ข่าวดีเอาใจลูกหนี้ ! ธนาคารแห่งประเทศไทย จับมือกับสมาคมธนาคารทั้งไทยและต่างชาติ เปิดตัวคลินิกแก้หนี้เป็นครั้งแรก เริ่ม 1 มิถุนายน นี้
วันที่ 17 พฤษภาคม 2560 มีรายงานว่า มีการลงนามร่วมกันในโครงการแก้หนี้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ระหว่าง วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับผู้บริหารสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ SAM โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแก้ปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย ทำให้เกิดปัญหาเงินไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ โดยเฉพาะหนี้เสียค้างชำระเกิน 90 วัน
วันที่ 17 พฤษภาคม 2560 มีรายงานว่า มีการลงนามร่วมกันในโครงการแก้หนี้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ระหว่าง วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับผู้บริหารสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ SAM โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแก้ปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย ทำให้เกิดปัญหาเงินไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ โดยเฉพาะหนี้เสียค้างชำระเกิน 90 วัน
โดยให้ SAM เข้ามาเป็นตัวกลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ และให้คิดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้ไม่เกิน 7% มีเงื่อนไขลูกหนี้ต้องปรับพฤติกรรม ให้มีการบริหารการเงินดีขึ้น และห้ามก่อหนี้เพิ่มในช่วง 5 ปี
คุณสมบัติของลูกหนี้ ที่จะเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ รายละเอียดมีดังนี้
- ต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ประจำ
- ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี (ต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ)
- มีหนี้รวมห้ามเกิน 2,000,000 บาท
- มีหนี้กับธนาคารมากกว่า 2 แห่งใน 17 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
- จะต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่ 4% - 7% ต่อปีเท่านั้น
- มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกิน 3 เดือน กับ 2 ธนาคารขึ้นไป และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ ทั้งหมด 17 ธนาคาร ประกอบด้วย
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารทหารไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
- ธนาคารไอซีบีซี
- ธนาคารเกียรตินาคิน
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)
- ธนาคารธนชาต
- ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
- ธนาคารทิสโก้
- ธนาคารยูโอบี
- ซิตี้แบงก์
- แบงก์ออฟไชน่า
ส่วนสาเหตุที่จัดตั้งโครงการนี้ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย มีความเป็นห่วงหนี้ส่วนบุคคล เพราะปัจจุบันผู้กู้ในวัยทำงานอายุน้อย หรือตั้งแต่ 29 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ค้างชำระเกิน 90 วัน และไม่ได้ลดลงแม้ใกล้วัยเกษียณ ซึ่งจะมีผลต่อเงินออมเพื่อการเกษียณเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าขาดวินัยทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และภาพรวมเศรษฐกิจตามไปด้วย
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารทหารไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
- ธนาคารไอซีบีซี
- ธนาคารเกียรตินาคิน
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)
- ธนาคารธนชาต
- ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
- ธนาคารทิสโก้
- ธนาคารยูโอบี
- ซิตี้แบงก์
- แบงก์ออฟไชน่า
ส่วนสาเหตุที่จัดตั้งโครงการนี้ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย มีความเป็นห่วงหนี้ส่วนบุคคล เพราะปัจจุบันผู้กู้ในวัยทำงานอายุน้อย หรือตั้งแต่ 29 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ค้างชำระเกิน 90 วัน และไม่ได้ลดลงแม้ใกล้วัยเกษียณ ซึ่งจะมีผลต่อเงินออมเพื่อการเกษียณเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าขาดวินัยทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และภาพรวมเศรษฐกิจตามไปด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการที่ www.คลินิกแก้หนี้.com, www.debtclinicbysam.com และ 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,