รู้ทัน ! แชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุน-ออมเงิน สังเกตอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

          แชร์ลูกโซ่ ภัยร้ายคู่สังคมไทย จะมีวิธีสังเกตได้อย่างไรว่าธุรกิจไหนมีความเสี่ยง เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ

แชร์ลูกโซ่
   
          ขบวนการหลอกลวงอย่าง "แชร์ลูกโซ่" อยู่คู่กับสังคมไทยทุกยุค ทุกสมัย และไม่เคยหายห่างไปไหนเลย แม้ปัจจุบันเราจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีหลายคนหลงเชื่อไปกับกลุ่มมิจฉาชีพเพราะความโลภ และความอยากรวยทางลัด จึงเป็นจุดอ่อนให้มิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปได้ แม้กระทั่งในยุคที่การติดต่อสื่อสารสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่ทว่านี่กลับเป็นดาบสองคมที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพนำจุดนี้มาหลอกลวงให้คนตกเป็นเหยื่อ สร้างเครือข่ายจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

          โดยปัจจุบันการหลอกลวงแฝงมากับธุรกิจที่ซับซ้อนขึ้น และปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ตอบโจทย์คนในแต่ละยุคสมัย ทำให้มีคนตกเป็นเหยื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่สินค้าเกษตร น้ำมัน เงินตราต่างประเทศ การจัดสัมมนาขายตรง ขายคอร์สต่าง ๆ หลอกออมเงินให้ผลตอบแทนสูง หรือแม้แต่ธุรกิจทัวร์ต่างประเทศเองก็ยังมีมิจฉาชีพนำมาแปรสภาพเพื่อหลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินไปได้แบบเนียน ๆ

          เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการแชร์ลูกโซ่ มาดูกันว่าจะมีวิธีสังเกตเบื้องต้นอย่างไรบ้าง ว่าธุรกิจนั้น เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า และยังมีกลลวงอะไรอีกที่เราต้องรู้เท่าทัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ


          แชร์ลูกโซ่ คืออะไร

          ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แชร์ลูกโซ่นั้นคืออะไร โดยแชร์ลูกโซ่ จะเน้นการระดุมทุนจากสมาชิก จูงใจด้วยผลตอบแทนสูงเกินจริง และมักอ้างว่านำไปลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรดี แล้วจ่ายปันผลให้จำนวนมากในช่วงแรก ๆ ซึ่งคนที่ได้รับเงินปันผลเยอะ ๆ ก็อยากลงทุนเพิ่มอีก ยอมเทหมดหน้าตัก หรือบอกต่อคนอื่นให้มาร่วมลงทุนด้วย

         
นี่ล่ะคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของแชร์ลูกโซ่ ก็คือ การหาสมาชิกใหม่ให้ได้มาก ๆ เพื่อนำเงินจากรายใหม่มาจ่ายให้รายเก่าวนไป ทำแบบนี้เป็นทอด ๆ กันเป็นลูกโซ่
ท้ายที่สุดเมื่อถึงจุดที่ธุรกิจหมุนเงินไม่ทันก็จะเริ่มเลื่อนการจ่ายผลตอบแทน และหนีไปในที่สุด ทิ้งสมาชิกจำนวนมากไว้เบื้องหลัง

แชร์ลูกโซ่

ภาพจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน

          สังเกตได้อย่างไร ว่านี่คือแชร์ลูกโซ่
 
          1. เปิดระดมทุนไม่อั้น
          ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาลงทุนกับธุรกิจเครือข่ายนี้ได้ โดยอาจเริ่มจากการเก็บค่าแรกเข้าแพง ๆ แลกกับการเป็นสมาชิก และมีการเชิญชวนให้สมาชิกชักชวนคนรู้จักมาลงทุนด้วยกัน เพื่อจะได้รับเงินส่วนต่างพิเศษเพิ่ม หรือได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มอีก

          2. การันตีผลตอบแทนสูงมาก
          มีการรองรับผลตอบแทนที่จะได้สูงมาก ๆ จากการลงทุนในระยะเวลาอันสั้น เช่น ลงทุนแค่ 1,000 บาท ได้คืน 1,900 บาท ภายใน 1 เดือน หรืออาจได้รับผลตอบแทน 5-10% ต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ เพื่อเรียกความสนใจให้เราเข้าไปลงทุน โดยส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนตามกล่าวอ้างจริงในช่วงแรก ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนนำเงินสดเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก

          3. ตรวจสอบข้อมูลการเงินไม่ได้
          เป็นบริษัทที่ไม่สามารถตรวจสอบงบการเงิน หรือข้อมูลการทำธุรกิจได้ว่าได้กำไรมาจากไหน เอาเงินที่ได้ไปทำอะไรบ้าง รวมถึงไม่สามารถตรวจสอบงบการเงินที่ได้รับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้ ทั้งนี้ เราสามารถตรวจสอบงบการเงินเบื้องต้นของแต่ละบริษัทได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ หรือเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

           4. เชียร์ให้รีบตัดสินใจลงทุน
          ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มีจุดประสงค์หลักคือขยายเครือข่ายไปให้มากที่สุด ดังนั้นจึงต้องหาสมาชิกเข้ามาลงทุนด้วยมาก ๆ ซึ่งหากสังเกตได้ว่ามีการหว่านล้อมให้เรารีบเข้าลงทุนโดยเร็ว หรือสร้างบรรยากาศต่าง ๆ ให้คนอยากเข้าลงทุนมากจนเกินปกติ ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่  

          5. จัดอบรมสัมมนาใหญ่โต
          มีการจัดงานอบรมสัมมนาใหญ่โต แล้วเชิญเราเข้าไปรับฟังแผนธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท แต่จริง ๆ แล้วมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการให้คนเข้าร่วมสัมมนาคล้อยตามและรีบสมัครเป็นสมาชิก

          6. อ้างว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียงร่วมลงทุนด้วย
          เป็นวิธีหลอกล่อให้คนสนใจร่วมลงทุนมากขึ้น โดยการอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักร้อง หรือนักธุรกิจชื่อดัง ว่าได้ร่วมลงทุนในธุรกิจนี้เช่นกัน 

          แชร์ลูกโซ่มีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง ?

          แชร์ลูกโซ่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ออกมาเป็นหลากหลายรูปแบบ และได้ระบาดไปทั่วทุกสายอาชีพ ประกอบกับยังมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เรามาดูกันว่าแชร์ลูกโซ่ที่เรามีโอกาสพบเห็นมีแบบไหนบ้าง

          1. ลงทุนในสินค้าเกษตร
          เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นมานาน แต่ก็ยังมีการนำมาหลอกลวงด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีอยู่เรื่อย ๆ โดยหลัก ๆ จะเป็นการหลอกให้เข้ามาลงทุนกองทุนสินค้าเกษตร และการันตีผลตอบแทนที่สูง ซึ่งจะมีการปั่นราคาสินค้าชนิดนั้นในตลาด เพื่อหลอกให้เหยื่อสนใจ ซึ่งที่ผ่านมามีสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือ เช่น พันธุ์ไม้กฤษณา ไม้สัก มะม่วง ยางพารา เป็นต้น
    
          2. ขายตรง
          ธุรกิจขายตรงบางแห่งมักแฝงมากับขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยใช้สินค้าเป็นตัวบังหน้าเท่านั้น แต่ต้องการเพียงขยายฐานสมาชิก โดยจะมีการเก็บค่าสมัครสมาชิก และบังคับให้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพต่ำในราคาสูง

          3. ระดมทุนตั้งบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
          เป็นการขายฝันเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมถือหุ้นในบริษัท โดยหลอกว่าบริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ต้องการที่จะหาสมาชิกให้มากพอก่อน เพื่อจะได้ให้เราไปชักชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนด้วย 
         
          4. ผลิตภัณฑ์อวดอ้างสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค
          หลอกลวงเงินของชาวบ้าน โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รักษาโรค แล้วแอบอ้างว่ามีสรรพคุณพิเศษผ่านการใช้โฆษณาชวนเชื่อ จนมีคนหลงเชื่อซื้อมาใช้ จากนั้นจึงสร้างเครือข่ายสมาชิกหลอกให้คนนำเงินมาร่วมลงทุน ทำให้ผู้ตกเป็นเหยื่อเสียทั้งทรัพย์สิน และอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการกินยาที่ไม่มีคุณภาพอีกด้วย

          5. ลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ หรือคริปโทเคอร์เรนซี
          เป็นการชักชวนให้เข้าลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ (Forex) หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโทเคอร์เรนซีที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งถ้าเป็นการเทรดผ่านเว็บไซต์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รับรองแล้วก็จะไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ แต่การลงทุน Forex หรือคริปโทเคอร์เรนซีที่เป็นแชร์ลูกโซ่มักอ้างผลตอบแทนมหาศาล อ้างว่ายิ่งลงทุนมากยิ่งได้มาก และไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของบริษัทได้

คริปโต

          6. ลงทุนทองคำ น้ำมัน 
          มีการจูงใจให้คนเข้ามาร่วมลงทุนเก็งกำไรในราคาทองคำและน้ำมันดิบ โดยหลอกว่าหากเข้ามาลงทุนด้วยจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าท้องตลาด รวมถึงยังการันตีผลตอบแทนทุกเดือน
          
          7. คนดังชวนลงทุนทำธุรกิจ
          ใช้ชื่อเสียงของคนดังต่าง ๆ ออกมาโฆษณาชักชวนให้คนร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วย โดยเอาชื่อเสียงตัวเองการันตีว่าไม่มีการหลอกลวง และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่นอน ทำให้หลายคนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

          8. แชร์ลูกโซ่ออนไลน์
          แชร์ลูกโซ่ออนไลน์เป็นการหลอกลวงทาง Social Media ต่าง ๆ เช่น Line Facebook โดยชักชวนให้เล่นแชร์เป็นแพ็กเกจ มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินปันผลทุกสัปดาห์ และเมื่อวงแชร์มีขนาดใหญ่มากพอก็จะปิดวงแชร์แล้วหลบหนีเอาเงินไป

          9. ฌาปนกิจสงเคราะห์ปลอม

          พบเห็นได้มากในต่างจังหวัด โดยเป็นการชักชวนให้สมัครเป็นสมาชิกเพื่อจ่ายเงินสมทบกองทุนสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์รายเดือน โดยมีการจ่ายค่าสมัครครั้งแรก และจ่ายเงินสมทบเข้าทุก ๆ เดือน ซึ่งเมื่อครบตามกำหนดจะได้เงินค่าฌาปนกิจ สุดท้ายก็นำเงินหลบหนีไป ไม่จ่ายตามสัญญา

          10. ขายทริปเที่ยวในฝัน
          จากการสร้างธุรกิจเครือข่ายที่นำแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาถูกมาเป็นตัวล่อ ให้มีการจ่ายค่าสมัครแรกเข้า และจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อมีสิทธิ์ในการซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยว รวมทั้งยังมีการหลอกให้ซื้อแพ็กเกจราคาถูกกว่าปกติ เพื่อจูงใจคน แล้วเอาเงินที่ได้หลบหนีไป

          11. เปิดบ้านออมเงินให้ผลตอบแทนสูง
          เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของแชร์ลูกโซ่ที่พบบ่อยมากในโลกออนไลน์ โดยจะมีเจ้ามือเปิดเพจบ้านออมเงินต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วชักชวนให้คนนำเงินมาฝากกับตัวเอง การันตีเงินต้นไม่หาย ได้รับผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ลงเงิน 1,000 บาท ได้ดอกเบี้ย 200 บาท ใน 7 วัน ยิ่งลงมากยิ่งได้มาก หรือถ้าออมครบ 30 วัน รับผลตอบแทน 40% แต่ห้ามยกเลิก ห้ามถอนเงิน หรือต้องได้ดอกเบี้ยครบ 1,000 บาทก่อนจึงจะถอนเงินได้ เป็นต้น

          ยิ่งไปกว่านั้น บางบ้านให้ผลตอบแทนเป็นรายวัน รายชั่วโมงกันเลยทีเดียว ดึงดูดให้คนอยากนำเงินไปออมด้วย ซึ่งช่วงแรกอาจได้รับดอกเบี้ยตามกล่าวอ้าง แต่สักพักก็เงียบหาย สุดท้ายบ้านล่ม ล้มวงแชร์ เจ้ามือหนีตามระเบียบอย่างที่เป็นข่าวให้เห็นกันบ่อย ๆ และเงินที่ลงทุนก็สูญไปในพริบตา ปัจจุบันพบนักเรียน นักศึกษา ตกเป็นเหยื่อเยอะมาก


          ทั้งนี้ เป็นเพียงตัวอย่างลักษณะแชร์ลูกโซ่ที่มีโอกาสพบเห็นได้บ่อย แต่ยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่กลุ่มมิจฉาชีพนำมาปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อใช้หลอกลวงอยู่เรื่อย ๆ



          แชร์ลูกโซ่ ผิดกฎหมายหรือไม่
   
          แชร์ถูกโซ่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะเข้าข่ายการฉ้อโกง และหลอกลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อ ซึ่งมีโทษดังนี้

          - ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

          - พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ต้องระวางโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่

          - ความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          - หากเป็นการหลอกลวงในโซเชียลมีเดียจะเข้าข่ายความผิดฐานนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท

แชร์ลูกโซ่

          อย่างไรก็ตาม การที่จะเอาผิดแชร์ลูกโซ่ในปัจจุบัน ยังทำได้ยากและไม่สามารถเข้าจับกุมได้ทันที ต้องรอให้มีผู้เสียหายร้องให้ดำเนินคดีก่อน ประกอบกับต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐานอย่างยาวนานกว่าคดีจะสิ้นสุด กว่าที่ผู้เสียหายจะได้เงินคืนอาจเป็น 10-20 ปี ดังนั้นจึงควรระวังตัวเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อตั้งแต่แรกจะดีที่สุด 

          วิธีป้องกันตัวเอง ถ้าไม่อยากถูกหลอก

          1. มีสติ กลั่นกรองข้อมูลก่อนหลงเชื่อ
          โดยเฉพาะคำกล่าวอ้างที่จะให้ผลตอบแทนเว่อร์เกินจริง ถ้าลองพิจารณาให้ดีจะทราบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการฝากเงิน หรือนำไปลงทุนในธุรกิจปกติที่ให้ดอกเบี้ยสูงขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้น ยกเว้นว่าจะเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เราเสี่ยงผิดกฎหมายไปด้วย

          2. ตรวจสอบชื่อบริษัท
          ถ้าเป็นการลงทุนในบริษัท แนะนำให้ตรวจสอบชื่อบริษัทก่อนว่าจดทะเบียนขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยเช็กได้จากหลายแห่ง เช่น
          - เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 
          - เว็บไซต์ ก.ล.ต. 
          - เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ (กรณีเป็นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์)

          3. อย่าโลภ
          คำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ใช้เตือนตัวเองได้จริง เพราะเชื่อไหมว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนหลายรายรู้ดีว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ แต่คิดว่าเข้าไปก่อนคงไม่เป็นไร หวังจะกอบโกยกำไรให้ได้มาก ๆ ในช่วงแรก แล้วเดี๋ยวค่อยออกจากวง สุดท้ายเพราะความโลภบังตา เห็นว่าได้รับผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำก็ลงเงินเพิ่มไปเรื่อย ๆ บางคนถึงขั้นไปกู้ยืมมาออม มาลงทุน สุดท้ายลุกไม่ทันเสียหายหลายแสนหลายล้านบาทก็มี

          4. ติดตามข้อมูลข่าวสารสม่ำเสมอ
          ทุกวันนี้มีข่าวคดีฉ้อโกงในลักษณะแชร์ลูกโซ่เกิดขึ้นมากมาย และมักมีการเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ จนเราตามไม่ทัน และอาจถูกหลอกได้ง่าย ๆ จึงควรติดตามข้อมูลข่าวสารสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีความรู้ไว้ป้องกันตัวเองและคนรอบข้างไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

          ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่แล้ว ทำอะไรได้บ้าง
         
          หากใครที่รู้ตัวว่าหลงกลให้กับกลุ่มมิจฉาชีพไปแล้ว ให้รีบดำเนินการตามนี้ได้เลย

          1. เก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือสัญญา หลักฐานการโอนเงิน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่สำนักงาน หรือรูปถ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

          2. รีบเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย โดยสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสที่น่าสงสัยได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือโทร. 1202

          นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือของดีเอสไอที่ชื่อว่า "DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)" ทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อใช้ในการร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส ได้อีกทาง

แชร์ลูกโซ่

          ย้อนบทเรียนคดีแชร์ลูกโซ่ชื่อดัง

          1. แชร์แม่ชม้อย

          นางชม้อย ทิพย์โส อดีตพนักงานขององค์การเชื้อเพลิง ได้จัดให้มีการระดมเงิน โดยอ้างว่านำไปลงทุนในธุรกิจน้ำมัน และกำหนดวิธีการเล่นให้ลงเงินเป็นทุนในการซื้อรถขนน้ำมัน ซึ่งมีคนมาลงเงินจำนวนมาก เพราะได้รับผลตอบแทนทันทีใน 15 วัน ที่อัตราเดือนละ 6.5% หรือปีละ 78% จึงมีคนสนใจนับหมื่นราย

          แต่แท้จริงแล้ว นางชม้อยได้นำเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายแรก ๆ วนซ้ำไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดไม่สามารถนำเงินมาจ่ายได้ เพราะไม่มีผู้เล่นเพิ่มเติม ซึ่งมีผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวกว่า 16,000 คน มีการเข้าแจ้งความเอาผิดกับนางชม้อยและพวก รวมมูลค่าความเสียหายถึง 4,500 ล้านบาท ทำให้นางชม้อยถูกตัดสินจำคุก 154,005 ปี

          2. แชร์ลูกโซ่ยูฟัน

          มาจากที่ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซีย ได้เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งในไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยแจ้งประกอบธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต และมีการออกสกุลเงินเองเรียกว่า ยูโทเคน (UToken Cash) ซึ่งเป็นสกุลเงินรูปแบบดิจิทัล เพื่อใช้ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนในโลกออนไลน์ โดยมีค่าสมัครเป็นสมาชิกคนละ 17,000 บาท จนถึง 1,750,000 บาท

          อีกทั้งมีการชักชวนให้สมาชิกเข้ามาร่วมเครือข่าย และได้รับผลตอบแทนจากการชวนบุคคลอื่นเข้าร่วม ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกสูญเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 2,451 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 356 ล้านบาท
  
          3. คดีซินแสโชกุน

          ซินแสโชกุน หรือ นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ ได้ทำการหลอกลวงโดยการชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอ้างว่าจะมีสิทธิ์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี โดยหลอกให้สมาชิกเชื่อใจจากการพาไปเที่ยวต่างประเทศจริงใน 3-4 ครั้งแรก เพื่อให้กลุ่มสมาชิกที่ได้ไปเที่ยวชักชวนคนอื่น ๆ เข้ามาสมัครเพิ่มเติม จนสุดท้ายกลับมีการลอยแพสมาชิกที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ให้ตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท 

          4. แชร์แม่มณี

          กลายเป็นมหากาพย์โกงแชร์ลูกโซ่ที่มีความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท สำหรับ แชร์แม่มณี ของ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช ที่ชักชวนให้คนมาออมเงินโดยจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 93% โดยใช้วิธีเบสิกคือ ทำให้เหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่บ้านและแม่ลูกอ่อน ตายใจด้วยการโอนเงินค่าตอบแทนให้ตามที่ตกลงในช่วงแรก ๆ ก่อนจะเงียบหายไป ติดต่อไม่ได้ และไม่ได้โอนผลตอบแทนให้อีก สุดท้ายทางกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องเข้ามาดำเนินคดี

          เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องระวังตัวอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ เพราะความโลภของตนเอง ซึ่งธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังมีรูปแบบที่หลากหลาย เพราะฉะนั้นควรหมั่นติดตามข่าวสาร และมีสติอย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ซึ่งหากไม่มั่นใจว่าธุรกิจไหนมีความเสี่ยง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

          - สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โทร. 1166

          - กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โทร. 1202

          - กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 1570

          - สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โทร. 1207

          - ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร. 1213


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 8 มีนาคม 2564

 
ขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน

 
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รู้ทัน ! แชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุน-ออมเงิน สังเกตอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ อัปเดตล่าสุด 9 มีนาคม 2564 เวลา 14:14:24 127,832 อ่าน
TOP
x close