วันที่ 23 สิงหาคม 2560 แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรณีการเก็บภาษีเครื่องดื่ม ที่มีค่าความหวานหรือน้ำตาลมากกว่าที่กฎหมายกำหนด (ภาษีน้ำหวาน) ในภาพรวมอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ที่ 20% ซึ่งจะครอบคลุมเครื่องดื่มทุกประเภท ทั้ง น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชาเขียว และเครื่องดื่มชูกำลัง จะต้องเสียภาษีหมดหากมีค่าความหวานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยจะให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปี ซึ่งหากมีการลดความหวานลง ก็จะทำให้เสียภาษีในอัตราเท่าเดิมหรือลดลง ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบการจะใช้เหตุผลนี้ในการปรับเพิ่มราคาสินค้าในช่วง 2 ปีนี้
1. ค่าความหวาน 0 – 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่ต้องเสียภาษี
2. ค่าความหวาน 6 – 8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 10 สตางค์ต่อลิตร
3. ค่าความหวาน 8 – 10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 30 สตางค์ต่อลิตร
4. ค่าความหวาน 10 – 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร
5. ค่าความหวาน 14 – 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร
และ 6. ค่าความหวาน 18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ จากการประชุม ครม. สัญจรที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 ได้มีการเห็นชอบอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จำนวน 13 สินค้า และ 4 ภาคบริการ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ ที่จะเริ่มใช้วันที่ 16 กันยายน 2560 โดยเปลี่ยนการเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานหรือราคาสำแดงนำเข้า มาเป็นราคาปลีกแนะนำ
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เหลืออีก 3 รายการ คือ ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไพ่ จะมีการเสนออัตราภาษีใหม่ให้ ครม.เห็นชอบในช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก่อนวันที่ 16 กันยายนนี้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหว เกรงว่าจะเกิดการกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไร โดยที่ภาระภาษีไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนต่อราคาสินค้าและบริการ ซึ่งทางกรมสรรพสามิตยืนยันว่าอัตราภาษีใหม่ จะไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนเป็นภาระแก่ผู้บริโภค
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก