คิดให้รอบด้านก่อนซื้อบ้าน ซื้อรถ ลดรายจ่าย เก็บออมเพื่อเป้าหมาย และวางแผนเก็บเงินเป็นค่าเรียนลูก เป็นวิธีที่จะช่วยให้คู่รักจัดการเงินได้อย่างลงตัว
ในวันที่คนสองคน ตัดสินใจจับมือกันเข้าประตูวิวาห์ "ความรัก" อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ แต่สำหรับการสร้างฐานะครอบครัวให้มีความสุขแล้ว หลีกไม่พ้นเรื่องการจัดการเงินของทั้งสองคน วันนี้ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย จึงได้นำเรื่องการเงินที่คู่แต่งงานใหม่มักจะต้องเจอ ให้ทุกคู่สามารถสร้างครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความรัก มีความสุขสมหวังจากการเงินที่งอกเงยได้ตามหน้าที่การงานและความต้องการที่มากขึ้นในครอบครัวกัน
คิดให้ครบกับหนี้สินก้อนโต : บ้านให้ซื้อเผื่อ รถให้ซื้อแค่พอจำเป็น
บ้าน : สำหรับปัจจุบันแล้ว เรื่องการซื้อบ้านหรือคอนโด เพื่อแยกอยู่อาศัยจากครอบครัว ดูจะเป็นเรื่องปกติที่คู่แต่งงานต่างก็เลือกทำกัน และด้วยค่าบ้านที่สูงมาก การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจึงอาจเป็นหนี้ก้อนโตก้อนแรกในชีวิต
ข้อชวนคิด ปกติเรามักจะเลือกซื้อบ้านแค่ตามวงเงินกู้ที่ได้รับ คำถามที่ว่า "เงินเดือนเท่านี้จะกู้ซื้อบ้านได้ที่เท่าไหร่" จึงเป็นคำตอบในเรื่องนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่างานที่ทำจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีอย่างแน่นอน อย่างการเป็นพนักงานประจำ นั่นก็แสดงว่าเราจะสามารถผ่อนชำระได้มากขึ้นในทุก ๆ ปีเช่นกัน การคิดเผื่อและเลือกซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกนิด เพื่อรองรับคนในครอบครัวในอนาคตไว้ล่วงหน้า เช่น ลูกหรือคุณพ่อคุณแม่
รวมทั้งเลือกทำเลบ้านที่สามารถตอบโจทย์ในอนาคต เช่น ใกล้ที่ทำงาน ใกล้บ้านคุณพ่อคุณแม่ หรือใกล้โรงเรียนที่ตั้งใจให้ลูกเรียน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ควรนำมาตัดสินใจ แนะนำให้ทำ เก็บเงินดาวน์ให้มากขึ้นก่อนซื้อบ้าน หรือการขอกู้ร่วม 2 คน โดยให้ภาระผ่อนต่อเดือนของทั้งคู่ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน จะช่วยให้การซื้อบ้านขนาดใหญ่ขึ้น โดยไม่ต้องขอสินเชื่อก้อนใหญ่จนเกินความสามารถผ่อนชำระ
เพราะในชีวิตคนเรา จะไม่ได้ซื้อบ้านได้บ่อยนัก ดังนั้น การวางแผนที่จะเป็นหนี้ก้อนโตระยะยาวแบบนี้ ให้เป็นภาระหนี้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต จึงมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ได้แก่ การผ่อนชำระหนี้ก้อนโตในวันที่เรามีภาระไม่มาก (ยังไม่มีลูก) ผ่อนชำระได้นานอีก 30-35 ปี และราคาบ้านที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาที่จะซื้อใหม่ในอนาคต และที่สำคัญต้องอย่าลืมคุ้มครองภาระหนี้ด้วยการทำประกันคุ้มครองภาระหนี้ MRTA เพราะกว่าจะผ่อนหมด ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน บ้านในฝันอาจเป็นภาระในครอบครัวแทน ไม่ดีแน่ๆ
ในวันที่คนสองคน ตัดสินใจจับมือกันเข้าประตูวิวาห์ "ความรัก" อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ แต่สำหรับการสร้างฐานะครอบครัวให้มีความสุขแล้ว หลีกไม่พ้นเรื่องการจัดการเงินของทั้งสองคน วันนี้ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย จึงได้นำเรื่องการเงินที่คู่แต่งงานใหม่มักจะต้องเจอ ให้ทุกคู่สามารถสร้างครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความรัก มีความสุขสมหวังจากการเงินที่งอกเงยได้ตามหน้าที่การงานและความต้องการที่มากขึ้นในครอบครัวกัน
คิดให้ครบกับหนี้สินก้อนโต : บ้านให้ซื้อเผื่อ รถให้ซื้อแค่พอจำเป็น
บ้าน : สำหรับปัจจุบันแล้ว เรื่องการซื้อบ้านหรือคอนโด เพื่อแยกอยู่อาศัยจากครอบครัว ดูจะเป็นเรื่องปกติที่คู่แต่งงานต่างก็เลือกทำกัน และด้วยค่าบ้านที่สูงมาก การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจึงอาจเป็นหนี้ก้อนโตก้อนแรกในชีวิต
ข้อชวนคิด ปกติเรามักจะเลือกซื้อบ้านแค่ตามวงเงินกู้ที่ได้รับ คำถามที่ว่า "เงินเดือนเท่านี้จะกู้ซื้อบ้านได้ที่เท่าไหร่" จึงเป็นคำตอบในเรื่องนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่างานที่ทำจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีอย่างแน่นอน อย่างการเป็นพนักงานประจำ นั่นก็แสดงว่าเราจะสามารถผ่อนชำระได้มากขึ้นในทุก ๆ ปีเช่นกัน การคิดเผื่อและเลือกซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกนิด เพื่อรองรับคนในครอบครัวในอนาคตไว้ล่วงหน้า เช่น ลูกหรือคุณพ่อคุณแม่
เพราะในชีวิตคนเรา จะไม่ได้ซื้อบ้านได้บ่อยนัก ดังนั้น การวางแผนที่จะเป็นหนี้ก้อนโตระยะยาวแบบนี้ ให้เป็นภาระหนี้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต จึงมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ได้แก่ การผ่อนชำระหนี้ก้อนโตในวันที่เรามีภาระไม่มาก (ยังไม่มีลูก) ผ่อนชำระได้นานอีก 30-35 ปี และราคาบ้านที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาที่จะซื้อใหม่ในอนาคต และที่สำคัญต้องอย่าลืมคุ้มครองภาระหนี้ด้วยการทำประกันคุ้มครองภาระหนี้ MRTA เพราะกว่าจะผ่อนหมด ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน บ้านในฝันอาจเป็นภาระในครอบครัวแทน ไม่ดีแน่ๆ
ข้อชวนคิด จึงเน้นเลือกซื้อตามความจำเป็นต้องใช้งานเป็นหลัก เช่น ถ้าทั้งสองคนทำงานในเมืองเหมือนกัน ละแวกใกล้ ๆ กัน การใช้รถยนต์แค่คันเดียว แบบอีโคคาร์ ทั้งประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องไปจ่ายค่าจอดรถแสนแพงในเมือง และค่าใช้จ่ายดูแลรักษาที่จะตามมา ต่อคันตกเดือนละเกือบหมื่น ให้รถเป็นตัวช่วยให้เราประหยัดเวลาและค่าเดินทาง แทนการรับภาระที่เกิดจากรถยนต์กันดีกว่า
รายจ่ายรายเดือน : เป็นเรื่องจริงที่ว่า การที่ได้มาอยู่ร่วมกันทำให้เราสามารถลดรายจ่ายได้ในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะค่าเดินทาง ค่ากิน แนะนำให้ทำ บันทึกรายรับรายจ่ายของทั้งสองคน เพื่อจะได้ทราบรายจ่ายไม่จำเป็นอะไรที่พอจะลดลงได้ จะมีเงินที่ช่วยกันเก็บออมได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากจะช่วยสร้างความเข้าใจในรายรับและรายจ่ายที่จำเป็นของแต่ละคน เช่น เงินก้อนสำหรับดูแลคุณพ่อคุณแม่ เงินก้อนสำหรับจ่ายค่าประกันชีวิต และยังสร้างแนวทางร่วมกันในการสร้างฐานะการเงินในบ้านได้อย่างดีเยี่ยมด้วย
เป้าหมายอื่น ๆ : รายจ่ายอีกก้อนที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ชีวิตคู่ อาจเป็นเงินก้อนสำหรับท่องเที่ยว พักผ่อนตามกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ สำหรับเงินก้อนนี้ แนะนำให้ทำ การเขียนเป้าหมายให้ชัด และเก็บออมตามช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น ท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ในอีก 24 เดือนข้างหน้า ต้องใช้เงิน 100,000 บาท แค่นี้ก็ทำให้รู้ว่าการช่วยกันทยอยฝากเงินในบัญชีเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน เพียงเดือนละ 4,200 บาท จนครบ 24 เดือน ดังนั้น การเก็บเงินเพื่ออนาคตและเรื่องในปัจจุบันก็ทำได้ไปพร้อม ๆ กัน
ระยะเวลาสั้น : ทันทีที่รู้ว่ากำลังจะมีลูก หลาย ๆ บ้านมักอยากหาที่เรียนพิเศษพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของลูกก่อนเข้าโรงเรียน สิ่งที่ตามมาคือ ค่าเรียนตามสถาบันต่าง ๆ ที่แพงหูฉี่ ข้อชวนคิด ก่อนวัยเรียน การสร้างทักษะที่สำคัญคือการเข้าสังคม และการมีสมาธิเพื่อเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้สร้างทักษะให้ลูกได้ เช่น จากการพาลูกเดินเล่นรอบบ้าน หรือการให้ลูกนั่งคาร์ซีท และนั่ง High Chair ทานอาหาร
หรือการงดไม่ให้ลูกเล่นอุปกรณ์สื่อสาร ไอแพดต่าง ๆ นอกจากจะประหยัดค่าเรียนแล้ว ยังทำให้เรามีความสุขจากการเห็นทักษะลูกได้ในทุก ๆ วัน แนะนำให้ทำ ตั้งเป้าหมายทยอยเก็บเงินเพื่อเป็นทุนสำหรับการเรียนลูกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ระดับชั้น เช่น ถ้าลูกอายุ 6 เดือน แสดงว่ายังมีเวลา 30 เดือนสำหรับเตรียมเงินเพื่อค่าเรียนระดับอนุบาล และอาจเก็บเงินเพื่อค่าเรียนระดับประถมศึกษา ในอีก 66 เดือน ข้างหน้าได้ ถ้ามีเงินเก็บได้เยอะ ก็เก็บได้พร้อม ๆ กันไปหลาย ๆ ระดับชั้นได้
ระยะเวลายาว : คุณพ่อคุณแม่ควรมีเป้าหมายในใจว่าต้องการให้ลูกเรียนไปจนถึงระดับใด จะได้รู้ตัวและทยอยเก็บล่วงหน้า เช่น ถ้าความตั้งใจคือ อยากให้ลูกเรียนปริญญาโทต่างประเทศ นั่นคือจะต้องมีเงินทุนประมาณ 10 ล้านบาท (รวมการเพิ่มค่าเทอมต่อปี ในอัตราปีละ 5%)
ข้อชวนคิด การวางแผนทยอยเก็บเงินหรือลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว จะช่วยให้ถึงเป้าหมายได้มากขึ้น แนะนำให้ทำ ตั้งเป้าหมายทยอยเก็บเงินก้อนนี้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก เช่นอายุ 1 ขวบ ทยอยลงทุนต่อเนื่องนาน 20 ปี ผ่านกองทุนรวมหุ้น (อัตราผลตอบแทน 10% ต่อปี) เดือนละ 13,200 บาท เพื่อเป็นทุน 10 ล้านบาทตามกำหนด และแนะนำให้ทำประกันเน้นคุ้มครองชีวิตคุณพ่อคุณแม่ ให้ครอบคลุมกับเป้าหมายนี้ ได้แก่ ประกันตลอดชีพ หรือประกันชั่วระยะเวลา คุ้มครองความเสี่ยงจากเรื่องไม่คาดฝัน ให้ลูกยังคงได้เรียนตามที่ตั้งใจ
การเงินในครอบครัวอาจเป็นเรื่องบอบบาง และไม่ใช่ทุกอย่าง แต่การจัดการเงินในบ้านที่ขาดการวางแผน ก็อาจทำลายความสุขในการสร้างภาพครอบครัวที่ต้องการได้ หันมาพูดคุยและร่วมใจกันจัดการเงิน
K-Expert Action
• วางแผนเก็บเงินดาวน์บ้านอย่างน้อย 20% ของราคาบ้าน
• เลือกสินทรัพย์ลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และระยะเวลาในการลงทุน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก