทยอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรด้านอีคอมเมิร์ซ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใดอาจต้องติดตามในระยะต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam, ทวิตเตอร์ @ThanawatLive
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก