วิธีเก็บเงินโดยการใช้เงินเพียงวันละ 150 บาท หลายคนอาจมองว่าเงินแค่นี้จะพอใช้อะไร งั้นลองมาดูรีวิววิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือนคนนี้ กับการใช้แอปฯ บันทึกรายรับ-รายจ่ายให้เป็นประโยชน์กันค่ะ

1
เดือนที่เริ่มออมเงินตามสไตล์มนุษย์เงินเดือนมา ลองทายดูเล่น ๆ
สิว่าเขาจะเอาตัวรอดอย่างไรกับเงินเพียงวันละ 150 บาท
แล้วสุดท้ายจะเหลือเงินเก็บเท่าไรกัน
รีวิวใช้เงินวันละ 150 บาท ใน 1 เดือนที่ผ่านมา + การใช้งาน App รายรับรายจ่าย Spandee โดยคุณปีโป้ราดซอสพริก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ผมได้เห็นกระทู้ที่บอกว่าใช้เงินวันละ 120 บาท เลยลองทำตามบ้าง แต่ของผมวันละ 150 บาท (ไม่รวมค่ารถ) ถ้าเหลือก็เก็บใส่กล่อง และทำการจดบันชีรายรับ-รายจ่ายทุกครั้ง แต่ไม่ถึงกับว่าเป๊ะ ๆ ทุกบาททุกสตางค์ เอาแค่พอรู้ว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และใช้ชีวิตปกติ ไม่ลำบากอะไร เที่ยว ดูหนัง เดินห้าง ช้อปปิ้งบ้าง
โดยผมได้ออกแบบกล่องใส่เงินไว้แบบนี้ครับ (โดยส่วนตัวชอบประดิษฐ์อะไรไปเรื่อยเปื่อย)

- มีฝาปิด และมีช่องไว้สำหรับหยอดเงินที่เหลือ ๆ มาในแต่ละวัน

- ด้านในจะแบ่งเป็นช่อง ๆ และเขียนเลขเอาไว้ตามวันที่ ทุก ๆ ต้นเดือนที่เงินเดือนเข้า ก็จะเบิกเงินออกมาและแลกในส่วนที่จะใช้ไว้ วันละ 150 และนำมาใส่กล่อง ก็ประมาณ 4,500 บาท

- และแบ่งเงินเก็บไว้อีกประมาณ 3,000-4,000 บาท ใส่ในบัญชีที่กดไม่ได้ ถอนได้อย่างเดียว
- และแบ่งเงินไว้เที่ยวเรื่อยเปื่อย ฉุกเฉิน เผื่อมีนัด ไว้อีกประมาณ 1,000 บาท ในบัญชีที่มีบัตรเอทีเอ็ม แต่จะพยายามไม่กด
- และเติมบัตรบีทีเอสไว้ตามที่ใช้งาน
- และทุก ๆ วันก็จะหยิบมาใช้และจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยผมใช้งาน App Spendee ครับ หน้าตาสวยดี ฟรีด้วยครับ
- เปิดมาหน้าตาก็จะประมาณนี้ครับ ให้เราสร้างกระเป๋าเงินขึ้นมา

- ข้อมูลสามารถซิงก์โดยล็อกอินกับเฟซบุ๊กไว้ครับ

- เมื่อสร้างเสร็จก็สามารถใส่การใช้เงินได้เลย สามารถเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสี เพิ่ม ลด ไอคอนต่าง ๆ ได้ด้วย โดยการกดค้างไว้

- และเมื่อใช้ไปเราสามารถดูเป็นกราฟได้ว่าเราเสียค่าใช้จ่ายรวม ๆ หมดไปกับค่าอะไรบ้าง

- ส่วนการซิงก์ข้อมูลแค่สไลด์ลง 1 ที โปรแกรมก็จะซิงก์ข้อมูลครับ อันไหนซิงก์แล้วก็จะไม่มีลูกศรด้านหลัง อันไหนยังไม่ซิงก์ก็จะมีลูกศรด้านหลัง

- และจากการใช้งานทุกอย่างมาหนึ่งเดือน ขึ้นเดือนใหม่ ผมเลยแกะเงินในช่องเก็บเงินที่เหลือจากรายวันออกมาปรากฏว่ามีเงินเก็บเพิ่มอีก 700 กว่าบาท
ป.ล. 1 อยากให้ทุกคนหันมาออมเงินกันนะครับ และการทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินใช้รายวัน ถ้ามีวินัยนิด ๆ ไม่หยิบเงินวันอื่นมาใช้ก็อยู่ได้ยาว ๆ ครับ
ป.ล. 2 เดือนนี้ลองลดมาเหลือ 140 บาทต่อวันดูว่าจะใช้ได้ไหม แต่ยังคงพกบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มไว้เผื่อฉุกเฉินเสมอ
ผมแลกเงินที่จะแบ่งที่ธนาคารครับ หลายคนสงสัยว่าแลกเงินที่ไหน 7-11 จะให้แลกไหม ส่วนมาก 7-11 ไม่ค่อยให้แลกครับ เพราะว่าเขาเอาเงินไว้ทอน
หลายคนชอบกล่องใส่เงิน บอกว่าน่ารัก
ราคาวัสดุ ทำกล่อง อยู่ที่ประมาณ 50-60 บาทครับ
วัสดุ
- กระดาษลูกฟูก ซื้อได้ตาม B2S Betrend
- กระดาษกาวแบบใช้น้ำ ราคาม้วนละ 6 บาท (หรือจะใช้กระดาษกาวทั่วไปก็ได้ครับ)
- คัตเตอร์ / ไม้บรรทัด / สีเมจิก
วิธีเก็บเงินของแต่ละคนย่อมมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป อย่างมนุษย์เงินเดือนหนุ่มคนนี้ที่ขอใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วยให้การออมเงินง่ายขึ้น นับเป็นวิธีเก็บเงินที่เจ๋งไม่เบาเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณปีโป้ราดซอสพริก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

มนุษย์เงินเดือนเป็นมนุษย์ประเภทที่บ่นบ่อย ๆ ว่าเงินเดือนไม่พอใช้
สิ้นเดือนทีเงินที่เข้ามาในบัญชีก็ถูกหักไปกับค่าใช้จ่ายจิปาถะ
รู้สึกตัวอีกครั้งก็เหมือนว่าเงินเดือนเรือนหมื่นร่อยหรอลงจนเหลือแค่หลักพันเป็นอย่างนี้ประจำ
เอ้า ! แต่ถ้าอยากเริ่มต้นเก็บเงินลองมาดูรีวิวของ คุณปีโป้ราดซอสพริก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ดีกว่า
เขาคนนี้เริ่มต้นเก็บเงินด้วยวิธีจำกัดงบประมาณการใช้จ่ายของตัวเองให้เหลือเพียงวันละ
150 บาท
และลงบันทึกรายรับ-รายจ่ายผ่านแอปพลิเคชันแจกให้โหลดฟรีในสมาร์ตโฟน
รีวิวใช้เงินวันละ 150 บาท ใน 1 เดือนที่ผ่านมา + การใช้งาน App รายรับรายจ่าย Spandee โดยคุณปีโป้ราดซอสพริก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ผมได้เห็นกระทู้ที่บอกว่าใช้เงินวันละ 120 บาท เลยลองทำตามบ้าง แต่ของผมวันละ 150 บาท (ไม่รวมค่ารถ) ถ้าเหลือก็เก็บใส่กล่อง และทำการจดบันชีรายรับ-รายจ่ายทุกครั้ง แต่ไม่ถึงกับว่าเป๊ะ ๆ ทุกบาททุกสตางค์ เอาแค่พอรู้ว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และใช้ชีวิตปกติ ไม่ลำบากอะไร เที่ยว ดูหนัง เดินห้าง ช้อปปิ้งบ้าง
โดยผมได้ออกแบบกล่องใส่เงินไว้แบบนี้ครับ (โดยส่วนตัวชอบประดิษฐ์อะไรไปเรื่อยเปื่อย)

- มีฝาปิด และมีช่องไว้สำหรับหยอดเงินที่เหลือ ๆ มาในแต่ละวัน

- ด้านในจะแบ่งเป็นช่อง ๆ และเขียนเลขเอาไว้ตามวันที่ ทุก ๆ ต้นเดือนที่เงินเดือนเข้า ก็จะเบิกเงินออกมาและแลกในส่วนที่จะใช้ไว้ วันละ 150 และนำมาใส่กล่อง ก็ประมาณ 4,500 บาท

- และแบ่งเงินเก็บไว้อีกประมาณ 3,000-4,000 บาท ใส่ในบัญชีที่กดไม่ได้ ถอนได้อย่างเดียว
- และแบ่งเงินไว้เที่ยวเรื่อยเปื่อย ฉุกเฉิน เผื่อมีนัด ไว้อีกประมาณ 1,000 บาท ในบัญชีที่มีบัตรเอทีเอ็ม แต่จะพยายามไม่กด
- และเติมบัตรบีทีเอสไว้ตามที่ใช้งาน
- และทุก ๆ วันก็จะหยิบมาใช้และจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยผมใช้งาน App Spendee ครับ หน้าตาสวยดี ฟรีด้วยครับ
- เปิดมาหน้าตาก็จะประมาณนี้ครับ ให้เราสร้างกระเป๋าเงินขึ้นมา

- ข้อมูลสามารถซิงก์โดยล็อกอินกับเฟซบุ๊กไว้ครับ

- เมื่อสร้างเสร็จก็สามารถใส่การใช้เงินได้เลย สามารถเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสี เพิ่ม ลด ไอคอนต่าง ๆ ได้ด้วย โดยการกดค้างไว้

- และเมื่อใช้ไปเราสามารถดูเป็นกราฟได้ว่าเราเสียค่าใช้จ่ายรวม ๆ หมดไปกับค่าอะไรบ้าง

- ส่วนการซิงก์ข้อมูลแค่สไลด์ลง 1 ที โปรแกรมก็จะซิงก์ข้อมูลครับ อันไหนซิงก์แล้วก็จะไม่มีลูกศรด้านหลัง อันไหนยังไม่ซิงก์ก็จะมีลูกศรด้านหลัง

- และจากการใช้งานทุกอย่างมาหนึ่งเดือน ขึ้นเดือนใหม่ ผมเลยแกะเงินในช่องเก็บเงินที่เหลือจากรายวันออกมาปรากฏว่ามีเงินเก็บเพิ่มอีก 700 กว่าบาท
ป.ล. 1 อยากให้ทุกคนหันมาออมเงินกันนะครับ และการทำแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินใช้รายวัน ถ้ามีวินัยนิด ๆ ไม่หยิบเงินวันอื่นมาใช้ก็อยู่ได้ยาว ๆ ครับ
ป.ล. 2 เดือนนี้ลองลดมาเหลือ 140 บาทต่อวันดูว่าจะใช้ได้ไหม แต่ยังคงพกบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มไว้เผื่อฉุกเฉินเสมอ
ผมแลกเงินที่จะแบ่งที่ธนาคารครับ หลายคนสงสัยว่าแลกเงินที่ไหน 7-11 จะให้แลกไหม ส่วนมาก 7-11 ไม่ค่อยให้แลกครับ เพราะว่าเขาเอาเงินไว้ทอน
หลายคนชอบกล่องใส่เงิน บอกว่าน่ารัก
ราคาวัสดุ ทำกล่อง อยู่ที่ประมาณ 50-60 บาทครับ
วัสดุ
- กระดาษลูกฟูก ซื้อได้ตาม B2S Betrend
- กระดาษกาวแบบใช้น้ำ ราคาม้วนละ 6 บาท (หรือจะใช้กระดาษกาวทั่วไปก็ได้ครับ)
- คัตเตอร์ / ไม้บรรทัด / สีเมจิก
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านครับ
วิธีเก็บเงินของแต่ละคนย่อมมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป อย่างมนุษย์เงินเดือนหนุ่มคนนี้ที่ขอใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วยให้การออมเงินง่ายขึ้น นับเป็นวิธีเก็บเงินที่เจ๋งไม่เบาเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณปีโป้ราดซอสพริก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม